Chapter 12 เธอต้องไม่เป็นอะไรนะรษา

1363 คำ
พ่อเลี้ยงธามรู้ปริมาณยาที่น้องสาวกินเข้าไป เพราะคุณหมอเพิ่งสั่งให้ใหม่ ปัญหาคือ ใครเป็นคนวางยานอนหลับไว้ให้เธอเห็น เพราะคุณหมอกำชับคนดูแลนักหนาว่าเธออาจจะเครียดจนทำอะไรไม่ยั้งคิดได้ ถึงแม้ยานอนหลับที่คุณหมอจัดไว้ให้จะเป็นชนิดอ่อน แต่ถ้ารับประทานพร้อมกันในปริมาณมากก็เป็นอันตรายได้เหมือนกัน “รษา! มันเกิดอะไรขึ้น รษาทำแบบนี้ทำไม เราเหลือกันอยู่สองคนแล้วนะ” ปากก็พูดพร่ำกับน้องสาว น้ำตาลูกผู้ชายปิ่มไหลออกมาอย่างไม่อาย ก่อนที่จะเรียกสติกลับ สองมือรีบช้อนอุ้มร่างแน่งน้อยวิ่งลงบันไดมาทันที ปากก็ตะโกนลั่นบ้าน “แม่นุ่ม! แม่นุ่ม โทรหาคณาธิปที บอกว่ารษากินยาเกินขนาด ผมจะพาน้องไปล้างท้อง ไปเจอผมที่โรงพยาบาล” พ่อเลี้ยงธามตะโกนสั่งแม่บ้านเก่าแก่ รีบวิ่งลงบันไดพาน้องสาวไปที่รถ ปรินทรก้มหยิบซองยาวิ่งนำไปเตรียมรถแล้วเปิดประตูรอ พ่อเลี้ยงหนุ่มหยุดขาชะงักค้างไม่ยอมขึ้นรถของปรินทร “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาตั้งแง่กับผม” ปรินทรบอกเสียงเรียบ หลังจากที่พ่อเลี้ยงก้าวขึ้นรถเรียบร้อย ปรินทรก็ขับกระชากออกไปราวกับพายุ ฝุ่นตลบแดงเป็นทางตลอดแนวที่รถแล่นผ่าน สารถีหนุ่มหันกลับมามองคนป่วยเป็นระยะด้วยความห่วงใย “คุณกรอกน้ำเข้าปากคุณรษาให้ได้มากที่สุด แล้วทำให้เธออาเจียนออกมา” สารถีหันกลับมาบอก “รษา!! อย่าเพิ่งหลับนะ รษาต้องอยู่กับพี่นะ เธอต้องไม่เป็นอะไรนะรษา เธอต้องแข็งใจนะ พี่จะอยู่อย่างไร ถ้าเธอจากพี่ไปอีกคน” ชายหนุ่มพร่ำบอก เพราะไม่รู้ว่าน้องสาวแค่ต้องการนอนหลับ แต่ปริมาณยาทำให้คนเป็นพี่คิดไปไกลมากไปกว่านั้น พ่อเลี้ยงธามพร่ำบอกน้องสาวเสียงสั่น ไม่ใช่แค่เสียงเท่านั้น ตอนนี้ตัวของเขาก็สั่นไม่แพ้กัน หัวใจของเขาวิ่งไปรอที่โรงพยาบาลก่อนแล้ว ทั้งที่คนขับก็เร่งเครื่องแรงสุด นานนับสามชั่วโมงที่พ่อเลี้ยงธามส่งร่างน้องสาวเข้าห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล พ่อเลี้ยงหนุ่มก็ยังเดินวนเวียนไม่หยุด ปรินทรที่ไปหลบนั่งอีกมุมก็ร้อนใจไม่แพ้กัน ทั้งสองยังไม่ยอมมองหน้ากันตั้งแต่ลงจากรถ ถึงแม้ว่าจะถึงมือหมอแล้วแต่ก็ยังวางใจไม่ได้ คณาธิป ญาดา มาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้ว และผู้จัดการทัตเทพกับมินตราก็ตามมาติดๆ ในเวลาที่ห่างกันไม่นาน ญาดาเดินไปฉุดร่างหนาของอตีตคู่หมั้นและเพื่อนลงนั่งเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ เขานั่งได้เพียงครู่เดียว เขาก็ลุกเดินอีกครั้ง “นั่งก่อนเถอะไอ้ธาม น้องรษาถึงมือหมอแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันเชื่อมือหมอ” คณาธิปบอกเพื่อน เขาเวียนศีรษะเต็มทีที่เพื่อนเอาแต่เดินและถอนหายใจอย่างนี้ “ฉันอยากเดินไปฆ่ามันจริงๆ ถ้าน้องฉันเป็นอะไร ฉันจะลากคอมันเข้าคุกให้ได้เลยคอยดู” “ญาดาว่าธามใจเย็นๆ ก่อนดีกว่านะคะ ถึงอย่างไรเราก็ไม่มีพยาน ไม่มีหลักฐาน เราจะไปปรักปรำเขาลอยๆ อย่างนี้ไม่ได้ เราคงต้องรอให้น้องรษาฟื้นขึ้นมาเท่านั้น” “โธ่เว้ย!” พ่อเลี้ยงทุบกำปั้นลงบนต้นเสาอย่างแรงหลายต่อหลายครั้งเพื่อระบายอารมณ์ จนเลือดไหลซิบออกมา ญาดาตกใจรีบเดินไปประคองเขาออกมาทำแผล “ธาม พอเถอะ ทำร้ายตัวเองก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไปทำแผลก่อนดีกว่า” “ใช่ ไอ้ธาม อย่าทำแบบนี้เลยนะ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดแต่เราก็ช่วยกันแก้ไขได้นะ เชื่อฉัน” คณาธิปเดินเข้ามาโอบไหล่เพื่อนปลอบโยน นี่คงเป็นครั้งแรกที่เพื่อนเขาโกรธจนสติหลุดได้มากขนาดนี้ “อาก็ว่าอย่างนั้นแหละธาม ธามใจเย็นๆ ก่อน ทุกอย่างต้องมีทางแก้ไข” สิ้นเสียงทัตเทพก็มีนักข่าวตรงดิ่งเข้ามาหาพ่อเลี้ยงหนุ่ม ทุกสิ่งเกิดขึ้นประจวบเหมาะเหมือนตั้งใจ “ดิฉันมาจากสำนักข่าวท้องถิ่นเชียงราย ไม่ทราบว่าคุณคือพ่อเลี้ยงธาม พี่ชายของคุณรษาใช่ไหมคะ” นักข่าวท้องถิ่นคนแรกถาม “เอ่อ ครับ” “คุณเห็นคลิปนี้หรือยังคะ ตอนนี้กำลังดังในโลกโซเชียล ไม่ทราบว่าคนในคลิปที่ผับเป็นน้องสาวคุณหรือเปล่า” พ่อเลี้ยงธามเห็นเพียงเสี้ยวก็จำได้ว่าคนนั้นคือน้องสาว เขาอึ้งค้างที่เห็นภาพในคลิปชัดเจน ไม่คิดว่าน้องสาวจะกล้าทำได้มากขนาดนี้ แต่เขาก็ปฏิเสธเสียงเรียบ “ไม่ใช่ครับ” “แล้วพ่อเลี้ยงมาทำอะไรที่นี่คะ” นักข่าวคนเดิมยังคงถามต่อ “ผมมาเยี่ยมคนป่วย” “ใครคะ” นักข่าวถามต่อ พ่อเลี้ยงหนุ่มเริ่มชักสีหน้าหงุดหงิด อารมณ์ไม่ดีเป็นทุนเดิม ยิ่งเจอนักข่าวเซ้าซี้ก็สร้างความไม่พอใจให้เขามากขึ้น คณาธิปเห็นท่าจะไม่ดีจึงเดินเข้ามาก่อนที่ชายหนุ่มจะระเบิดใส่นักข่าว คงไม่เป็นผลดีที่เพื่อนจะมีเรื่องกับนักข่าว ญาดาเดินตามมาฉุดแขนพ่อเลี้ยงหนุ่มขยับออกมา “คือ ต้องขอโทษนะครับ เรากำลังรอคนป่วย ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ คลิปข่าวที่คุณมีเรายืนยันได้ว่าไม่ใช่น้องรษาแน่นอนครับ เธอไม่ไปสถานที่แบบนั้นแน่” “แล้วภาพที่เธอเดินออกมาจากโรงแรมกับเจ้าของโรงแรมล่ะครับ” นักข่าวยังไม่ลดความพยายาม เลื่อนภาพอีกภาพให้คณาธิปดู ทว่าสายตาช่างภาพก็เหลือบไปเห็นปรินทรนักซบหน้ากับมือตัวเองอยู่อีกมุม นักข่าวสองคนเบี่ยงประเด็นไปที่อีกคนทันที “นั่นคุณปรินทรนี่” ไม่ทันที่นักข่าวจะกรูเข้าไปถึงตัวชายหนุ่มที่นั่งอยู่ ตรงกับจังหวะที่หมอเจ้าของไข้เปิดประตูออกมาพอดี ทุกคนเลยหันไปให้ความสนใจประตูที่เปิดออกแทน “น้องผมเป็นอย่างไรบ้างครับหมอ” พ่อเลี้ยงหนุ่มถลาเข้าไปถามอย่างร้อนรน “คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ หมอล้างท้องได้ทัน ดีที่คุณนำส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว และรอบคอบเก็บซองยาที่คนไข้รับประทานเข้าไปมาด้วย ทำให้เราแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว” ทุกคนต่างโล่งใจที่รษาปลอดภัย มีเพียงมินตราเท่านั้นที่เธอผิดหวัง ‘ทำไมมันไม่ตายๆ ไปซะให้รู้แล้วรู้รอดนะ ไม่รู้จะมาอยู่ขวางโลกทำไมนักหนา’ “ตอนนี้ต้องให้ผงถ่านกับคนไข้อีก และเธอต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ญาติเยี่ยมได้อีกทีตอนสองทุ่มครับ ผมต้องขอตัวก่อน” หมอหนุ่มใหญ่บอกแล้วหันหลังกลับเข้าห้องฉุกเฉินทันที “สรุปว่าคุณรษาคิดจะฆ่าตัวตายหรือครับ” นักข่าวคนเดิมที่ยังไม่กลับถามขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้พ่อเลี้ยงหนุ่มกำหมัดแน่นเดินเข้าหา ทว่าญาดารั้งแขนเอาไว้เสียก่อน “ผมจะเป็นคนตอบทุกอย่างเอง” ปรินทรบอกเสียงเข้ม เรียกความสนใจจากทุกคนให้หันกลับไปมองเขาอีกครั้ง “ผมรู้ว่ามันคืองานของพวกคุณ แต่ตอนนี้เรากำลังอยู่ในสภาวะที่ยังไม่พร้อมที่จะตอบคำถาม เอาเป็นว่าคุณรษาไม่มีอะไรเสื่อมเสีย เธอเป็นแฟนผม และเรากำลังจะแต่งงานกัน เอาไว้กำหนดวันเมื่อไหร่ เราจะแจ้งให้ทราบ หวังว่าพวกคุณจะเข้าใจว่าวันนี้เราไม่สะดวก ขอบคุณครับ” ปรินทรตอบเสียงเรียบเชิงตำหนิและไล่อยู่กรายๆ จนนักข่าวหน้าม้านถอยกลับไป “ครับ” คล้อยหลังนักข่าวปรินทรหันกลับมาหาพ่อเลี้ยงธามอีกครั้ง “ผมต้องขอโทษพ่อเลี้ยงที่ผมไม่ได้บอกและทำเรื่องราวบานปลายมาถึงตอนนี้ แต่ผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น ผมจะดูแลรษาเป็นอย่างดี ผมจะแต่งงานกับเธอ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม