ณ ประเทศอังกฤษ
ปีเตอร์กำลังนั่งประชุมอยู่หัวโต๊ะในนามประธานบริษัทผลิตเครื่องดื่มชูกำลังด้วยความเคร่งเครียดเพราะยอดขายตกไปนิดหน่อยเท่านั้นแต่สำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องใหญ่เสมอถึงแม้ว่าเขาจะทำธุรกิจอีกอย่างคือคาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วก็ตามซึ่งส่งผลให้เขาร่ำรวยขึ้นมาตามลำดับ
"เอาละปิดประชุมแล้วอย่าลืมทำตามที่ผมบอกด้วย" พูดจบปีเตอร์ก็เดินออกจากห้องประชุมไป
ทุกคนในห้องต่างก็รับคำแล้วลุกจากเก้าอี้เดินตามกันออกไปทำงาน ทุกคนในบริษัทรู้ดีว่าปีเตอร์จริงจังกับการทำงานมากจนทุกคนกลัวเขาไปหมดไม่กล้าที่จะทำอะไรให้ผิดพลาดบ่อยๆ
หลังจากที่ประชุมเสร็จปีเตอร์ก็ลงลิฟต์ไปพร้อมกับมาร์สกับเควินเพื่อไปที่คาสิโนต่อ ระหว่างที่เดินออกมาจากบริษัทไปยังลานจอดรถของบริษัทก็มีชายปริศนาจ้องมองปีเตอร์อยู่พร้อมกับอาวุธปืนในมือเตรียมเล็งจะยิงเขาทางด้านหลัง
ปัง!!! กระสุนปืนเฉี่ยวไหล่ปีเตอร์ไปถากๆเท่านั้น ปีเตอร์จึงวิ่งไปหลบข้างรถ มาร์สกับเควินช่วยกันยิงรัวๆไปทางที่กระสุนปืนพุ่งมาเพื่อป้องกันเจ้านายของตัวเอง แต่กลับไม่มีการยิงโต้กลับมา ทั้งสองคนจึงพาปีเตอร์ขึ้นรถแล้วตรงไปยังคาสิโนทันที
"นายเป็นยังไงบ้างครับ" เควินถามอาการของปีเตอร์อย่างเป็นห่วง
"ไม่เป็นไร แค่โดนถากๆไปนิดหน่อย" ใช้มือแตะแผลที่ไหล่มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยเท่านั้น
ปีเตอร์เดินเข้าในคาสิโนแล้วกดลิฟต์ขึ้นไปบนชั้นที่สิบทันที คาสิโนของปีเตอร์จัดว่าครบวงจรเพราะมีทั้งห้องพัก อาหารและเครื่องดื่มค่อยให้บริการแขกที่มาจากทั่วสารทิศ คาสิโนแห่งนี้มีทั้งหมดสิบชั้น แบ่งเป็นห้องพักห้าชั้น ที่เหลืออีกห้าชั้นก็จะเป็นในส่วนการพนันต่างๆและห้องอาหารกับเครื่องเพื่ออำนวยความสะดวกให้แขกที่มาเยือน เรียกได้ว่าเป็นคาสิโนกึ่งโรงแรมเลยล่ะ
ส่วนห้องพักของปีเตอร์อยู่ชั้นบนสุดเพราะห้องพักถูกสร้างขึ้นมาให้เฉพาะเขาเท่านั้น มีห้องทำงาน ห้องนอนและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครบในห้องเดียวและมีความกว้างขวางกว่าห้องที่พักแขก ส่วนเพนท์เฮ้าส์ส่วนตัวนานๆทีเขาถึงจะไปพัก
พอเข้ามาในห้องปีเตอร์ก็ถอดเสื้อตัวเองออกเพื่อที่จะได้ทำแผลได้สะดวกขึ้น เควินเดินไปหยิบเอากล่องยาในตู้ไปวางไว้บนโต๊ะให้ปีเตอร์
"ให้ผมทำแผลให้ไหมครับ" เควินถาม
"ไม่ต้องฉันทำเองได้แล้วอย่าลืมไปสืบล่ะว่าเป็นฝีมือใคร" พูดไปก็หยิบแอลกอฮอล์มาเช็ดแผลแล้วติดพลาสเตอร์ปิดแผลทันที
"ครับนาย" เควินกับมาร์สเดินออกจากห้องไป
พอบอดี้การ์ดทั้งสองคนออกไปแล้ว ปีเตอร์ก็นั่งลงบนเก้าอี้ทำงานพิงเอนตัวไปทางด้านหลังหลับตาลงในหัวก็คิดไปเรื่อยเปื่อยว่าใครลอบจะเอาชีวิตเขา หวังว่าคงไม่ใช่คนที่เขาคิดไว้นะ
ก๊อก ก๊อก
ปีเตอร์ลืมตาขึ้นเพราะเสียงเคาะประตู พนักงานหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับถาดกาแฟและน้ำเปล่าที่ปีเตอร์สั่งไว้
"กาแฟกับน้ำเปล่าค่ะ" พนักงานยกแก้วกาแฟกับแก้วน้ำเปล่าวางลงบนโต๊ะทำงานตรงหน้าปีเตอร์
"ขอบใจ" ยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม
"อยากได้อะไรอีกไหมคะ" ส่งยิ้มให้ปีเตอร์
"ไม่ล่ะ ออกไปได้แล้ว" พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ค่ะ" รับคำแล้วเดินออกจากห้องไป
ปีเตอร์ดูออกว่าเธอต้องการจะเสนอตัวให้เขา แต่เพื่อไม่ให้เสียการปกครองเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพนักงานเด็ดขาด เว้นเสียแต่ว่าเขาจะถูกใจหรือชอบจริงๆเท่านั้น แต่สำหรับเขาแล้วคงจะอีกนานเลยล่ะ ถึงจะมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้ามาให้เขาเลือกมากมายแต่ก็ไม่มีใครที่เขาพอใจเลยสักคนถึงจะเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งก็แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปแฟร์ๆกันทั้งสองฝ่ายก็แค่นั้นไม่มีการผูกมัดใดๆต่อกันอีก
ในส่วนของธุรกิจเขาเป็นคนใจกว้างมากจนมีนักธุรกิจหลายคนเป็นหนี้เขาเป็นเงินจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการกู้ยืมทำธุรกิจหรือการเล่นการพนันจนหมดตัวแล้ว แต่กลับมาขอยืมเงินเขาเล่นต่อ เขายอมให้เพราะแต่ละคนก็มีธุรกิจเป็นของตัวเองแต่บางรายกลับไม่มีเงินมาใช้หนี้เขาเพราะจำนวนเงินที่มากเกินกำลังจะหามาใช้ จึงมีหลายรายแวะวนมาให้เขาผ่อนผันหนี้ให้
ก๊อก ก๊อก
เควินกับมาร์สเดินเข้ามาในห้องพร้อมกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย
"ว่าไงได้เรี่องอะไรบ้าง" มองหน้าบอดี้การ์ดทั้งสองคน
"เป็นอย่างที่คิดไว้เลยครับนาย" มาร์สบอกไปตามความจริง
"งั้นเหรอ ฉันไม่รู้ว่ามันจะแค้นอะไรฉันนักหนา เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว" ปีเตอร์เอนหลังพิงเก้าอี้
"ผมว่าไม่น่าจะใช่เรื่องนั้นเรื่องเดียวหรอกครับ น่าจะเป็นธุรกิจของนายด้วยที่กำลังไปได้ดีมากกว่า" เควินออกความเห็น
"งั้นเหรอ ก็อาจจะใช่นะเพราะได้ข่าวว่าทางนั้นหุ้นกำลังตกกันระนาวเลยนี้" ปีเตอร์พูดไปตามข่าว
"แล้วนายจะเอายังไงต่อครับ จะให้พวกผมไปเอาคืนไหม" มาร์สกับเควินมองหน้าปีเตอร์รอคำสั่ง
"ไม่ต้องหรอก แต่ถ้ามีอีกฉันจะจัดหนักให้มันเอง" ยกยิ้มมุมปาก
"ครับนาย" บอดี้การ์ดทั้งสองคนรับคำพร้อมกัน
"ไปพักกันเถอะ เย็นนี้ฉันจะไปนอนที่เพนท์เฮ้าส์นะ "พูดพลางยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
บอดี้การ์ดทั้งสองคนพยักหน้ารับรู้แล้วเดินออกไป
ณ ประเทศไทย
หลังที่ชัยวัชบอกเรื่องหนี้สิบล้านแต่ไม่ได้บอกที่มาของการเป็นหนี้พิมพ์ก็เอาแต่นั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องนอนในหัวก็คิดไปเรื่อยเปื่อยน้ำตาค่อยๆเอ่อไหลออกจากดวงตากลมโตของเธอไม่รู้ชะตาชีวิตของตัวเองในวันข้างเลยว่าจะเจอกับอะไรบ้างหากเจ้าหนี้ตอบตกลงรับเธอไปอยู่ด้วย
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้พิมพ์รีบเช็ดน้ำตาของตัวเองทิ้งแล้วเดินไปเปิดประตูห้องทันที พอเปิดประตูห้องออกก็เจอกนกวรรณยืนรออยู่ตรงหน้าห้อง
"คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าคะ" ถามออกไปแล้วเดินกลับไปนั่งลงบนเตียงนอน
"แม่แค่อยากมาคุยกับหนูหน่อย คือพ่อกับแม่ยังรักหนูเหมือนเดิมนะ แต่มันจำเป็นจริงๆ"นั่งลงข้างพิมพ์แล้วยื่นมือไปจับกุมมือพิมพ์ไว้
"ค่ะ พิมพ์รู้"ขยับตัวเข้าไปสวมกอดกนกวรรณไว้แน่น
"แม่ดีใจนะ ที่หนูเข้าใจพ่อกับแม่"ใช้มือลูบผมพิมพ์เบาๆ
"หนูยินดีทำเพื่อพ่อกับแม่เสมอค่ะ"ผลักออกจากกนกวรรณ
"ไม่เสียแรงจริงๆที่พ่อกับแม่รับหนูมาเป็นลก"กนกวรรณพูดออกมาตามความจริงเพราะตั้งแต่รับพิมพ์มาเป็นลูก เธอก็อยู่ในโอวาทของพ่อแม่ตลอด
"ค่ะคุณแม่ พิมพ์ก็โชคดีที่ได้รับความเมตตาจากคุณพ่อกับคุณแม่เหมือนกัน" พูดไปน้ำตาก็เอ่อไหลลงแก้มทั้งสองข้าง
"ไม่ร้องนะลูก โตเป็นสาวแล้วรู้ตัวไหม" กนกวรรณยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้พิมพ์อย่างอ่อนโยน
"ค่ะ พิมพ์จะเข้มแข็ง" พูดได้แต่ปากแต่ตอนนี้หัวใจเธอมันอ่อนแอจนไม่มีแรงสู้เลย
ทั้งสองคนแม่ลูกนั่งกอดกันไว้แน่นเพื่อซึมซับความรักจากกันและกัน
พอตกเย็นปีเตอร์ก็เข้าไปที่เพนท์เฮ้าส์ของตัวเอง หลังจากที่ทำแผลเสร็จก็ทานยาแก้ปวดแล้วกลับเข้ามาในห้องล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มแล้วหลับตาลงเพื่อพักผ่อน