ถึงแม้จะหน้าตาดีแต่วาจาของเขานั้นช่างร้ายกาจ เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็มากล่าวหาว่าฉันเป็นคนบ้า
“พวกมึงจับเด็กนี่มาทำไม?”
“…นายสั่งว่าถ้ามันไม่มีเงินคืนให้ก็จับลูกสาวของมันมา ผมทำตามคำสั่งนายทุกอย่างเลยนะครับ”
“กูบอกว่าไม่ชอบเด็กไร้เดียงสา พวกมึงไม่เคยจำ?” ชายคนนั้นแสดงสีหน้าไม่พอใจ เขาบ่นลูกน้องเสียงเข้ม
ในเมื่อไม่ถูกใจแบบนี่พวกเขาต้องปล่อยฉันไปแน่ๆ
“ขอโทษครับนายแล้วจะให้ผมทำยังไงดีครับ เอาตัวเด็กคนนี้ส่งกลับไปคืนดีไหมครับ”
“อะ…เอ่อ…หนูขอขัดจังหวะนิดนึงนะคะ…ทะ….ที่นี่ที่ไหนคะ” ฉันถามอย่างเจียมตัว จริงๆ ก็ไม่อยากจะพูดแทรก แต่เขาคุยกันไม่เว้นจังหวะให้ถามอะไรเลย
“กรุงเทพ”
“ฮะ!! กรุงเทพ!!!!” ฉันเบิกตากว้างเพราะไม่คิดว่าที่นี่คือกรุงเทพ แล้วแบบนี้จะหนีไปไหนได้คงได้หลงทางกันพอดี
“เอายังไงดีครับนาย”
“ห….ให้ค่ารถมาก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูกลับเอง” รีบเสนออย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ดูท่าไม่มีใครอยากจะให้ฉันพูดสักเท่าไร
“ไม่ต้อง! ไหนๆ ก็จับตัวมาแล้ว” ดวงตาคมที่แฝงไปด้วยความอำมหิตจ้องมองใบหน้าของฉัน ก่อนจะพูดต่อเสียงเย็น “…ฉันคงต้องใช้งานให้คุ้มค่าหน่อย”
“หนูไม่ใช่ลูกป้านิ จะต้องให้พูดจนปากฉีกเลยหรือไงคะ พวกพี่จับมาผิดคนนะ!!” พอได้โอกาสฉันก็ตะโกนเสียงดังลั่น แต่ผู้ชายที่นั่งตรงหน้ากลับไม่แสดงอาการอะไรออกมานอกจากใบหน้าที่เรียบเฉย
“จะลูกหรือหลานก็มีสายเลือดเดียวกัน ยังไงฉันก็ต้องเอาตัวเธอไว้ขัดดอกแทนป้าของเธอที่เอาเงินไปแล้วไม่ยอมใช้คืน”
ทั้งที่ผู้ชายตรงหน้าหล่อจนแทบไม่อาจละสายตา แต่คำพูดที่ถูกพ่นออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มขรึมของเขามันช่างน่ากลัว แค่น้ำเสียงก็ทำให้ขนรุกซู่ทั้งตัวได้แล้วหรอเนี่ย
“จะ…จะปล้ำหนูหรอคะ…จะจับหนูเป็นนางบำเรอใช่ไหมหรือเลี้ยงเอาไว้ปรนเปรอความไคร่…คือว่า…นะ…หนูไม่เคยผ่านประสบการณ์แบบนั้นมาก่อน”
“……..”
พอเห็นผู้ชายตรงหน้าไม่ยอมพูดอะไรฉันจึงรีบบอกต่อด้วยการแสดงความน่าสงสารผ่านน้ำเสียง “ตะ..แต่ถ้าพี่สัญญาว่าจะไม่ฆ่า….หนูก็…จะ…จะ…ยอมตกเป็นนางบำเรอให้ค่ะ”
“วันๆ เธอคงจะเอาแต่ดูละครน้ำเน่าสินะ ถึงได้คิดว่าฉันจะจับเด็กกระโหลกกระลาอย่างเธอทำเมีย”
จุก!!!
เป็นการตอบกลับด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งแต่ที่ทำให้คนฟังอย่างฉันเจ็บร้าวไปถึงข้างในกระดองใจ ชาหนึบไปทั้งตัว แต่ก็โล่งอกที่จะไม่ถูกจับไปทำเมียเหมือนอย่างที่เคยอ่านในนิยาย