บทที่ 3
ศาลาอาถรรพ์
คล้อยหลังจากที่ผู้เป็นพี่ชายเดินห่างออกไปไกลแล้ว หลานหลีเกอก็พาร่างกายอันอ้วนกลมของตนเองวิ่งกลับไปที่ศาลาเหลียนฮวาในทันที
เด็กน้อยสับเท้าวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะวิ่งได้ เพื่อที่ว่านางจะได้วิ่งกลับมาก่อนที่พี่ชายของนางจะกลับมา แล้วพบว่านางไม่ได้นั่งรอเขาอยู่ที่เดิมตามคำสั่ง
สองเท้าน้อยๆ วิ่งกลับมาที่ศาลาเหลียนฮวาด้วยเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ หลานหลีเกอรีบวิ่งขึ้นสะพานไม้ไผ่ตรงไปยังศาลาที่ตั้งเด่นอยู่กลางน้ำนั่นทันที ลมสายหนึ่งพัดผ่านร่างเล็กของหลานหลีเกอไป ดอกบัวที่บานสะพรั่งอยู่ในน้ำด้านล่างพลิ้วไหวตามแรงลม ก่อนที่บัวดอกหนึ่งจะจมหายลงไปในน้ำราวกับว่าก้านดอกถูกหักจากด้านล่าง ด้วยฝีมือของอะไรบางอย่างที่อยู่ใต้น้ำนั่น
หลานหลีเกอไม่สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ ร่างเล็กวิ่งเข้าไปในศาลาด้วยความรวดเร็ว และเมื่อไปถึงเด็กน้อยก็ไม่สังเกตเห็นสิ่งใดเลยนอกเหนือจากฝุ่นที่ติดอยู่ตามม้านั่ง และหยากไย่มากมายที่ถักทอกันอยู่บนหลังคารวมไปถึงฝาผนัง หนาทึบราวกับผ้าผืนหนึ่ง
“ก็ไม่เห็นจะมีอะไร” หลานหลีเกอเอ่ยออกมาในที่สุด
ศาลาเหลียนฮวาเป็นศาลากลางน้ำ มองจากด้านนอกคล้ายกับว่าเป็นศาลาแปดเหลี่ยมธรรมดา แต่พอเดินเข้ามาด้านในกลับพบว่าแท้จริงแล้วศาลาแห่งนี้กว้างขวางราวกับห้องห้องหนึ่งก็มิปาน
ความสกปรกตรงหน้าทำให้หลานหลีเกอตัดสินใจไม่เดินสำรวจต่อ เด็กน้อยหมุนกายกลับหลัง หมายจะเดินออกไปจากศาลาแล้ววิ่งกลับไปหาพี่ชาย ทว่าในจังหวะที่ร่างเล็กหมุนตัว หางตาของนางก็เหลือบไปเห็นดอกไม้สีแดงดอกหนึ่งเข้าพอดี
“เอ๊ะ?” หลานหลีเกออุทานออกมาด้วยความแปลกใจ
ดอกไม้สีแดงดอกนี้ผุดขึ้นมาจากพื้นไม้ของศาลา โดยที่พื้นด้านล่างนั่นปราศจากดินหรือแม้แต่กระถางปลูก ทว่าอยู่ๆ มันก็งอกเงยขึ้นมาเสียอย่างนั้น
หลานหลีเกอมองบุปผาสีแดงดอกนั้นด้วยความแปลกใจ ไม่ใช่ว่ายามนี้นางกำลังถูกผีหลอกอยู่หรอกกระมัง?
ยังไม่ทันที่หลานหลีเกอจะคิดออกว่านางควรทำสิ่งใดต่อไป ลมสายหนึ่งก็พัดเบาๆ เข้ามาในศาลา กลิ่นหอมอ่อนๆ บางอย่างลอยเข้ามาภายในจมูก เด็กน้อยขมวดคิ้ว จ้องมองดอกไม้สีแดงนั่นอย่างไม่กะพริบตา
“กลิ่นหอมนี้มาจากเจ้ารึ?” หลานหลีเกอเอ่ยก่อนจะเด็ดบุปผาสีแดงดอกนั้นขึ้นมาดม
กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยเข้าไปภายในโพรงจมูกของเด็กน้อย คราแรกหลานหลีเกอคิดว่าดอกไม้สีแดงดอกนี้มีกลิ่นหอมมากทีเดียว ทว่าจากนั้นไม่นานนางก็ต้องทิ้งดอกไม้สีแดงดังกล่าวลงพื้น ด้วยเพราะเวลานี้ บุปผาสีแดงดอกนั้น ทำให้หลานหลีเกอไม่ใช่หลานหลีเกออีกต่อไป!
