ทิวแปลงดอกกุหลาบสลับสีทอดยาวลดหลั่น ลาดลงเป็นขั้นบันไดไปตามไหล่เขา สุดสายตาของอาณาจักรหลายพันไร่ของไร่ปกรัก แสงสีสวยสดระเรื่อเริ่มเข้มขึ้นเรื่อยๆ ประกายสีทองที่อวดแข่งแรงกล้าสาดส่องสะท้อนตกกระทบดอกไม้หลากสีดุจกำลังหยอกล้อกับสายหมอกเย็นเอื่อยพัดผ่าน
พ่อเลี้ยงธามก้าวลงจากรถ ยืนมองอาณาจักรเบื้องหน้าอย่างภาคภูมิ ด้วยสองมือและการทุ่มเทของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เขาขยายไร่ออกมาได้มากขนาดนี้ แต่ก็ต้องขอบคุณผู้จัดการทัตเทพที่เป็นน้องชายต่างมารดาของพ่อของเขาที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ดูแลไร่แห่งนี้มาตั้งแต่รุ่นพ่อของเขา
ทัตเทพกำลังขะมักเขม้นกับการคุมคนงานตัดดอกไม้ มีคนงานบางส่วนกำลังลงดอกกุหลาบในแปลงถัดไป
“อาทัตเทพครับ”
“อ้าวธาม ทำไมวันนี้มาถึงนี่ได้ล่ะ งานยุ่งไม่ใช่หรือ ช่วงนี้อาก็ยุ่งมากเหมือนกัน ไม่ได้แวะไปที่บ้านเลย ยัยรษาเป็นอย่างไรบ้างล่ะ”
“แย่ครับอาทัตเทพ วันก่อนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นแม่นุ่มบอกว่ารษาช็อกหมดสติไป เมื่อคืนผมแวะเข้าไปดูก็คิดว่าน้องนอนหลับ ไม่ได้คิดอะไรมาก เจ้าตัวก็ไม่ยอมพูดจากับใครเลยสักคน ผมหนักใจมากเลยครับอา ต้องขอโทษอาด้วยที่มัวแต่ยุ่งเรื่องน้องไม่ค่อยได้มาช่วยงานในไร่เหมือนเดิม ที่โรงบ่มชาเป็นอย่างไรบ้างครับ มีปัญหาอะไรบางหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรหรอก! อารู้ว่าตอนนี้ธามเองก็เหนื่อยมาก ที่ไร่ก็มีออร์เดอร์เพิ่มเข้ามาหลายลอตเหมือนกัน ชาในไร่เราได้มาตรฐานสูง ทำให้ยอดการสั่งซื้อมากขึ้น นี่อาก็กำลังจะไปดูที่โรงบ่มเหมือนกัน พรุ่งนี้ต้องส่งเข้ากรุงเทพฯ จะไปดูความเรียบร้อยเสียหน่อย” ผู้จัดการของไร่ตบบ่าหลานชายให้กำลังใจ
“ส่วนเรื่องดอกไม้ที่ธามเตรียมขยายแปลงปลูกเพิ่ม เพื่อป้อนโรงงาน อาลงแปลงไปหลายร้อยไร่แล้ว มีทั้งพิกุล แก้ว มะลิ ซ่อนกลิ่น กระดังงา กล้วยไม้ ส่วนต้นปีบที่เราปลูกไว้หลายปีก็เริ่มออกดอก อีกไม่นานก็จะสามารถตัดดอกได้แล้ว น่าจะทันวันที่โรงงานเปิดเดินสายการผลิตแน่นอน” ผู้จัดการไร่เล่าต่อ
“ขอบคุณครับอา ถ้าไม่ได้อาทัตเทพ ไร่ของเราคงไม่ได้ขยายจนกว้างใหญ่ขนาดนี้ แต่เริ่มแรกเราคงจะเน้นดอกกุหลาบที่เป็นธุรกิจหลักของไร่เราเป็นส่วนใหญ่ ส่วนกลิ่นอื่นเราแค่เริ่มทดลองเพื่อรองรับลูกค้าร้านสปาเท่านั้นเอง”
ชายหนุ่มบอก นั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของทัตเทพที่ตกตะกอนในใจสะสมมานาน ทำให้เจ้าตัวโกรธแค้นพี่ชายที่ไม่เห็นค่าและยกสมบัติอะไรให้
ทว่าพ่อเลี้ยงธามก็ไม่ได้เอะใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาบอกต่อ “ผมสั่งกิ่งพันธุ์จากไร่กระจ่างดาวมาสามพันต้น เขาจะเอามาส่งพรุ่งนี้ ผมฝากอาทัตเทพช่วยดูด้วยนะครับ”
ทัตเทพได้แต่ฝังความขุ่นเคืองพี่ชายเอาไว้ในใจ สักวันไร่แห่งนี้จะต้องเป็นของเขา ตอบกลับหลานชายด้วยน้ำเสียงปกติ
“ได้ ว่าแต่ธามจะเริ่มลงเมื่อไหร่”
“คงต้องลงเลยครับ ผมจะให้มินตรามาช่วยอาดูแลเรื่องไร่ชาอีกคนนะครับ พอโรงงานเปิดผมคงต้องดูโรงงานเป็นหลัก คงไม่ได้มาช่วยอาเท่าเดิม แล้วอีกอย่าง...เราก็ขยายไร่ดอกไม้เพิ่มอีกมาก ผมกลัวว่าอาทัตเทพจะทำงานหนักจนเกินไป”
รอยยิ้มพอใจเกิดขึ้นกับหนุ่มใหญ่ทันทีที่รู้ว่ามินตราจะมาช่วยงาน แต่ก็ต้องแอบซ่อนเอาไว้ลึกๆ ไม่ให้ใครเห็น ปากก็เอ่ยปฏิเสธออกไปตามมารยาท
“ที่จริงอาก็ไม่ได้เหนื่อยมากมายอะไร อายังไหว ธามอย่าลืมสิว่าช่วงบุกเบิกไร่แห่งนี้ อากับพ่อของหลานเหนื่อยกว่านี้มาก แต่ถ้าธามจะหามาให้เพราะเกรงว่าเราจะดูคนงานไม่ทั่วถึง อาก็ไม่ขัดนะ” ทัตเทพยังทวงบุญคุณเรื่องหนหลังตอกย้ำกับหลานชาย
“ผมยังระลึกเสมอครับอา”
“ขอบใจนะ”
“ผมไปดูโรงบ่มชาด้วยดีกว่า”
“เดี๋ยวอาขอสั่งงานนายปลั่งเดี๋ยวนะ” พ่อเลี้ยงธามพยักหน้าให้คนเป็นอา ก่อนที่จะเดินไปรอที่รถ คณาธิปก็เพิ่งเดินกลับมาจากไปตรวจออร์เดอร์กุหลาบพอดี
“ผมส่งยอดสั่งกุหลาบเพิ่มให้แล้วนะครับอาทัตเทพ ผมฝากเอกสารไว้กับดารินที่สำนักงาน” คณาธิปบอกผู้จัดการไร่หนุ่มใหญ่ที่ก้าวมาถึงรถไปเรียบร้อยแล้ว
“ขอบใจมากคณาธิป”
“คุณอาคงต้องเหนื่อยมากขึ้นนะครับ เพราะผู้จัดการฝ่ายการตลาดของเราเก่งเหลือเกิน แล้วยังมีโรงงานอีกละ” พ่อเลี้ยงธามเย้าคณาธิปเพื่อนรัก คนโดนชมเพียงยิ้มรับและชวนขึ้นรถตามแบบฉบับผู้ชายทำงานเป๊ะระเบียบจัดของเขา
“เสร็จแล้ว ไปกันหรือยังครับ”
ยังไม่ทันที่สามคนจะเดินขึ้นรถ คนงานก็วิ่งมาตามพ่อเลี้ยงธามตามคำสั่งของมินตรา เพราะว่าเธอโทรติดต่อพ่อเลี้ยงไม่ได้
“พ่อเลี้ยงครับ พ่อเลี้ยง!!” เสียงตะโกนของคงงานดังมาแต่ไกล
“มีอะไร” คณาธิปเป็นคนถามก่อน แต่คนงานยังยืนหอบเพราะความเหนื่อยที่วิ่งมาไกล
“ฮึก ฮึก คือ คุณเมนี่ให้มาตามพ่อเลี้ยงให้กลับบ้านด่วนครับ เธอฝากบอกว่าคุณปรินทรบุกมาหาคุณรษาที่บ้าน” คนงานยังหอบไม่หยุด รายงานอย่างติดๆ ขัดๆ
ไม่ต้องคิดทบทวนอะไร พ่อเลี้ยงหนุ่มรีบกระโดดขึ้นรถแล้วขับพุ่งออกไปทันที มุ่งหน้าตรงไปยังบ้านกลางไร่ดอกกุหลาบ ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดสว่างร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
พ่อเลี้ยงธามวิ่งพุ่งราวพายุหมุนเข้าไปในบ้าน เขาเดินลิ่วๆ ขึ้นไปที่ห้องน้องสาวทันที
ปรินทรย่อตัวลงนั่งข้างเตียง เกลี่ยข้างแก้มที่เคยเปล่งประกายอย่างเบามือ รษายังคงหน้าซีดไร้เลือดฝาดนอนอยู่บนที่เตียง แต่สายตาของเขาเหลือบไปเห็นซองยาที่หล่นอยู่ตรงเท้าเขาเสียก่อน
ชายหนุ่มก้มตัวลงไปหยิบมันขึ้นมาดู “รษา ปกรัก” อีกซองยังมียาหลงเหลืออยู่ แต่ทว่าอีกซองกลับว่างเปล่าเหมือนเจ้าของชื่อบนซองตั้งใจรับประทานทีเดียวหมด
“กินหมดแล้ว หรือ คุณเพิ่งกิน” ชายหนุ่มพึมพำกับซองยา สลับกับมองคนบนเตียง
เมื่อตั้งสติได้เขาก็รีบปลุกเธอทันที
“รษา คุณๆ” ชายหนุ่มปลุก แต่กญิงสาวก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
“ทำไมหลับลึกขนาดนี้” เขาเริ่มกังวล เพราะไม่รู้ชนิดของยาที่อยู่บนซอง แต่เขาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจตั้งแต่เห็นสภาพของเธอ
ทันทีที่เปิดห้องเข้าไปพ่อเลี้ยงก็ต้องตกใจช็อกอ้าปากค้าง เมื่อปะทะสายตากับชายหนุ่มอีกคนในห้อง ลาวาในใจทะลุจุดเดือด พร้อมจะระเบิดพวยพุ่งผู้ชายตรงหน้าที่มาหยามเขาถึงที่ไร่
ปรินทรกำซองยาไว้ในมือ ก่อนที่จะช้อนอุ้มร่างบางที่นอนนิ่งบนเตียงไปโรงพยาบาล ทว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน พร้อมกับแรงกระชากตัวเขาออกอย่างแรง
“ไอ้สารเลว แกยังกล้ามาที่นี่อีกหรือ” เขาปัดมือของปรินทรที่กำลังจะช้อนอุ้มรษาออก ซัดหมัดเปรี้ยงเข้าที่ใบหน้าหล่อของแขกอย่างไม่ลังเล ซองยาหล่นจากมือของเขา พ่อเลี้ยงหนุ่มหยิบซองที่หล่นจากมือชายหนุ่มขึ้นมาดู เมื่อเห็นซองเปล่า เขารู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวเขา
“รษากินยาหมดเลยเหรอ” เขาบอกอย่างตกใจก่อนที่จะถลาไปหาน้องสาวบนเตียง
ปรินทรจับใจความตามอาการของเจ้าของไร่ และเดาเรื่องราวจากคนที่ไร่โทรศัพท์ไปหาเขาก็เดาได้ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่