7. คู่หมั้น

1046 คำ
ถิงเอ๋อร์จึงหยุดคิดแผนการทันที แล้วรีบตอบบ่าวรับใช้ออกไปว่า “เจ้าไปบอกท่านพ่อว่ารอสักประเดี๋ยว ข้าขอเปลี่ยนชุดก่อน” และรีบลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ “เจ้าค่ะ” จิ๋นอิ่งขานรับและรีบเดินไปห้องหนังสือเพื่อแจ้งท่านเสนาบดีทันที จวนแม่ทัพ ยามเซิน ในวันเดียวกันนั้น “มู่หยาง เรื่องที่ข้าให้ไปสืบได้ความว่าอย่างไร” หลี่เฟยหลงที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานเอ่ยถามองครักษ์เงาคนสนิทที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกร้อนรน แต่กระนั้นเขาก็ยังเก็บสีหน้าและอาการได้เป็นอย่างดีไม่มีพิรุธ “เรียนท่านอ๋อง หลังจากที่คุณหนูฟางฟื้นขึ้นหลังจากที่ล้มป่วยอย่างหนัก นางก็มีนิสัยที่เปลี่ยนไปจากเดิมพ่ะย่ะค่ะ” มู่หยางที่รั้งตำแหน่งองครักษ์เงาของท่านอ๋องยืนตัวตรงก้มหน้ารายงานความคืบหน้าที่ได้รับมอบหมายจากท่านอ๋องให้ไปสืบข่าวของคุณหนูฟางลี่ถิงที่จวนเสนาบดี “เจ้ารีบรายงานมา” น้ำเสียงที่ดูร้อนรนอย่างผิดปกตินั้นทำให้มู่หยางรู้สึกผิดสังเกต แต่ก็ไม่ได้คิดสิ่งใดที่นอกเหนือจากเรื่องที่ได้รับมอบหมาย เมื่อองครักษ์รายงานเรื่องราวทุกอย่างจบก็ซ่อนเร้นกายออกจากจวนแม่ทัพเพื่อไปติดตามสืบข่าวของคุณหนูฟางและกลับมารายงานให้ท่านอ๋องทราบเป็นระยะ เหตุที่หลี่เฟยหลงให้องครักษ์เงาคนสนิทตามสืบเรื่องของถิงเอ๋อร์อย่างลับ ๆ ก่อนที่จะเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงนั้นก็เพื่อรอดูปฏิกิริยาว่าข่าวที่เขาขอยกเลิกการหมั้นหมายนั้นจะเป็นเช่นไร ซึ่งก็คาดไม่ผิดนักว่านางจะต้องตรอมใจจนล้มป่วยลง และเขาก็หวังว่านางจะเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นไปเองเพื่อรักษาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น หลังจากที่นางหายป่วย แทนที่จะเคลื่อนไหวตามที่เขาต้องการ หญิงสาวกลับทำนิ่งเฉยจนผิดปกติวิสัย และเป็นเขาเองที่อดทนรอไม่ไหวจึงต้องเดินทางไปเจรจาขอยกเลิกการหมั้นหมายถึงที่จวนเสนาบดี แต่กลายเป็นว่าคว้าน้ำเหลวอีกครั้ง แถมยังถูกสตรีโฉมสะคราญผู้นั้นล่อลวง ทำให้ใจชายหนุ่มผู้ที่มิเคยมองนางเกินกว่าน้องสาวเกิดอาการกระวนกระวายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นกับผู้ใดมาก่อน “นี่เจ้าทำอันใดกับความคิดของข้ากัน” หลี่เฟยหลงนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างคนที่พยายามใช้ความคิดอย่างหนัก ห้องหนังสือในจวนเสนาบดีช่วงยามเซิน “ท่านพ่อเจ้าคะ ถิงเอ๋อร์เองเจ้าค่ะ” ฟางลี่ถิงยืนอยู่หน้าห้องหนังสือของบิดา “เข้ามาได้” เสียงชายสูงวัยกล่าวบอกบุตรีอันเป็นที่รัก “ท่านพ่อเรียกพบลูกมีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” ถิงเอ๋อร์พูดจบก็เดินเข้าไปบีบนวดบ่าของบิดาอย่างเอาอกเอาใจ “ถิงเอ๋อร์ลูกรัก