หลังจากวันที่หลานจิ้นหลี่ได้รับจดหมายจากบิดามารดา ชายหนุ่มก็จัดแจงสั่งบ่าวไพร่ในจวนให้เตรียมเรือนพักไว้ให้ครอบครัวที่จะเดินทางมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้าทันที
จวนแห่งนี้เป็นจวนขนาดกลาง ไม่เล็กไม่ใหญ่มีเรือนหลักสำหรับเจ้านายอยู่สามเรือนและมีเรือนสำหรับบ่าวไพร่อยู่ท้ายสุดของจวนอยู่หนึ่งหลัง ซึ่งจวนหลังนี้เป็นหนึ่งในสมบัติของตระกูลหลานที่มีมาแต่บรรพบุรุษ หลานเหวินมอบโฉนดที่ดินของจวนหลังนี้ให้บุตรชายคนโตเป็นของขวัญ หลังจากที่อีกฝ่ายสอบบรรจุเป็นขุนนางได้และต้องย้ายมาอยู่ในตัวเมืองอันหลางเป็นการถาวร
ผ่านไปสองวันครอบครัวตระกูลหลานจากชานเมืองของชายหนุ่มก็เดินทางมาถึง หลานเจี่ยเอ๋อร์ดีใจยกใหญ่ที่ได้มาเมืองหลวง แม้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้มาเยือนเมืองอันหลาง แต่กลับเป็นครั้งแรกที่เขาได้อยู่ที่นี่นานอย่างไม่มีกำหนดกลับ เด็กน้อยจึงอดที่จะหน้าบานไม่ได้
“พี่สาว ดูท่าว่าพวกเราใกล้จะถึงจวนของพี่ใหญ่แล้วนะขอรับ”
การเดินทางในครั้งนี้มีรถม้ามาด้วยสามคัน คันแรกเป็นรถม้าของบิดามารดาที่นำอยู่ข้างหน้า ส่วนรถม้าคันที่สองพี่น้องนั่งอยู่ตรงกลาง และมีรถม้าคันที่สามวิ่งตามอยู่ด้านหลังเพื่อขนสัมภาระทั้งยังมีเสี่ยวถงกับไช่เป่าคอยควบคุมดูแลอยู่
“ตื่นเต้นรึ?” หลานหลีเกอหันหน้าไปเอ่ยถามน้องชาย “เจ้าได้เข้ามาในเมืองหลวงบ่อยยิ่งกว่าพี่ เวลานี้ยังจะตื่นเต้นอยู่อีก”
“โธ่! พี่สาวอย่าพูดเช่นนั้นเลยขอรับ ข้าได้เข้ามาในเมืองหลวงบ่อยก็จริง แต่ทุกครั้งก็ล้วนไปกลับ หาได้เคยนอนค้างสักคืนไม่ จวนพี่ใหญ่อยู่ห่างออกไปนิดเดียว แต่ท่านพ่อกลับไม่เคยให้ไป” นิดเดียวในความหมายของหลานเจี่ยเอ๋อร์คือราวๆ สามสิบลี้
“เพราะท่านพ่อกลัวว่าเจ้าจะเล่นเพลินจนเสียงานน่ะสิ” หลานหลีเกอเอ่ยอย่างรู้ทัน
หลานเจี่ยเอ๋อร์นั้นอะไรก็ล้วนรู้ความ ผิดเสียแต่ติดเล่นไปหน่อยเท่านั้น ขนาดว่ายามนี้ใกล้จะกลายเป็นบุรุษเต็มตัวในอีกไม่กี่ปี ทว่าน้องชายของนางผู้นี้ก็ยังชื่นชอบการยิงนกตกปลาหรือเล่นซ่อนแอบอยู่เลย
“มันก็...” หลานเจี่ยเอ๋อร์ยิ้มแหย ไม่กล้าเอ่ยคำแก้ตัวแม้แต่ครึ่งคำ
สองพี่น้องคุยกันไปได้ไม่นานรถม้าก็ชะลอและหยุดลงในที่สุด หลานเจี่ยเอ๋อร์ตื่นเต้นจึงลุกออกไปจากรถม้าอย่างรวดเร็ว ส่วนหลานหลีเกอก็ลอบสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ ในหัวของนางตอนนี้คิดอยู่อย่างเดียวว่า โลกใบนี้จะกลมจนทำให้นางต้องพบเจอกับสองพี่น้องคู่นั้นอีกหรือไม่นะ?