เด็กน้อยมองเห็นสตรีนางหนึ่งในชุดแต่งงาน ตลอดจนเหตุการณ์ร้ายดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น นางเห็นบุรุษผู้เป็นเจ้าบ่าวมอบหนังสือบางอย่างให้สตรีนางนั้น เห็นสตรีนางเดินทางกลับบ้านเดิมของตน และเห็นคนจำนวนมากนอนตายอยู่ในจวนหลังหนึ่ง
จากนั้นหลานหลีเกอก็เห็นสตรีนางนั้นถูกตามไล่ล่าและถูกบุรุษรูปงามผู้หนึ่งช่วยเหลือไว้ ทว่าภาพก็ตัดกลับไปที่สตรีนางนั้นถูกบุรุษผู้เป็นอดีตสามีที่ตามมาพบ ก่อนที่นางจะถูกบุรุษคนที่ช่วยนางไว้หันปลายกระบี่มาที่นาง และปลิดชีพนางในที่สุด
เฮือก!!!
หลานหลีเกอสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ เด็กน้อยมองไปที่บุปผาสีแดงดอกนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ภาพสุดท้ายที่นางเห็นก่อนที่จะรู้สึกตัว คือใบหน้าของสตรีนางนั้น...เป็นคนคนเดียวกันกับภาพจำที่หลานหลีเกอเห็นอยู่บ่อยๆ
“นี่มัน...อะไรกัน?”
สองขาน้อยๆ พยายามก้าวออกมาจากศาลาเหลียนฮวา ทว่าสิ่งที่นางประสบมาเมื่อครู่นี้ทำให้นางเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก จนสุดท้ายเด็กน้อยก็ไม่อาจทนรับกับสิ่งที่พบเจอได้และหมดสติล้มลงไปในที่สุด
“หลี่เอ๋อร์!”
หลานจิ้นหลี่ร้องเรียกน้องสาวดังลั่น เมื่อเขาหันมาเห็นร่างของน้องน้อยกำลังล้มลงกับพื้นภายในศาลาเหลียนฮวาพอดี
หลานหลีเกอถูกพาตัวกลับมาที่จวนตระกูลหลานด้วยความรวดเร็ว หลานเหวินรีบสั่งให้พ่อบ้านหานไปตามหมอฝีมือดีมาดูอาการของบุตรสาวด้วยความร้อนใจ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นรึจิ้นเอ๋อร์ น้องสาวเจ้าเป็นอันใด ไยนางจึงหมดสติไปเช่นนี้” หลานเหวินเอ่ยถามบุตรชายเสียงเบา
“วันนี้ข้าพานางไปเที่ยวชมสำนักศึกษาขอรับ ตั้งใจว่าหากนางเห็นเด็กๆ คนอื่นร่ำเรียนหรือเห็นสถานที่สวยงามแล้วนางอาจจะเกิดความมุมานะอยากเรียนเช่นเด็กคนอื่นขึ้นมาบ้าง ข้าพานางเดินชมไปจนทั่วสำนักศึกษา รวมไปถึงศาลาเหลียนฮวาด้วย”
“ตอนแรกข้าห้ามนางไม่ให้เขาไปและพานางเดินออกมา แต่ไม่คิดเลยว่าตอนที่ข้าไปหาน้ำมาให้นางดื่ม หลีเอ๋อร์จะแอบกลับไปที่ศาลาเหลียนฮวานั่น อีกทั้งยังเดินเข้าไปด้านในอีก พอข้ากลับมาไม่เจอนางก็เที่ยวตามหาจนทั่ว ก่อนจะพบว่านางนอนหมดสติอยู่ภายในศาลาเหลียนฮวาขอรับ”
หลานจิ้นหลี่อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ผู้เป็นบิดาฟังอย่างละเอียด ก่อนที่เด็กหนุ่มจะคุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าผู้เป็นบิดา
“ลูกทำผิดที่ดูแลน้องสาวไม่ดี ขอท่านพ่อได้โปรดลงโทษลูกด้วยขอรับ!”