ทันทีที่ชมพูนุชปิดประตูห้องสายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับนางแบบสาวคู่ควงคนล่าสุดของเจ้านายหนุ่ม ถึงแม้ว่าเจ้านายหนุ่มเธอจะมีข่าวกับสาวๆ ไม่เว้นแต่ละวัน แต่ก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่เจ้านายหนุ่มเคยพูดว่าเป็นแฟนเลยสักคน
“คุณพลอยู่ไหม” เสียงแหลมถามขึ้นหลังจากเดินมาหยุดตรงหน้าเลขาหน้าห้องของชายหนุ่มที่เป็นคนที่เธอหมายมั่นจะแต่งงาน
ร่างสูงโปร่ง หน้าสวย นัยย์ตาดุ จ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ
‘อย่านึกนะว่าฉันไม่รู้ เธอก็จ้องจะจับคุณพลอยู่เหมือนกัน’
“อยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณอรมีธุระสำคัญอะไรกับท่านประธานหรือเปล่าคะ พอดีท่านประธานกำชับเอาไว้น่ะค่ะ ถ้าไม่มีธุระด่วนห้ามใครรบกวน”
ชมพูนุชตอบด้วยความหมั่นไส้ ยิ่งเห็นสายตาที่นางแบบสาวผู้นี้มองเธอด้วยแล้วก็ยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ ถึงเธอจะชอบเจ้านายหนุ่มแล้วยังไง ในเมื่อเจ้านายหนุ่มยังไม่ตัดสินใจเลือกผู้หญิงคนไหนเป็นตัวเป็นตน เธอก็ยังมีสิทธิ์ไม่ใช่เหรอ
“สำหรับคุณพล ฉันนี่แหละสำคัญเสมอ เพราะอีกไม่นานฉันก็จะแต่งงานกับคุณพล”
“อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าคุณจะสำคัญสำหรับเจ้านายฉันไหม งั้นรอสักครู่นะคะ ฉันจะถามเจ้านายก่อน” ชมพูนุชกดโทรศัพท์หาเจ้านายหนุ่มด้วยความไม่พอใจ เริ่มไม่ชอบนิสัยและพฤติกรรมของนางแบบสาว
‘นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนนะยังขนาดนี้ ถ้าเป็นแฟนกันแล้วจะขนาดไหน’
หญิงสาวรับฟังเจ้านายหนุ่มพูดไม่กี่คำ ก็วางโทรศัพท์ลง ก่อนจะหันมามองนางแบบสาวด้วยความไม่พอใจ และเริ่มคิดกำจัดนางแบบสาวผู้นี้ให้ออกห่างเจ้านายหนุ่มด้วยเช่นกัน
“ท่านประธานบอกให้คุณเข้าไปได้แล้วค่ะ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันน่ะมันคนสำคัญของคุณพลเขา ฉันว่าเธอเลิกหวังเถอะชมพูนุช ยังไงคุณพลก็ไม่หันมามองเธอแน่”
วาจาเชือดเฉือนที่อรจิราพูดใส่หน้าชมพูนุชทำเอาคนโดนด่าถึงกับสะอึกไปเหมือนกัน แต่ใบหน้าสวยที่ตกแต่งไปด้วยเครื่องสำอางยี่ห้อดีก็ตอกกลับไปอย่างเจ็บแสบเหมือนกัน
“มันก็ไม่แน่หรอกค่ะคุณอร ฉันอยู่ใกล้คุณพลเธอนิดเดียวเอง ฉันย่อมมีโอกาสมากกว่าคุณเสียอีก ไม่แน่นะบางทีอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าฉันอาจจะได้แต่งงานกับคุณพลก็ได้”
“อีบ้า! อยากโดนตบหรือไง”
อรจิรายกมือชี้หน้าชมพูนุชด้วยความโกรธจัด แต่เธอก็ไม่ได้แสดงกิริยาอะไรออกมามากมาย เพราะไม่อยากเสียชื่อเสียงนั่นเอง ได้แต่ชี้หน้าด้วยความแค้นใจ ก่อนจะเดินกระแทกลงส้นผ่านหน้าหญิงสาวไปยังห้องของชายหนุ่ม
