น้านุชไม่ได้แปลกใจอะไรนักกับภาพข่าวจากหนังสือพิมพ์ แต่คิดว่าคนที่แปลกใจน่าจะเป็นลูกสาวของชัชวาล เพราะคนเป็นบิดาไม่เคยพาใครออกงานจริงจังเท่าครั้งนี้มาก่อน แถมยังเป็นงานสำคัญ คือ การเปิดตัวในฐานะนักการเมืองเสียด้วย
“สวัสดีค่ะ น้านุช ท่าทางจะติดใจชาสูตรใหม่ของฌาร์มแน่ๆ เลย” ท่าทางกับรอยยิ้มของหลานสาวทำให้น้านุชสบายใจ แต่ถึงอย่างไรวันหนึ่ง ฌาร์มคงต้องรู้อยู่ดี แต่คนอื่นไม่มีหน้าที่เข้าไปวุ่นวายเรื่องในครอบครัว สิ่งที่ตั้งใจไว้แต่แรกที่มาก็คือ ปลอบโยนหรือให้กำลังใจหลานสาว
“พอดีงานไม่ยุ่งสักเท่าไร อู้เสียบ้าง ข้าราชการอย่างน้าทำงานให้หลวงขันแข็งมาหลายสิบปี อู้นิดหน่อยคงไม่มีใครว่าหรอกมั้ง” น้านุชยิ้มให้ กับฌาร์มซึ่งกำลังพาเดินไปที่โต๊ะๆ หนึ่งด้านใน
“มีอะไรพิเศษหรือเปล่าคะ หรือฌาร์มไปทำอะไรไม่ดีเอาไว้”
“แม่คนนี้ก็นะ ตั้งแต่อ้อนแต่ออกจนถึงทุกวันนี้ เราน่ะเคยทำให้พ่อแม่เสียใจกับเขาด้วยหรือ ถามจริงๆ” น้านุชยิ้มเอามือทาบทับ
ไปที่ศีรษะของหลานสาวอย่างเอ็นดู ฌาร์มพนมมือไหว้
“ขอบคุณค่ะ ฌาร์มไม่มีใคร หากทำอะไรไม่ดี น้านุชดุว่าตักเตือนได้เลยนะคะ ฌาร์มรักน้านุชเหมือนแม่คนหนึ่ง ยิ่งตั้งแต่แม่เสียไปก็มีน้านุชนี่แหละที่คอยดูแลเอาใจใส่ ถามไถ่ทุกข์สุข” ฌาร์มพูดอ้อน แววตาที่ดูสดใสทำให้น้านุชคิดว่า หลานสาวคงยังไม่เห็นข่าวของบิดา
“น้าก็รักฌาร์มนะ ถ้าเกิดไม่สบายใจมีปัญหาอะไรไปหาน้านะ”
“วันนี้มาแปลก แน่ใจนะคะว่าไม่มีเรื่องอะไร” ฌาร์มถาม
“ขนมค่ะ” แป๋วแหววนำขนมมาให้และทำท่ารั้งรอเล็กน้อย
“ถ้าอย่างนั้น ฌาร์มไปชงชาให้ก่อนนะคะ ลูกค้าไม่เยอะ แป๋วแหวว อยู่คุยเป็นเพื่อนน้านุชก่อนนะจ๊ะ” ฌาร์มบอกกับแป๋วแหววที่รีบนั่งลงข้างๆ น้านุชแทนที่ฌาร์มทันที สองสาวต่างวัยพูดคุยกันเรื่องข่าว ซึ่งเลือกที่จะปก ปิดหากเจ้าตัวไม่รู้ก็ดีไป ถ้าจะรู้คงต้องให้รู้เอง แต่น้านุชแปลกใจตรงที่ศิตาแวะมาที่ร้านเมื่อเช้าตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดนี่สิ สองสาวดูแปลกๆ ขณะที่ฌาร์ม เดินกลับมา แป๋วแหววจึงรีบขอตัวไปทำงานต่อทันที
“แอบมีลับลมคมนัยอะไรกันแน่ๆ เลย สองสาว” ฌาร์มถาม
“เจอพ่อบ้างหรือเปล่า อยู่บ้านเดียวกันน่ะ” น้านุชถาม
“บ้างค่ะ แต่ไม่บ่อยนัก พ่อกลับดึก ส่วนฌาร์มออกเช้าพ่อยังไม่ตื่น แต่เมื่อวันก่อนเจอกันคุยกันนิดหน่อยค่ะ ถามทุกข์สุขกับเรื่องทั่วๆ ไป”
