อลินลดาสังเกตอาการของญาติหนุ่ม อย่างแปลกใจ สายตาคมเข้มที่แอบจ้องมองชญานินทร์นี่มันหมายความว่าไง ชายหนุ่มคิดอะไรกับเด็กสาวกันแน่ เวลาอยู่ใกล้กลับทำหน้าบึ้งไม่สนใจ แต่พอเด็กสาวเงียบไม่ค่อยให้ความสนใจตัวเอง กลับมาสนใจความรู้สึกของเด็กสาวแทนเสียนี่
“คุณภูคะ ช่วงนี้ที่บริษัทเป็นไงบ้าง เห็นคุณแม่บอกว่าจะให้ลดาเข้าไปช่วยงานที่บริษัทน่ะค่ะ”
“ก็ดีนะ ผมว่าลดาจะได้เริ่มเรียนรู้งานเสียที” ภูผาละสายตาจากชญานินทร์หันมาสนใจญาติผู้น้อง ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ
“แล้วลดาจะเข้าไปวันไหน แล้วผมจะได้ให้เลขาจัดห้องทำงานให้”
“อีกซักสองสามวันนี่แหละค่ะ”
“หนูโรสจะทานอะไรดี” เธอหันไปมองน้องสาวอย่างขอความเห็น
“หนูโรสขอน้ำแป๊ปซี่ก็แล้วกันค่ะ” ตอบไปโดยที่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มที่นั่งมองด้วยซ้ำ
“จะกินไปทำไมน้ำอัดลมแบบนั้น ก็รู้อยู่ว่ามันไม่ดีต่อสุภาพ” เสียงเข้มพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ กี่ครั้งแล้วที่เขาบ่นชญานินทร์เรื่องน้ำอัดลม แต่ดูเหมือนว่าเด็กสาวจะไม่ค่อยฟังในสิ่งที่เขาเตือนเลยด้วยซ้ำ
“งั้นหนูโรสขอเป็นน้ำส้มก็แล้วกันค่ะพี่ลดา” ชญานินทร์เงยใบหน้าขึ้นไปบอกพี่สาว
“ก็ได้จ้ะ” อลินลดาหันไปสบตามองภูผาด้วยความประหลาดใจ นี่ก็อีกเรื่องหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจ ทำไมชายหนุ่มถึงได้คอยเจ้ากี้เจ้าการกับอาหารการกินของชญานินทร์นัก สั่งห้ามไปเสียหมด อันนี้กินไม่ได้ อันนั้นก็กินไม่ได้ ญาติหนุ่มคิดยังไงกับเด็กสาวคนนี้กันแน่
อลินลดาได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ อยากถามเหมือนกันแต่เธอไม่ได้สนิทกับภูผามากถึงขนาดกล้าถามเรื่องส่วนตัว “หนูโรสจะเริ่มฝึกงานเมื่อไร”
“นั่นสิ ตอนนี้เธอก็อยู่ปีสามแล้วนี่นาหนูโรส” ภูผาหันไปถามเด็กสาวอย่างสนใจ
“จะจบแล้วค่ะ” ชญานินทร์ตอบกลับภูผาไปอย่างน้อยใจ ขนาดเธอเรียนอยู่ปีไหนชายหนุ่มยังไม่รู้เลย เป็นแบบนี้แล้วเธอยังจะรักชายหนุ่มอยู่อีกทำไม ในเมื่อเขาไม่ได้สนใจเลยว่าเธอเรียนอยู่ปีไหน ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
“ก็ใกล้จะจบแล้วนี่นาหนูโรส เอาแบบนี้ไหมช่วงปิดเทอมพี่ให้หนูโรสไปช่วยงานพี่ที่บริษัท”
“ขอบคุณค่ะพี่ลดา ช่วงปิดเทอมหนูโรสอาจจะไปช่วยพี่ลดาที่บริษัทได้ แต่ช่วงหนูโรสฝึกงาน หนูโรสคงไปช่วยพี่ลดาไม่ได้นะคะ”
“อ้าว ทำไมล่ะ พี่นึกว่าหนูโรสจะเข้าไปฝึกงานที่บริษัทเราเสียอีก”
“คุณภูเธอว่าไม่เหมาะน่ะค่ะถ้าหนูโรสจะไปฝึกงานที่บริษัท เพราะกลัวว่าพนักงานในบริษัทจะให้ความช่วยเหลือหนูโรสในการเกงาน” ชญานินทร์พูดอย่างที่ภูผาเคยบอกกับเธอ
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะคุณภู” อลินลดาหันไปมองญาติหนุ่มอย่างขอคำตอบ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้คำตอบนั้น
“เอาน่า ยังอีกนานกว่าหนูโรสจะฝึกงาน บางทีตอนนั้นผมอาจให้หนูโรสมาฝึกงานที่บริษัทก็ได้ ลดาอย่ามองผมแบบนั้นสิ” ชายหนุ่มหันไปมองชญานินทร์อย่างไม่สบอารมณ์ สบดวงตากลมโตนั้นด้วยความไม่พอใจ อาการเฉยชานิ่งเงียบนั้นมันคืออะไร ท่าทางหลบหน้าไม่สนใจเขาแบบนั้น ทำไมเขาถึงได้อึดอัดกับความเฉยชาและไม่สนใจของเด็กสาวคนนี้กัน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณภู ตอนนี้หนูโรสได้ที่ฝึกงานแล้ว”
“หนูโรสจะไปฝึกที่งานไหนล่ะ” อลินลดาหันมาถามอย่างยิ้มๆ เห็นอาการของญาติหนุ่มแล้วก็ได้แต่ยิ้มสะใจ อาการเงียบดวงตากร้าวขึ้นมากับคำพูดไร้ความรู้สึกของน้องสาว ทำให้ญาติหนุ่มเธอเป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอ เห็นทีความรักของชญานินทร์น่าจะสมหวังบ้างแล้วเหมือนกัน
“เอ่อ...หนูโรสจะไปฝึกงานที่โรงแรมของเพื่อนน่ะค่ะ พี่เอกเขาแนะนำมา” ชญานินทร์เอ่ยไปถึงพี่ชายของเพื่อนรัก
“พี่เอกไหน” ภูผาถามอย่างไม่ชอบใจ
“เอ่อ...” ชญานินทร์ถึงกับพูดไม่ออกไปเหมือนกันเจอคำถามแบบนี้ แล้วยังน้ำเสียงหาเรื่องไม่ชอบใจนี่อีก ชายหนุ่มมีสิทธิ์อะไรมาวุ่นวายกับชีวิตของเธอ ขนาดเธอยังไม่เคยสนใจเลยว่าเขาจะไปไหนกับใคร เธอรู้ดีว่าเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปวุ่นวายแบบนั้น แล้วชายหนุ่มมีสิทธิ์อะไรมาวุ่นวายกับชีวิตของเธอ
“อย่าบอกนะว่าเป็นแฟนหนูโรสน่ะ” อลินลดาพูดขึ้นอย่างลองใจญาติผู้พี่ แล้วก็ได้ผลใบหน้าคมสันถึงกับกระตุกเป็นเส้นเลยทีเดียว กับคำถามที่เธอถามชญานินทร์ไปนั้น
“เปล่าหรอกค่ะพี่ลดา พี่เอกเป็นพี่ชายของเพื่อนหนูโรส เขาเปิดโรงแรมอยู่ทางใต้ หนูโรสกับแอมจะไปฝึกงานด้วยกันค่ะ”
“อ้าว เหรอ ก็ดีนี่นาไปฝึกงานที่นั่น อีกอย่างก็ฝึกกับเพื่อนด้วยพี่ว่าดีนะ หรือคุณภูว่าไง” เธอหันไปขอคำตอบจากญาติหนุ่ม ที่ตอนนี้นั่งจ้องเด็กสาวอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ อาการแบบนี้เขาเรียกว่าหึงหวงชัดๆ แต่ทำไมถึงชอบทำเป็นไม่สนใจ หรือว่าชายหนุ่มจะไม่รู้ แต่จะว่าไปชญานินทร์ก็เข้ามาอยู่ในความดูแลของคุณหญิงวีรดาและภูผาหลายปีแล้วนี่นา ตอนนั้นชญานินทร์เพิ่งสิบห้าได้มั้ง เพราะแบบนี้หรือเปล่าญาติผู้พี่ของเธอเลยไม่รู้ว่าใจจริงแล้วคิดอะไรกับเด็กสาวคนนี้กันแน่
“ภูคะ” เสียงแหลมดังมาแต่ไกล ทำให้ทั้งสามหันไปมองเจ้าของเสียงแหลมนั้นพร้อมๆ กัน
อลินลดานั้นไม่รู้ว่าเจ้าของเสียงแหลมนั้นเป็นใคร จึงไม่ได้สนใจอะไรมากมาย แต่สำหรับชญานินทร์แล้วเธอรู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งใจ เธอรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร สายตาคู่สวยหมองเศร้าลงทันตาเห็น อาการดังกล่าวหาได้รอดพ้นสายตาของอลินลดาไปได้ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าแม่สาวเสียงแปร๊ดคนนั้นคือใคร แล้วยังท่าทางที่แสดงออกต่อหน้าเธอและชญานินทร์อีก คงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าเป็นอะไรกับภูผา
“ภูเนี้ยทำไมมาเที่ยวไม่เห็นโทรบอกศศิบ้างเลย” หญิงสาวนามศศิเอ่ยถามอย่างมีแง่งอน
ภูผาเงยใบหน้าไปสบตาญาติผู้น้องอย่างงุนงง ก่อนจะหันไปมองหน้าเด็กสาวอย่างกังวล แต่เขาก็ไม่ได้เห็นความผิดปกติ บนใบหน้าหวานนั้น “พอดีผมพาลดากับหนูโรสมาซื้อของ” จึงตอบแฟนสาวอย่างยากลำบาก ถึงเขาไม่ได้คิดกับศศิริษาถึงขึ้นแต่งงาน แต่เขาก็คบกับเธอมานานหลายปีแล้ว
“เหรอคะ แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรกับภูล่ะคะ ถึงขนาดภูต้องพามาซื้อของเองแบบนี้” ศศิริษาเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ เนื่องจากเธอไม่รู้นั่นเองว่าภูผากับอลินลดาเป็นอะไรกัน ส่วนชญานินทร์นั้นเธอรู้แค่ว่าเป็นเด็กสาวที่คุณหญิงวีรดารับมาอุปการะหลังจากที่วนิดาเพื่อนรักของเธอเสียชีวิตไปนั่นเอง
“ว่าไงล่ะ เธอเป็นอะไรกับภู”
“จำเป็นด้วยหรือคะที่ดิฉันต้องบอกคุณ” เธอหันไปมองญาติผู้พี่อย่างไม่พอใจเมื่อเจอคำถามเหยียดๆ แบบนี้จากผู้หญิงของญาติผู้พี่
“ลดาขอตัวนะคุณภู ไปเถอะหนูโรส พี่ว่าเราไปดูหนังกันสองคนก็แล้วกัน”
“ค่ะพี่ลดา” ชญานินทร์อยากจะขอบคุณพี่สาวคนนี้อย่างแรง ที่ช่วยพาเธอออกมาจากสถานการณ์แย่ๆ แบบนี้
“ไว้เจอกันที่บ้านนะคะคุณภู”
“ลดา”
อลินลดาไม่ได้สนใจเสียงเรียกของญาติหนุ่มเลย เธอจับมือชญานินทร์พร้อมกับถุงกระดาษนับสิบใบติดมือมา
“ว่าไงคะภู ผู้หญิงที่ชื่อลดานั่นเป็นใคร” เสียงแหลมยังคงถามไม่หยุด ภูผาเองก็เริ่มถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย วันนี้เขาเป็นอะไรทำไมถึงได้หงุดหงิด เบื่อตัวเองขนาดนี้ เขายังเคลียร์เรื่องชญานินทร์ไม่จบเลย อยากรู้ว่าผู้ชายที่ชื่อเอกนั้นเป็นใคร มีความสัมพันธ์อะไรกับเด็กสาวกันแน่ “ว่าไงค่ะภู ผู้หญิงที่ชื่อลดาเป็นใคร”
“เขาเป็นน้องสาวผม”
“อ้าว น้องสาวภูก็ยัยวิคนเดียวไม่ใช่เหรอ แล้วผู้หญิงที่ชื่อลดานี่เป็นน้องสาวภูได้ยังไงกัน”
“เอาเป็นว่าเขาเป็นน้องสาวผมก็แล้วกัน” ภูผาพูดตัดบทอย่างเบื่อหน่าย เริ่มรำคาญกับความเจ้ากี้เจ้าการของแฟนสาวอย่างไม่รู้ตัว
//////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...