/////////////
อลินลดาสบตาผู้สูงวัยด้วยความสับสน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอ เรื่องราวทั้งหมดที่เธอได้รับรู้มาทั้งหมดมันเป็นเรื่องโกหกใช่ไหม หญิงสูงวัยผู้นี้กำลังเล่นตลกอะไรกับเธอจับมือทั้งสองข้างเข้าหากัน เหงื่อไหลซึมออกมาจากการกำมือเอาไว้แน่น เริ่มรู้สึกอึดอัดกับสายตาคู่นั้นที่คอยจับจ้องเธออยู่ จากสายตาอบอุ่นคู่นั้นทำเอาใจเธอหวั่นไหวกับเรื่องราวที่เธอเพิ่งได้รับรู้ มันเป็นความจริงใช่ไหม เธอจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไรดี
“ฉันรู้หนูอาจจะยังสับสน แต่เรื่องทั้งหมดที่ฉันพูดมามันเป็นความจริงทั้งนั้น ฉันต้องการให้หนูกลับไปกับฉันนะ”
คุณหญิงวีรดาพูดขึ้นหลังจากสังเกตอาการของเด็กสาวด้วยความสงสาร ยิ่งเห็นอาการสับสนในดวงตาคู่สวยนั้นแล้วท่านเข้าใจดี ถ้าเป็นท่านท่านก็ต้องเป็นแบบนี้เหมือนกัน อาการหวั่นไหวสับสนในดวงตาคู่สวยนั้นทำเอาท่านเห็นใจ สงสาร ใบหน้าอ่อนหวานของเด็กสาวตรงหน้าเธอนี้กลับซีดลงอย่างเห็นได้ชัด หากเป็นท่านมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็คงทำใจยอมรับไม่ได้เช่นกัน
“ฉันรู้ว่าความจริงที่หนูได้รับในวันนี้อาจจะยังทำให้หนูสับสน แต่ฉันอยากให้หนูเข้าใจนะว่าฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยจริงๆ ถ้าฉันรู้หนูกับแม่ก็คงไม่ต้องลำบากแบบนี้หรอก”
“หนูขอเวลาหน่อยได้ไหมคะ” เสียงหวานพูดขึ้น ทั้งที่ในใจยังคงสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“คือตอนนี้คุณแม่ท่านเพิ่งเสียไปน่ะค่ะ คุณหญิงก็น่าจะทราบ หนูขอเวลาหน่อยได้ไหมคะ”
“อีกนานแค่ไหนล่ะหนูลดา ฉันรู้นะว่าอดีตพวกเราทุกคนต่างก็แก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ปัจจุบันพวกเราสามารถที่จะเริ่มใหม่กันได้ไม่ใช่หรือจ๊ะ”
คุณหญิงวีรดาส่งยิ้มอบอุ่นไปให้เด็กสาวด้วยความเห็นใจ และยิ่งสงสารเมื่อรู้ว่ามารดาของเด็กสาวเสียชีวิต ท่านเข้าใจดีถึงความเจ็บปวดและการสูญเสียนั้นได้ดี เพราะตัวท่านเองก็เคยสูญเสียและเจ็บปวดไม่ต่างจากเด็กสาวคนนี้เหมือนกัน
“หนูขอเวลาแค่สองสามวันก็พอค่ะ ถึงแม้หนูจะไม่พอใจเกี่ยวกับการกระทำของผู้ชายคนนั้นก็เถอะ แต่อย่างน้อยหนูก็ทำเพื่อคุณแม่”
อลินลดาพูดถึงมารดาแล้วก็อยากร้องไห้ ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตคำพูดที่ท่านเอ่ยขอร้องกับเธอในวันนั้น ความจริงมันเป็นแบบนี้ใช่ไหม
“อีกไม่นานจะมีคนมาหาหนูนะลดา สัญญากับแม่ได้ไหมว่าหนูจะทำตามคำขอของคนๆ นั้น”
“ทำไมคะแม่ จะมีใครมาหาลดาที่นี่หรือคะ”
“ถึงเวลานั้นแล้วลูกจะรู้เอง แม่อยากให้หนูกลับไปกับเขา กลับไปในที่ที่มันเป็นสิทธิ์ของหนู”
