บทที่ 2 สำนักศึกษาคงเสวีย 1

1501 คำ
บทที่ 2 สำนักศึกษาคงเสวีย หลังจากที่ได้ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยปากกับบิดามารดา มาตรการงดขนมหวานและลดปริมาณการกินของหลานหลีเกอก็สิ้นสุดลง เย็นวันนั้นเด็กหญิงยิ้มกว้างด้วยความสุข ก่อนจะกินข้าวหมดไปถึงสองถ้วย เรียกได้ว่าเป็นมื้อเย็นที่นางสำราญยิ่งนัก คืนนั้นหลานจิ้นหลี่ตามมาส่งน้องสาวถึงห้องนอน เด็กหนุ่มวัยสิบห้านั่งรอน้องสาวในห้องจนกระทั่งนางจัดการธุระส่วนตัวด้วยตนเองจนเสร็จ และเตรียมตัวที่จะเข้านอน เขาตามไปห่มผ้าให้น้องสาว ก่อนที่จะดับเทียนแล้วออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูให้อย่างเสร็จสรรพ การกระทำดังกล่าวของผู้เป็นพี่ชายทำให้หลานหลีเกอสงสัยยิ่งนัก ยิ่งเขาปฏิบัติต่อนางเยี่ยงนั้นติดต่อกันถึงสามวันเด็กน้อยก็ยิ่งสงสัย จนเมื่อย่างเข้าวันที่เจ็ด หลานหลีเกอถึงได้เข้าใจ และได้รู้ว่าตนเองนั้นหลงกลหลุมพรางของผู้เป็นชายเสียแล้ว เมื่อเขาได้ออกปากว่าต้องการให้นางไปช่วยงานที่สำนักศึกษา หากจะว่ากันตามความเป็นจริง เด็กห้าหนาวจะไปทำอะไรได้ในสำนักศึกษา? “พี่ก็แค่อยากจะให้เจ้าไปเป็นเพื่อนพี่และช่วยงานเล็กๆ น้อย” หลานจิ้นหลี่เอ่ยอย่างอยากจะหลอกล่อเด็กน้อยผู้เป็นน้องสาว “หลีเกอตัวเท่านี้จะช่วยงานพี่ใหญ่ได้อย่างไรเจ้าคะ?” หลานหลีเกอยังซักถามไม่หยุด “ช่วยได้สิ” คนเป็นพี่ชายตอบเพียงเท่านั้น ทั้งยังแสดงสีหน้าออดอ้อนน้องสาวตัวน้อยเป็นนักหนา “เห็นแก่ที่พี่ช่วยออกหน้าเรื่องนั้นให้เจ้า หลีเอ๋อร์ช่วยพี่หน่อยเถอะนะ” นั่นไงพี่ชายสุดประเสริฐของนางลำเลิกบุญคุณแล้ว... “พี่ใหญ่ให้หลีเกอไปช่วยงาน นานกี่วันเจ้าคะ?” “ไม่นาน เพียงแค่สามวันเท่านั้น” หลานจิ้นหลี่เอ่ยตอบน้องสาวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ แต่มีข้อแม้ว่าอาหารจะต้องอร่อยนะเจ้าคะ” เมื่อได้ยินอย่างนั้น ผู้เป็นพี่ก็รับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ เด็กน้อยรู้สึกสบายใจที่อย่างน้อยๆ นางก็จะได้กินอาหารจนอิ่ม แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่างานที่พี่ชายจะให้ช่วยนั้นเป็นงานอะไรก็ตาม ต้องมีลับลมคมในอะไรแน่ๆ เด็กน้อยตัวอ้วนกลมครุ่นคิด หลานหลีเกอก็เพียงรับปากพี่ชายไปอย่างนั้น ทั้งที่ในสมองก็คอยคิดหาทางแก้ไขเหตุการณ์ตรงหน้าไม่หยุด นางไม่อยากขยับกายหรือลงมือทำอะไร เพราะเมื่อทำอะไรสักอย่างลงไป ภาพความจำเหล่านั้นก็จะฉายชัดเข้ามาในหัวน้อยๆ ของนาง จริงอยู่ที่ว่านางไม่กลัวภาพความทรงจำที่ตนเองเห็นเหล่านั้น แต่ใช่ว่านางอยากจะเห็นภาพเหล่านั้นเมื่อไหร่กัน ในทางตรงข้าม นางกลับรู้สึกรำคาญภาพความจำพวกนั้นยิ่ง “เฮ้อ! คิดมากไปก็เปล่าประโยชน์” หลานหลีเกอเอ่ยออกมาหลังจากที่นั่งคิดหาทางออกกับปัญหาที่ว่าไปพักใหญ่ๆ ไปก็ไปสิ...