“ดีแล้วล่ะ พ่อกับลูกเหมือนอยู่กันคนละโลกเลยนะ หลังจากไม่มีคนคอยเชื่อมความสัมพันธ์” น้านุชยิ้มจางๆ เมื่อนึกถึงเพื่อนรักที่
จากไปก่อนวัยอันควร ไม่มีโอกาสได้ดูลูกสาวเจริญเติบโตจนเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ถ้าอยู่คงภูมิใจในตัวลูกสาวที่เลือกออกจากร่มเงาของบิดา จนกระทั่งแทบไม่มีใครรู้ว่า สาวเจ้าของร้านกาแฟที่นั่งยิ้มอยู่ตรงนี้ เป็นลูกสาวของชัชวาลที่เป็นข่าวใหญ่เมื่อคืนที่ผ่านมา
“แต่หลานน้านุชมีความสุขดีนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ” ฌาร์มยิ้มทำ ให้น้านุชสบายใจขึ้นมาก หลังจากกังวลมาตลอดตั้งแต่ได้เห็นข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์
“คนเราก่อนจะรักใคร ต้องรักตัวเองให้มากๆ เอาไว้ก่อน แล้วความรักจากตัวเราจะถูกส่งต่อและเผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นๆ รู้ไว้นะจ๊ะ” น้านุชพูดเตือนเผื่อเอาไว้วันข้างหน้า เพราะบางทีฌาร์มอาจจะได้แม่ใหม่ในอีกไม่นานนัก
“แหมจะหาแฟนให้ใช่ไหมล่ะคะเนี่ย” ฌาร์มพูดแหย่น้านุชและแอบนึกถึงคนที่น้านุชรู้จักและดูคุ้นเคยกันดี
“แนะมาก็ดีแล้ว จะหาให้ก็แล้วกัน” น้านุชหัวเราะ ความห่วงใยที่มีอยู่ในฐานะผู้ใหญ่ที่ห่วงลูกหลาน แต่น้านุชไม่คิดที่จะเข้าไป
จุ้นจ้านวุ่นวายอะไรด้วยนัก เพราะตัวเองไม่ใช่ญาติเป็นเพียงเพื่อนของมารดา แต่น้านุชยัง คงห่วงใยในตัวฌาร์มเสมอ
เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าทำให้ฌาร์มขอตัวออกมา ปล่อยให้น้านุชได้จิบชาและอ่านหนังสือตามสบาย โดยมีแป๋วแหววคอยไปดูแลถามไถ่ เผื่ออยากได้อะไรเพิ่มเติม
“สวัสดีฌาร์ม เย็นนี้ว่างไหม” เสียงปลายสายทำให้ฌาร์มยิ้ม
“นักออกแบบว่างงานหรือคะ” ฌาร์มถาม
“ตอนเลิกงานสิคะ ถ้าออกก่อนก็จะว่างงานเหมือนปากว่าค่ะ”
“ชวนไปไหนล่ะคะ” ฌาร์มถามยิ้มๆ
“ซื้อหนังสือ มีจัดงานลดราคา ไปเปล่า” จากครั้งก่อนก้าวหน้าพอ จะทราบว่าฌาร์มชอบอ่านหนังสือเช่นกัน
“เอาสิเจอกันที่งานหรือยังไงดี” ฌาร์มถาม
“เจอกันที่งานเลยดีกว่า ต่างคนต่างขับไปจะได้มีรถขนหนังสือกลับบ้านของใครของมัน เสร็จแล้วให้ก้าวเลี้ยงข้าวนะ หรือจะไปหาอะไรดื่มต่อค่อยว่ากันอีกที” ก้าวหน้าบอก เมื่อเหลือบมองเห็นศิตากวักมือเรียกจึงต้องรีบวางสายพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“ได้ ส่งข้อความแจ้งเวลานัดอีกทีนะจ๊ะ” ฌาร์มบอก
“ได้จ้ะ ไปล่ะ น้าซีนเรียก แค่นี้ก่อนนะ” ก้าวหน้าบอกก่อนจะวางสาย แต่ชื่อของอีกคนที่ได้ยินทำให้ฌาร์มยิ้มสวยๆ ออกมา
ศิตายิ้ม เมื่อเห็นหลานสาวมีรอยยิ้มแปลกๆ ปะปนไปด้วยท่าทีเขินอาย ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เพราะตอนที่ก้าวหน้ามีคนรัก
ตอนนั้นเรียนอยู่มหาวิทยาลัยพอเริ่มเข้ามาทำงานก็เลิกรากันไป แต่ดูเหมือนว่าน่าจะมีใครที่คุยอยู่ด้วย ถึงได้ออกอาการแปลกๆ ให้เห็น หลังวางสายที่เพิ่งพูดคุยไป
“มีความลับอะไรหรือเปล่า แววตาวิบวับขนาดนี้” ศิตาพูดแหย่
“ยังค่ะ” ก้าวหน้าบอกแล้วยิ้ม
“อย่าลืมพามาแนะนำนะ”
“น้าซีนก็นะ น้าซีนคะ ถามอะไรสักหน่อยได้ไหมคะ” ก้าวหน้าถาม
“เยอะก็ได้ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ศิตาท่าทางดูจริงจังและตั้งใจฟังสิ่งที่ก้าวหน้าจะบอก
“เคยเจอใครปุ๊บ แล้วชอบเขาเลยไหมคะ” ก้าวหน้าถาม ศิตายิ้มและแกล้งทำท่าคิด โดยถ่วงเวลาสักเล็กน้อย แล้วรอยยิ้มก็ผุดขึ้นเมื่อนึกถึงเจ้าของร้านกาแฟที่พิมพ์ดีดเสียงดังจนรำคาญ
“ชอบน่ะมี แต่รักแรกพบยังไม่เคยเจอ ตกลงคุยกับใครอยู่ใช่ไหม”
“แหม ถามนิดเดียวมาหลอกถามกลับอีก แค่รู้สึกค่ะ แต่ไม่รู้จะยังไงเหมือนกัน” ก้าวหน้าบอก
“สักพักคงรู้ว่า ยังไงเนอะ” ศิตาเอามือทาบทับไปที่ศีรษะหลานสาวและพากันพูดคุยกันเรื่องงานต่อ
ชัชวาลบิดาของฌาร์มเปิดประตูเข้ามาภายในร้านกาแฟ แป๋วแหววและพนักงานคนอื่นๆ พนมมือไหว้ทันที รวมถึงหญิงสาวที่มาด้วย ซึ่งท่านดูแลเอาใจใส่เหมือนกับทุกคนที่เคยมา พนักงานที่ไม่เคยเห็นได้รับการบอกเล่าจากพนักงานเก่าว่าเป็นบิดาของเจ้าของร้าน ชัชวาลเป็นชายหนุ่มสูงวัยหน้าตาดี ไม่น่าแปลกใจนักกับการที่มีหญิงสาวมากหน้าหลายตาเข้ามาในชีวิต เมื่อเดินเข้าไปภายในเห็นน้านุชจึงตรงเข้าไปทักทาย
“สวัสดีครับ คุณนุช” ชัชวาลทักทายน้านุช รวมถึงแนะนำหญิงสาวที่มาด้วยให้รู้จักกัน น้านุชแปลกใจมองดูหญิงสาวที่มากับ
ชัชวาล
“สวัสดีค่ะ คุณชัชสบายดีนะคะ” น้านุชพนมมือไหว้ เพราะบิดาของ ฌาร์มอายุมากกว่าหลายปี
“สบายดีครับ แอบมาเยี่ยมหลานบ่อยสิครับ เห็นวันก่อนฌาร์มบอกเหมือนกันว่า คุณนุชมาที่ร้าน” ชัชวาลเริ่มชวนพูดคุย น้านุชสังเกตดูหญิงสาวที่มาด้วย ซึ่งดูแลเอาใจใส่ชัชวาลเป็นอย่างดี
“คิดถึงก็แวะมาค่ะ”
“เออใช่ ผมว่าจะชวนคุณนุชมาทำงานด้วยอยู่เลย” ชัชวาลยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มของชายคนนี้มีเสน่ห์เสมอ เพราะไม่อย่างนั้นเพื่อน
รักของเธอคงไม่ตกหลุมรักได้ง่ายๆ
“งานอะไรคะ” น้านุชถาม
“ดูแลจัดการพรรคการเมืองครับ จัดการภายใน” ชัชวาลบอก น้านุชออกอาการแปลกใจ
“แต่ดิฉันรับราชการอยู่ ก็ดีแล้วนะคะ”
“คิดเสียว่า ผมทาบทามก็แล้วกันนะครับ ทราบอยู่ว่าราชการมีเงินบำเหน็จบำนาญก้อนโต แต่ถ้าทำงานกับผมเงินเดือนค่อนข้างสูง น่าจะพอสมน้ำสมเนื้อกับเงินที่ทางราชการจ่ายให้นะครับ” ชัชวาลเริ่มพูดหว่านล้อม
“พ่อจะพาน้านุชไปทำงานเหนื่อยจนเจ็บป่วยนะคะ” ฌาร์มมาได้ยินเข้ารีบพูดทัดทานทันที
“มีคนเก่งอยู่ข้างกาย ไม่ลองทาบทามดูล่ะคะ” น้านุชพูดเกริ่น หลัง จากฌาร์มมาทักทายบิดาและไปจัดการดูแลเรื่องเครื่องดื่ม
กับขนม เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใหญ่ได้พูดคุยกัน เพราะได้ยินพูดทาบทามกันเรื่องงาน
“งานเหมาะกับคุณนุชนะครับ ถ้าเพื่อนรักคุณนุชยังอยู่คงช่วยผมเกลี้ยกล่อมอีกคนแน่” ชัชวาลพูดถึงอดีตภรรยา ซึ่งทำให้น้านุชแอบถอนใจ เพราะหญิงสาวที่เป็นคู่ควงเมื่อคืนน่าจะทำงานได้ดีกว่า ถึงแม้จะลงมาช่วย งานไม่เต็มตัวนัก แต่หากมาเป็นคู่ครองจริงจังคงเต็มใจช่วยงานอย่างเต็มที่
“ไว้ดิฉันจะลองคิดดูนะคะ”
“ขอบคุณมากครับ ผมจะส่งรายละเอียดงานให้ลองพิจารณาดูนะครับ หวังว่าจะได้รับความกรุณาจากคุณนุช” บิดาของฌาร์มดู
เนียบขึ้นมาก อาจจะด้วยเพราะสภาพแวดล้อมและสังคม รวมถึงสาวๆ ที่ได้ยินมาว่าควงไม่ซ้ำหน้า แต่ไม่ได้จริงจังอะไร ซึ่งคงเป็นห่วงความรู้สึกของลูกสาวและบทสนทนาเรื่องงานจบลงทันที เมื่อฌาร์มกลับมาร่วมวงสนทนาด้วย น้านุชเอื้อม
มือไปวางทับมือของฌาร์มซึ่งวางอยู่ตัก คนเป็นหลานหันมายิ้มน้อยๆ ให้
ก้าวหน้าเป็นคนน่ารักช่างพูดช่างคุยและถือว่ามีความรู้รอบตัวค่อน ข้างมาก โดยเฉพาะเรื่องของหนังสือที่ช่วงหลังๆ ฌาร์มมีเวลาอ่านน้อยลง เพราะมัวไปมุ่งมั่นกับงานเขียน ซึ่งเมื่อวันก่อนก้าวหน้าถือมาอ่านที่ร้านโดยไม่รู้เลยว่า สิ่งที่ได้พูดแนะนำไปนั้น ตัวเองได้แนะนำสิ่งดีๆ ไปกับนักเขียนโดยตรง เรียกว่า จุดไต้ตำตอ แต่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องเลย
“เมื่อยฉิบเป๋ง เดินไปได้ยังไงสามสี่ชั่วโมง ลืมหิวเลย” ก้าวหน้ายิ้มเจื่อนๆ ที่หลงอยู่ในวังวนของหนังสือจำนวนมาก จนลืมนึกถึง
คนที่ไปด้วยว่าจะหิวหรือไม่ จนกระทั่งเวลาของอาหารค่ำล่วงเลยมาพักใหญ่
“เป็นหนอนหนังสือ นึกว่าไม่หิว กินหนังสืออิ่ม ซื้อเยอะขนาดนั้น อ่านหมดหรือ” ฌาร์มถาม
“สบายมาก บางทีอ่านจนลืมเวลาได้นอนวันสองสามชั่วโมงก็มี”
“ระวังเจ้านายจะไล่ออกเอานา” ฌาร์มยิ้ม เมื่อได้พูดแหย่ก้าวหน้า ที่กำลังเริ่มรับประทานอาหาร
“น้าซีนน่ะเหรอ ใจดีที่สุดในสามโลกแล้วรายนั้นน่ะ”
“ใช่เหรอ” ฌาร์มยิ้ม
“ถ้ายังไม่สนิท ก็จะดูหยิ่งๆ แล้วก็ปากร้ายไปบ้างบางที” ก้าวหน้าบอกความเป็นศิตาในมุมของหลานสาว ซึ่งต่างจากที่ฌาร์มได้
พบเจอและทำความรู้จักไปบ้าง ฌาร์มเลยยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไรถึงศิตา
“เออ มะรืนฌาร์มจะขอเข้าไปชมผ้าโบราณ ต้องโทรฯ ไปขออนุญาตกับคุณซีนก่อนหรือเปล่า” ฌาร์มถาม ก้าวหน้าจึงหยิบสมุดนัดหมายทำให้หน้าจ๋อยลงเล็กน้อย เพราะตัวเองมีนัดลูกค้า
“วันอื่นสิ ก้าวจะได้เป็นคนดูแลให้ข้อมูล เพราะมะรืนมีนัดลูกค้า”
“ไม่เป็นไร ขอดูเฉยๆ ไม่ต้องมีข้อมูลก็ได้ อยากเห็นเป็นบุญตาเพราะที่จัดแสดงก็สวยงามมากแล้ว ไอ้ที่เก็บเข้าห้องควบคุม
อุณหภูมิคงต้องใช้คำว่างดงามเลยใช่ไหมล่ะ” ฌาร์มถาม
“เป็นบุญตาแน่นอน น้าซีนหวงจะตาย ฌาร์มโชคดีนะที่ได้รับเชิญให้เข้าชมน่ะ แขกพิเศษเท่านั้นที่จะได้ย่างกรายเข้าไป” ก้าวหน้าบอก
“ขนาดนั้นเลย คงเพราะฌาร์มเป็นหลานน้านุชมั้ง”
“น้านุชยังไม่เคยเข้าไปดูเลยนะ เท่าที่รู้” ก้าวหน้าพูดและยังคงทานอาหารเคี้ยวตุ้ยๆ ฌาร์มยิ้มๆ มองดู
“ถ้าอย่างนั้น ไม่ไปขอดูดีกว่า เกิดไปทำอะไรเสียหายเข้า”
“ผ้านะ ไม่ใช่กระดาษ ซนสิเราน่ะ” ก้าวหน้าหัวเราะเล็กๆ
“ก็เห็นว่าน้าตัวเองปากร้าย เกิดไปทำอะไรเสียหายเข้า มิโดนด่าเปิงหรอกหรือ” ฌาร์มแอบยิ้ม แต่แสร้งทำท่าหวาดกลัว จนก้าว
หน้าหัวเราะดังกว่าเดิม
“จะบ้าหรือไง แต่น้าซีนน่ะ เวลารักใครรักจริงและใจดีที่สุด เรียกว่าต่างกันอย่างฟ้ากับเหวเลยแหละ แต่กับฌาร์มน่าจะรักนะ เพราะอนุญาตให้เข้าเขตหวงห้ามได้” ก้าวหน้าบอก แต่คนได้ยินคำว่ารักกลับรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
“คงต้องเอาชาไปคารวะ ฝากเนื้อฝากตัวเป็นหลานรักบ้าง”
“หลานรัก” ก้าวหน้ายิ้มๆ กับสิ่งที่ได้ยินออกมาจากปากของฌาร์ม