คิดไปยังไม่ทันได้เปลี่ยนความคิด สองขาก้าวลงมาจากรถม้ายังไม่ทันได้ยืนให้ดี บุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ทำเอาสองขาของหลานหลีเกอแทบหมดเรี่ยวแรง ล้มกองลงไปกับพื้น หากไม่ได้เสี่ยวถงประคองไว้ มาตรว่านางคงได้ลงไปกองอยู่ที่พื้นแล้วจริงๆ
เหตุใดนางจึงต้องพบเจอเขาในเวลานี้ด้วย?
หนิงอ๋อง...โจวเฟิงซี
มือบางใต้แขนเสื้อของหลานหลีเกอเย็นเยียบ เสี่ยวถงที่ประคองหญิงสาวอยู่เอ่ยเรียกผู้เป็นนายอยู่สองสามครั้ง นั่นจึงทำให้หลานหลีเกอได้สติคืนกลับมา
การได้พบเจอคนที่ฆ่าตนเองตายเมื่อชาติที่แล้วตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบย่ำลงบนแผ่นดินเมืองอันหลาง เป็นสิ่งที่หลานหลีเกอไม่เคยคิดว่าต้องประสบพบเจอมาก่อน ทำให้หญิงสาวตั้งรับไม่ทัน แม้ว่าคนผู้นั้นจะยืนอยู่ค่อนข้างไกล ทว่า...พื้นที่ตรงนั้นก็คือหน้าจวนของพี่ชายนางมิใช่หรือ?
“พี่รองหน้าซีดมากเลยขอรับ”
หลานเจี่ยเอ๋อร์เอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงพี่สาวของตน หนุ่มน้อยเดินไปหาบิดาที่เพิ่งลงจากรถม้าก่อนบอกเล่าอาการของพี่สาว
หลานหลีเกอปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนเดินเข้าไปหาบิดามารดาช้าๆ ข้างกายมีเสี่ยวถงประคองอยู่ไม่ห่าง
“เมารถม้ารึ? ไยจึงมีสีหน้าซีดเซียวปานนั้น” หลานเหวินเอ่ยถามบุตรสาว
เถาลี่อิงปราดเข้ามาดูก็พบว่ามือสองข้างของบุตรสาวเย็นเฉียบ “ไยจึงเนื้อตัวเย็นเช่นนี้ได้เล่า? เมื่อเช้ายังอาการดีๆ อยู่เลย”
“ท่านพ่อท่านแม่อย่าได้ห่วง ลูกเพียงแค่รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยเจ้าค่ะ อีกทั้งยังตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก เลือดลมเลยติดขัดบ้างก็เท่านั้น”
พอหลานหลีเกอพูดจบ ร่างของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาหาทุกคนที่ยืนอยู่หน้าจวน เขากล่าวแนะนำว่าตนเป็นพ่อบ้านประจำจวนแห่งนี้ ก่อนจะเชื้อเชิญให้ทุกคนเข้าไปยังด้านในจวน มุ่งหน้าสู่ห้องรับรอง รอหลานจิ้นหลี่ที่กำลังติดแขกสำคัญอยู่ในเวลานี้ออกมาพบ
“พ่อบ้านชิว เมื่อครู่ท่านว่าแขกที่เพิ่งมาหาจิ้นเอ๋อร์นั้นคือผู้ใดนะ?” หลานเหวินเอ่ยถามพ่อบ้านประจำจวนซ้ำอีกครั้ง สิ่งที่เขาได้ยินเมื่อครู่ใช่เขาหูฝาดไปเองหรือไม่?
เวลานี้บุตรชายของเขาถึงกลับมีเชื้อพระวงศ์มาหาถึงที่จวน?
“เรียนนายท่านผู้เฒ่า เวลานี้นายท่านกำลังติดธุระสำคัญอยู่กับหนิงอ๋องขอรับ”
“หนิงอ๋อง? ...ใช่องค์ชายสาม โอรสของฝ่าบาทกับหลิวกุ้ยเฟยหรือไม่?”
“ใช่แล้วขอรับ” พ่อบ้านชิวตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อีกทั้งยังเปิดปากเล่าต่ออีกเล็กน้อยว่านายท่านหลานหรือหลานจิ้นหลี่นั้น มีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างจะพิเศษกับแขกผู้สูงศักดิ์ผู้นั้น
หลานเหวินรับฟังด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ทว่าหลานหลีเกอที่ยืนฟังอยู่ด้านหลังนั้นได้ลอบจิกเล็บตนเองจนเข้าไปถึงเนื้อ ใบหน้างดงามของนางยังเรียบนิ่งไร้อารมณ์ ทว่าฟันกรามทั้งสองข้างกลับขบเข้าหากันแน่นจนใบหน้าแทบสั่นเพราะความแค้นเคือง ทว่านางยังสามารถกดข่มอารมณ์เหล่านั้นไว้ได้
ชาติที่แล้วเขาฆ่านางด้วยมือตนเองยังไม่พอ...มาชาตินี้เขายังมาพัวพันข้องเกี่ยวกับพี่ชายคนเดียวของนางอีก…
โจวเฟิงซี...ท่านกำลังจองเวรจองกรรมข้าอยู่เช่นนั้นรึ!
ผ่านไปราวสองก้านธูปหลานจิ้นหลี่ก็พูดคุยธุระสำคัญกับหนิงอ๋องเสร็จ ชายหนุ่มหมายจะเดินไปส่งผู้สูงศักดิ์ขึ้นรถม้าที่หน้าจวน ทว่าอีกฝ่ายกลับเอ่ยปากขึ้นมาว่าต้องการพบหน้าบิดามารดาของเขา อีกทั้งยังต้องการเอ่ยคำขออภัยที่เสียมารยาทมารบกวนเวลาของครอบครัว
ฝ่ายหลานเหวินไหนเลยจะต้องการคำขอโทษขอโพยจากผู้สูงศักดิ์ ทว่าชายวัยใกล้ห้าสิบอย่างเขาก็รู้จักกาลเทศะดี คำขอโทษจากหนิงอ๋องนั้นเขาไม่อาจรับได้ ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่จะปฏิเสธอ๋องหนุ่มให้ทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญหน้ากันยากลำบาก
ในจังหวะที่หนิงอ๋องย่างเท้าเข้ามาในห้องรับรอง ร่างกายของหลานหลีเกอพลันแข็งทื่อราวกับถูกสาป ใบหน้าหล่อเหลาส่อเค้าความเป็นบุรุษผู้มีจิตใจดีของเขายังคงเหมือนเดิมกับชาติที่แล้วไม่เคยเปลี่ยน แววตาคู่นั้นยังให้ความรู้สึกอบอุ่นราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้าไม่สร่างซา...
หลานหลีเกอก้มหน้าลงเก็บสายตาที่เผลอจ้องมองเขากลับคืนมา หญิงสาวนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้นางไม่ใช่ฮัวจื่อเวยอีกแล้ว ไม่มีทางที่อ๋องผู้นั้นจะจดจำนางได้ อีกทั้งนางก็ไม่ควรปล่อยให้เรื่องในชาติที่แล้วมาครอบครองสติของตนเองในเวลานี้ ไม่เช่นนั้นนางอาจจะเผลอตัวทำอะไรลงไปตามสัญชาตญาณจนเป็นเหตุให้ครอบครัวเดือดร้อนเอาได้...
อาทิ หยิบแจกันหินอ่อนใบนั้นมาฟาดลงไปที่หัวเขา ก่อนจะใช้เศษแจกันแทงทะลุให้ถึงหัวใจอันโหดร้ายของเขา
ทว่า...หนิงอ๋องผู้นี้มิใช่ศัตรูเพียงคนเดียวของนางเสียเมื่อไหร่
เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองยังมีศัตรูตัวฉกาจอยู่อีกคน ลมหายใจของหลานหลีเกอก็ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ เทียบกับหนิงอ๋องที่ยืนอยู่ในห้องนี้แล้ว คนผู้นั้นสมควรถูกฆ่าให้ตายเป็นร้อยครั้งพันครั้งมากกว่า
เจาอ๋อง โจวซีเฉิน สามีในชาติที่แล้วของนาง!
หนิงอ๋องพูดคุยกับหลานเหวินอยู่ราวสองสามประโยค อีกทั้งยังหันมาพูดคุยกับมารดาของนางประโยคหนึ่ง ทำนองว่าตนเองนั้นเสียมารยาทนักหนาที่เข้ามาขัดจังหวะเวลาครอบครัว
“นี่คือน้องชายน้องสาวของเจ้าหรือ?” หนิงอ๋องเอ่ยแล้วหันมามองทางที่หลานหลีเกอกับหลานเจี่ยเอ๋อร์ยืนอยู่
“ทูลท่านอ๋อง ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หลานจิ้นหลี่เอ่ยตอบผู้สูงศักดิ์