ก็แค่สำนักศึกษามิใช่หรือ? ผู้ใดกลัวกันเล่า! อีกเหตุผลหนึ่งที่หลานหลีเกอทำตนเกียจคร้านตัวเป็นขนมาโดยตลอด ก็เพราะว่าเด็กน้อยไม่อยากไปเรียนที่สำนักศึกษานั่นเอง ด้วยเหตุผลที่ว่านางเรียนมามากพอแล้วในความรู้สึก เพราะมีความทรงจำเกินๆ เหล่านั้นผุดขึ้นมาในหัว ทุกสิ่งในชีวิตของเด็กหญิงตัวน้อยจึงกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อไปเสียหมด และไม่ว่าหลานหลีเกอจะคิดอยากทำอะไร ความรู้สึกข้างในก็มักจะคอยบอกนางเสมอ ว่านางเคยได้ทำสิ่งเหล่านั้นมาแล้ว ทำมาหลายครั้งแล้ว ทำมานานแล้ว วันต่อมาหลังจากที่ทานมื้อเช้าเสร็จ หลานจิ้นหลี่ก็พาน้องสาวตัวน้อยออกจากจวนในช่วงสาย ทว่าสิ่งที่ทำให้เด็กหญิงตัวน้อยหน้างอใส่ผู้เป็นพี่ ก็คือการที่เขาพานางเดินออกจากจวน เพื่อเดินไปที่สำนักศึกษา ไม่ได้พานางนั่งรถม้าไปอย่างที่เด็กน้อยเข้าใจ “หลีเกอว่าพี่ใหญ่ต้องการกลั่นแกล้งหลีเกอเป็นแน่” เด็กน้อยตัวกลมเอ่ยขึ้นหลังจากผู้เป็นพี่ชายพาเดินออกมาไกลได้ราวครึ่งลี้ “เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น พี่ชายออกจะรักเจ้าปานดวงใจ เจ้าไม่เคยรับรู้เลยหรือ?” หลานจิ้นหลี่ว่า เขาหันไปหาบ่าวชายที่เดินตามมาด้านหลัง ก่อนจะชี้มือไปที่กระบอกน้ำดื่มที่อีกฝ่ายสะพายอยู่ “น้องพี่เหนื่อยหรือไม่ พักดื่มน้ำก่อนดีไหม เจ้าเหงื่อท่วมตัวเช่นนี้พี่เห็นแล้วสงสารยิ่งนัก” หลานหลีเกอหันหน้าไปมองผู้เป็นพี่ชายทันทีที่เขาเอ่ยจบ ด้วยเพราะน้ำเสียงของเขานั้นฟังดูหาใช่วาจาเป็นห่วงเป็นใยนางไม่ ที่แท้พี่ชายก็หลอกให้นางมาเดินออกกำลังนี่เอง! หลานหลีเกอเม้มปาก เมื่ออ่านความคิดของผู้เป็นพี่ชายออก หากนางรู้เช่นนี้นางจะยอมกินข้าวแค่เพียงครึ่งถ้วย แลกกับการที่นางจะได้ไม่ต้องมาเดินเหงื่อตกอย่างเช่นตอนนี้ ทว่าเรื่องนี้จะโทษใครได้ ในเมื่อเป็นนางที่ตะกละและเห็นแก่กิน หาไม่แล้วเวลานี้นางคงได้นอนเอนกายอยู่ในเรือน ทั้งยังสามารถไปหลอกเอาขนมจากเสี่ยวถงมากินได้อีก... พี่ใหญ่...ท่านน่าชังยิ่งนัก! หลานหลีเกอบริภาษถ้อยคำเหล่านั้นในใจ สิ่งเดียวที่ทำได้คือตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป ว่าแต่พี่ใหญ่จะพกขนมหรือแผ่นแป้งย่างมาด้วยหรือไม่นะ ตอนนี้นางรู้สึกหิวอีกแล้ว... สองพี่น้องกับอีกหนึ่งบ่าวรับใช้ เดินมาถึงหน้าสำนักศึกษาคงเสวียในตอนปลายยามอู่ (11.00-12.59น.) ทันทีที่ย่างก้าวเข้ามาภายในสำนักศึกษา หลานหลีเกอก็ร้องหาอาหารกลางวันกับผู้เป็นพี่ชายในทันที ตามปกติแล้วสำนักศึกษาแห่งนี้มีนักเรียนอยู่สองจำพวก หนึ่งคือนักเรียนที่บ้านอยู่ใกล้กับสำนักศึกษา สามารถเดินทางไปกลับภายในวันเดียวได้ และสองคือนักเรียนที่บ้านอยู่ไกลหรืออยู่ต่างเมือง ที่จะต้องพักอาศัยอยู่ภายในสำนักศึกษา นั่นจึงทำให้โรงครัวของสำนักศึกษาแห่งนี้มีแม่ครัวประจำอยู่ตลอด และแม้จะเป็นเพียงสำนักศึกษาเล็กๆ ทว่าด้วยความที่อยู่มานานหลายชั่วอายุคน ระเบียบแบบแผนต่างๆ จึงค่อนข้างเป็นที่เป็นทาง ทั้งยังไม่เคร่งครัดจนเกินไป ต่างจากสำนักศึกษาหลายแห่งในเมืองอันหลาง รวมไปถึงทั่วทั้งแคว้นต้าหย่งด้วย ที่สำนักศึกษาแห่งนี้ ในยามปกติจะไม่แบ่งแยกชายหญิง นอกเสียจากในส่วนที่พักหลับนอน ส่วนในบริเวณอื่นๆ นักเรียนชายหญิงสามารถใช้พื้นที่ร่วมกันได้ และด้วยความที่เป็นลูกหลานของผู้ก่อตั้งสำนักศึกษา เพียงแค่หลานจิ้นหลี่แสดงป้ายประจำตัว สองพี่น้องก็สามารถเข้ามายังภายในโรงครัวได้ แม้ว่าในเวลานี้ใกล้จะหมดเวลากินมื้อกลางวันแล้วก็ตาม “วันนี้คุณชายหลานมาช้าไปหลายเค่อเลยนะเจ้าคะ” แม่ครัววัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยถาม ใบหน้ายิ้มแย้มนั้นยากจะบอกได้ว่าเป็นคนอัธยาศัยดี หรือว่าเพียงแค่ต้องการประจบสอพลอทายาทตระกูลหลานเท่านั้น ทว่าด้วยความรู้สึกบางอย่าง...หลานหลีเกอก็เทใจไปที่การคาดเดาในข้อแรก “วันนี้ข้าพาน้องสาวมาด้วย การเดินทางจึงล่าช้าไปจากปกติขอรับ หลีเอ๋อร์ ท่านนี้คือท่านป้าจาง เป็นแม่ครัวหลักของที่นี่” หลานจิ้นหลี่เอ่ยบอกน้องสาว “คารวะท่านป้าจางเจ้าค่ะ” เด็กน้อยทำความเคารพผู้ใหญ่อย่างเชื่อฟัง แน่นอนว่าเพราะนางไม่อยากให้ตระกูลหลานขายหน้านั่นเอง “ตายจริง! นี่คือคุณหนูรองหลานหรือเจ้าค่ะ? รูปร่างหน้าตาช่างน่าเอ็นดูดีแท้” แม่ครัวจางเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจากใจจริง ไร้การเสแสร้งแกล้งทำ หลานหลีเกอยิ้มรับ “เช่นนั้นรบกวนท่านป้าจางเอ็นดูหลีเกอมากๆ โดยการทำอาหารอร่อยๆ ให้หลีเกอเยอะๆ นะเจ้าคะ ตอนนี้หลีเกอหิวมาก” “วาจาฉะฉานน่ารักจริง...เช่นนั้นป้าจะทำอาหารอร่อยๆ ให้คุณหนูรองทานเยอะๆ เลยนะเจ้าคะ” “ขอบคุณท่านป้าจางเจ้าค่ะ” หลานหลีเกอยกยิ้มอวดฟันขาว ในขณะเดียวกันนางกลับแอบสื่อความหมายเป็นนัยๆ ว่า ปากและท้องของนางว่างเหลือเกิน ท่านป้าจางรีบๆ ทำอาหารมาให้กินเสียทีเถอะเจ้าค่ะ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม