เมืองน้ำหอม
ตอนที่ 1
สนามบินกรุงปารีส
เมืองน้ำหอมที่ทันสมัยในเรื่องของแฟชั่นและเป็นเมืองที่โรแมนติกแห่งยุโรป
กว่าหญิงสาวเพียงคนเดียวจะเดินทางออกจากสนามบินได้ก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว
ฝนหิมะเริ่มตกโปรยปราย ที่นี่เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้อากาศข้างนอกเย็นลงกว่าเดิม หล่อนกระชับเสื้อกันหนาวที่สวมใส่อยู่ เพื่อไม่ให้ร่างกายปะทะกับลมเย็นที่แรงขึ้นทุกที
“คุณภัส รีบขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวไม่สบายเอานะครับ” ลูเซียนรีบเปิดประตูรถให้หญิงสาวขึ้นไปนั่งบนรถยนต์สีดำคันหรูที่ติดฟิล์มทึบทั้งคัน
“นายท่านจัดการธุระที่เมืองไทยเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอครับ” ลูเซียนเอ่ยถามว่าที่นายหญิงของเจ้านาย
“ไม่รู้สิ แต่หน้าที่ของฉันได้ทำไปเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือต่อจากนั้นเป็นตัวเขาเองที่ต้องทำต่อ” พูดจบหญิงสาวก็เอนหลังหลับตาลงด้วยความเมื่อยล้า
หล่อนต้องไปอยู่เซฟเฮ้าท์และกว่าจะออกมาที่สนามบินได้ก็หลบนักข่าวแทบแย่ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่หล่อนเคืองขุ่น
การจราจรในกรุงปารีสเบาบางมากกว่ากรุงเทพเกือบสองเท่า สองข้างทางของถนนชองเซลิเซ่ เต็มไปด้วยหิมะในเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้ตก
ในยามพลบค่ำสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าชั้นนำของประเทศฝรั่งเศสทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอม เสื้อผ้า เครื่องประดับหรือเครื่องสำอาง
หิมะที่ตกปรอย ๆ เมื่อครู่เริ่มหยุดแล้ว สองข้างทางของถนนสายสำคัญที่ตัดผ่านประตูชัยอันเลื่องชื่อของฝรั่งเศสเส้นนี้ มีของแบรนด์เนมมากมายหลายยี่ห้อดังขายอยู่เต็มไปหมด
พิมพ์รภัสนั่งหลับตลอดทาง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเดินทางมานครหลวงแห่งเมืองน้ำหอมแห่งนี้ เธอมาที่นี่ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
ตอนเรียนอยู่มัธยมเธอก็เคยมาเรียน Summer ที่อังกฤษและเคยมาเที่ยวที่ฝรั่งเศสรวมถึงประเทศต่างๆ ในแถบยุโรปเกือบทั้งสิ้น
ถ้าบิดาของหล่อนไม่ล้มละลายและติดหนี้ที่บ่อนการพนัน หล่อนคงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
“ถึงแล้วครับ เชิญมาดมัวแซลล์” ลูเซียนคนขับรถลงมาเปิดประตูรถให้อย่างนอบน้อม เสียงของเขาปลุกเจ้านายให้ตื่นจากภังค์
ลูเซียนเป็นคนฝรั่งเศสโดยแท้ ซึ่งก็ไม่เป็นการยากสำหรับพิมพ์รภัสแต่อย่างใด เพราะว่าพิมพ์รภัสสามารถสนทนาภาษาฝรั่งเศสได้คล่องมาก เรียกว่าเอาตัวรอดได้อย่างสบาย เพราะหล่อนเลือกเรียนภาษาฝรั่งเศสตั้งแต่ตอนเรียนอยู่มัธยมปลายแล้ว
“Merci” พิมพ์รภัสก้มศีรษะให้เขาเล็กน้อยแทนการขอบคุณ
ลูเซียนหิ้วกระเป๋าเดินทางให้พิมพ์รภัสจนถึงห้องของเธอ ภายใต้คฤหาสน์หลังงาม
หลังจากนั้นหล่อนก็เป็นคนลากกระเป๋าเข้าไปในห้องและลงมือสำรวจที่อยู่เดิม ๆ ที่เคยอาศัยอยู่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่จบมัธยมปลาย หล่อนก็มาอาศัยอยู่ที่นี่จนกระทั่งเรียนจบมหาลัยและทำงานที่บ่อน
พิมพ์รภัสเลือกมานอนห้องเดิมของเธอ หลังจากที่ไม่พอใจสามี เรื่องที่ให้หล่อนเปิดเผยว่า เธอคือผูหญิงคนในคลิป
หล่อนคิดว่ามันจบไปนานแล้ว และไม่คิดว่า สามีจะใช้วิธีนี้ เพื่อดึงให้พชรมนกลับมาหาเขา
การกลับไปที่เมืองไทยทำให้เธอเสียใจกว่าตอนอยู่ที่นี่
หญิงสาวเดินไปสั่งงานกับป้าแอนนาแม่บ้านชาวฝรั่งเศส ก่อนไปเมืองไทยหล่อนทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้เธอใช้ในยามฉุกเฉิน หรือหากป้าแอนนาต้องการสิ่งของที่จำเป็น
พิมพ์รภัสไว้ใจหญิงฝรั่งเศสวัยกลางคนผู้นี้ เพราะเป็นคนที่เธอสรรหามาเองกับมือ
“อืม ไม่ทานอาหารเหรอคะ..คุณภัส จะรีบไปไหน” พิมพ์รภัสออกมาจากห้องนอนส่วนตัว เมื่อป้าแอนนาเห็นหล่อนรีบร้อนก็รีบเอ่ยถาม
“มีเรื่องที่กาสิโนค่ะ ภัสต้องรีบไปก่อน”
"แล้วทำไมไม่ให้ลูเซียนไปส่งละคะ"
"ไม่เป็นไรค่ะป้า" พิมพ์รภัสชอบเดินทางด้วยรถโดยสารมากกว่ารถยนต์ส่วนตัว แต่นั่นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมด
ชายหนุ่มที่สวมแว่นดำทรุดตัวลงนั่งติดกับพิมพ์รภัส ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะไม่ทันสังเกตว่าผู้ชายที่นั่งข้างๆ เธอนั้นมีผมดำเหมือนคนเอเชีย และการแต่งตัวก็เหมือนคนเอเชียมากด้วย
“Excuse moi Madmoiselle” ชายคนที่มานั่งใหม่เอ่ยปากขอโทษเป็นภาษาฝรั่งเศสเมื่อเขาเอื้อมมือจะปิดม่านฝั่งที่หญิงสาวนั่ง พิมพ์รภัสไม่ได้ว่าอะไร แต่ตอนที่เขาจะชักมือกลับนี่สิ ปลายนิ้วร้อน ๆ ของเขาจงใจเฉียดแก้มแดงเรื่อเพราะความเย็นของหญิงสาว
พิมพ์รภัสหันไปมองอย่างเอาเรื่อง แต่หญิงสาวก็คิดว่าไม่เป็นไรและไม่อยากมีเรื่อง ที่นี่ไม่ใช่ประเทศไทย หากมีเรื่องที่นี่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ดีไม่ดีสามีเธออาจจะถูกส่งลูกน้องมาคุมเหมือนเมื่อก่อนอีก คราวนี้พิมพ์รภัสก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย
“นี่คุณ” พิมพ์รภัสตวาดเป็นภาษาไทยอย่างลืมตัว เมื่อมือที่ปัดผ่านแก้มเธอกลับจับลงตรงหน้าตักของเธอเต็มแรงอย่างจงใจ นี่กลับมาวันแรกก็เจอดีเลยเหรอเนี่ย หญิงสาวคิดในใจอย่างเซ็งๆ ผู้ชายคนนั้นยังคงทำไม่รู้ไม่ชี้ มือใหญ่แข็งแรงลูบขาหญิงสาวอย่างหากำไร พิมพ์รภัสเลือดขึ้นหน้าอย่างโมโหและเหลืออด ฝ่ามือเล็กๆ กำลังจะซัดเผี๊ยะที่ใบหน้าใต้แว่นกันแดดสีดำ แต่เขากลับจับแขนเธอทันเสียก่อน มือที่วางอยู่ที่ขาของหญิงสาวปลดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นแววตาคมของสามีแบบไม่คาดคิด มีเหรอว่าเธอจะจำหน้าตาเขาไม่ได้
“จะรีบร้อนไปไหน” หญิงสาวเรียกอย่างตกใจแกมระอาเล็ก ๆ แล้วก็ต้องรีบลดเสียงลงให้เหลือเพียงกระซิบเท่านั้น เมื่อผู้โดยสารบนรถต่างมองเธอเป็นตาเดียว ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ได้ พิมพ์รภัสคิด ซึ่งมาเฟียหนุ่มก็พอจะเดาความคิดของเธอออก เขาจึงพูดอย่างอารมณ์ดี
“ผมเป็นห่วงคุณในฐานะเมีย ก็เลยอยากตามมาดูให้แน่ใจว่า คุณมาทำงานให้ผมจริง ๆ ไม่ได้หนีอย่างที่ผมคิดเอาไว้” เนี่ยหละนิสัยของเขาหล่ะ คำพูดสุดกวนประสาทพูดคำกัดสองคำในยามที่รู้ว่าหล่อนโกรธเคือง แถมจะมาก็ไม่บอก
“อย่าเอามาตรฐานตัวเอง มาตัดสินคนอื่น โดยเฉพาะฉันได้ไหม” พิมพ์รภัสว่าอย่างเหลืออด ในความคิดของสามีหนุ่มตรงหน้า