“หนูไม่เข้าใจ แม่บอกหนูหน่อยได้ไหมว่าคนๆ นั้นเป็นใคร”
“แม่คงบอกหนูได้แค่นี้แหละ ถึงเวลาแล้วหนูจะรู้เอง”
อลินลดายังคงจมอยู่กับความคิดของตัวเอง คำพูดของมารดาดังก้องอยู่ในสมอง
คุณหญิงวีรดานั่งเงียบ พอใจกับคำตอบนั้น อย่างน้อยเด็กสาวคนนี้ก็ยังยอมอ่อนให้กับท่านบ้าง หรือบางทีศิลินดาอาจจะบอกอะไรเอาไว้แล้วก็ได้ว่าท่านจะมา
“งั้นอีกสองสามวันฉันจะให้ประชามารับหนูที่นี่เลยนะ” บอกด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “ฉันเป็นห่วง หนูอยู่ที่นี่คนเดียวมันไม่ปลอดภัย”
ใช่ว่าท่านจะรีบร้อนอะไรหรอก แต่บ้านหลังนี้มันอยู่ห่างจากถนนใหญ่มาก อาจจะอยู่จนเกือบสุดซอยเลยก็ว่าได้ ถึงแม้บ้านหลังนี้จะดูแข็งแรงมากแค่ไหนก็คงสู้พวกโจรขโมยไม่ได้หรอก ยิ่งอยู่คนเดียวด้วยแล้วก็ยังไม่ปลอดภัย
“ค่ะ”
อลินลดาตอบรับเบาๆ เงยใบหน้าหวานขึ้นมาสบตากับผู้สูงอายุ เธอจะเจออะไรบ้างนับจากวันนี้ หวังว่าที่มารดาเธอขอร้องเธอคงทำมันได้สำเร็จ ผู้สูงวัยตรงหน้าเธอนี้คือผู้ที่มีพระคุณกับมารดา
ต่อไปคงเป็นเธอแล้วสินะที่ต้องทดแทนบุญคุณที่ท่านเคยดูแลมารดามาแต่เยาว์วัย
‘ลดาจะทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับแม่นะคะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงลดา’
“อีกสามวันเจอกันนะหนูลดา” คุณหญิงวีรดาพูดขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือบาง อีกไม่นานแล้วสินะที่เธอจะได้ลูกสาวของสามีกลับไป
‘ขอบใจลินดาที่เธอส่งลดามาให้ฉัน ฉันจะรักและดูแลลดาให้เหมือนกับลูกสาวฉันคนหนึ่งเหมือนกัน’
นึกถึงศิลินดาหญิงสาวที่ท่านรักดั่งน้องสาว อาจจะเรียกว่าชะตาฟ้ากำหนดเอาไว้แล้วก็ได้ ถึงท่านจะสูญเสียวนิดาลูกสาวคนเดียวไปเมื่อหลายปีก่อน แต่ตอนนี้ท่านก็ได้อลินลดามาเป็นลูกสาวอีกคน
ซึ่งจะกลายมาเป็นตัวแทนแห่งความรักระหว่างเธอ ศิลินดา และสามี และอาจจะเป็นตัวแทนของวนิดาลูกสาวของท่านที่จากไปเมื่อหลายปีก่อนได้อย่างแน่นอน
“ต่อไปฉันจะเรียกหนูว่าลูกนะลดา แล้วหนูก็เรียกฉันว่าแม่จะได้ไหม” ทันทีที่เสียงแหบแต่ฟังดูอบอุ่นนั้นพูดจบ
อลินลดาก็เงยใบหน้าหวานขึ้นมาสบตาดวงตาอบอุ่นและอ่อนโยนนั้นด้วยความประหลาดใจแกมซึ้งใจ “หนูเรียกคุณว่าแม่ได้จริงๆ หรือคะ” ถามย้ำเพื่อความมั่นใจกับคำพูดที่เธอได้ยิน
“ได้สิจ๊ะ ฉันดีใจนะที่จะได้หนูมาเป็นลูกสาวฉันอีกคน”
คุณหญิงวีรดาดึงร่างบางเข้ามากอด เพื่อแสดงให้เด็กสาวรู้ว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นมาจากใจ ต่อไปนี้ท่านคงมีความสุขเสียที เด็กสาวในอ้อมกอดคนนี้จะเป็นสิ่งที่เติมเต็มให้กับชีวิตของท่านอีกครั้ง
/////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...