พ่ออยากจะถามเจ้าเรื่องท่านแม่ทัพเสียหน่อย” บิดาแตะมือเข้ากับมือเล็กที่บีบนวดบ่าของเขาอยู่ คล้ายว่าเรื่องที่กำลังจะพูดเป็นเรื่องที่จริงจังอย่างมาก สตรีจึงหยุดมือและเดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามแทน “ลูกอยากแต่งงานกับท่านแม่ทัพหรือไม่” บิดาเอ่ยถาม เอื้อมมือไปหยิบพู่กันแล้วเขียนรายงานต่อไปด้วยท่าทีที่ดูเหมือนว่าไม่จริงจังนัก แต่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ “เหตุใดท่านพ่อถึงถามเช่นนั้น เพราะท่านแม่ทัพเป็นคู่หมั้นของลูก หากไม่แต่งกับเขาแล้วจะให้ลูกไปแต่งกับผู้ใดกันเจ้าคะ” ถิงเอ๋อร์ส่งยิ้มอ่อนหวานไปให้บิดาที่นั่งอยู่ตรงหน้า “พ่อได้ยินข่าวในวังหลวงว่าท่านแม่ทัพอาสาไปทำศึกที่ชายแดนเมืองจิ๋นอู่ซึ่งอยู่ทางเหนือของแคว้นเจียงหยางของเราในอีกสามเดือนข้างหน้า และอาจจะต้องเดินทางไปประจำชายแดนเนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียด พ่อกลัวว่าหากเจ้าต้องอภิเษกตามราชโองการเดิมที่อดีตฮ่องเต้ทรงพระราชทานไว้ให้ ซึ่งตามกำหนดก็คือสิ้นเดือนนี้ เกรงว่าเขาจะทอดทิ้งให้ลูกอยู่ตามลำพังที่จวนแม่ทัพ หรือถ้าหากนำลูกติดตามไปทำศึกด้วย พ่อก็ไม่วางใจนักว่าลูกจะอยู่อย่างปลอดภัยหรือไม่” บิดาพูดจบก็วางพู่กันในมือลงและเงยหน้าขึ้นสบตาลูกสาวคนเล็กเพียงคนเดียวด้วยความเป็นห่วง “ท่านพ่ออย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ ใช่ว่าสถานการณ์ที่หัวเมืองทางเหนือจะเคร่งเครียดถึงปานนั้น อย่างมากท่านแม่ทัพก็ไปประจำการเพื่อคุมเชิงไม่ให้แคว้นอี๋ฉางคิดก่อการกบฏ โปรดอย่าคิดมากเรื่องลูกเลยนะเจ้าคะ” หญิงสาวรู้สึกซาบซึ้งใจในความเป็นห่วงของบิดา จึงส่งยิ้มกว้างให้ชายสูงอายุตรงหน้าอย่างจริงใจ “เพื่อท่านแม่ทัพ ลูกถึงขั้นพูดเกลี้ยกล่อมพ่อถึงเพียงนี้ แล้วรู้ได้อย่างไรว่าแคว้นอี๋ฉางจะไม่คิดก่อการกบฏขึ้นจริง ๆ” บิดาถอนลมหายใจพร้อมทั้งส่ายศีรษะให้กับความดื้อดึงของลูกคนนี้ “ท่านพ่อโปรดอย่าได้ตำหนิท่านพี่เลยนะเจ้าคะ” ถิงเอ๋อร์พูดเสียงเบาแล้วก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตากับบิดาคล้ายว่านางกำลังรู้สึกผิด “หานตงบอกลูกหรือ” บิดาหรี่ตามองบุตรีด้วยสายตาจับผิด “เจ้าค่ะ” ถิงเอ๋อร์ตอบไม่เต็มเสียงนัก และหันสายตาไปมองพู่กันที่วางอยู่บนโต๊ะแทน “หานตงเดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้วหรือ” บิดาพูดเสียงเข้มและตบฝ่ามือลงบนโต๊ะทำงานเสียงดังลั่น “ท่านพี่จะเดินทางถึงเมืองหลวงในอีกสิบห้าวันเจ้าค่ะ” ถิงเอ๋อร์ตอบบิดาด้วยความจนใจเพราะไม่อยากปิดบังมากไปกว่านี้ “หากเจ้าเข้าพิธีปักปิ่นในสิ้นเดือนนี้ แล้วท่านแม่ทัพยังคงนิ่งเฉยไม่ส่งเทียบมาสู่ขอเจ้าตามกำหนด พ่อจะเอาเรื่องนี้เข้ากราบทูลฮ่องเต้อย่างแน่นอน” ท่านเสนาบดีขมวดคิ้วทำหน้าขึงขังแลดูน่ากลัวอย่างยิ่ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม