“วันนี้ไม่ไปไหนเหรอคะสุดหล่อของแม่”
“ไม่ครับ วันนี้ผมจะอยู่กับคุณแม่คนสวยทั้งวันเลย”
“หืม...”
“วันนี้ไม่ไปแต่อาทิตย์หน้าไปนะ ผมจะไปทะเลแล้วก็ขอพาน้องไปด้วย”
“ได้สิ ถ้าเจ้าตัวเขาอยากไปนะ”
“ลูกสาวแม่ชอบทะเลแค่ไหนแม่น่าจะรู้นะครับ”
“นั่นสินะ ว่าแต่วันนี้ว่างแน่ใช่ไหม?”
“แน่ครับ”
“งั้นไปตลาดกับแม่หน่อยกำลังหาคนช่วยถือของอยู่พอดี”
“ครับผม”
วันนี้วันหยุดครับ เบื่อ ๆ เซ็ง ๆ เลยไม่อยากไปไหน อยู่บ้านอย่างดีก็อ้อนแม่กับกวนประสาทพ่อนั่นแหละ
มาถึงตลาดผมมีหน้าที่เดินตามแม่อย่างเดียวเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่นเลย แน่นอนว่าไม่พ้นร้านเครื่องสำอางกับร้านเสื้อผ้าอยู่แล้วแอบกระซิบหน่อยว่าเรื่องนี้พ่อให้อิสระมากครับ จะใส่เสื้อผ้ายังไงแต่งตัวแบบไหนพ่อไม่เคยขัดเลยแถมยังสนับสนุนให้อีกด้วย
“กำปั้น ลูกว่าชุดนี้สวยไหม?” เสื้อครอปตัวกระจิริดถูกยื่นมาตรงหน้าผม
“สวย แต่ถ้าแม่ใส่ชุดนี้ผมกับเพียงฝันคงจะมีน้องอีกแน่ ๆ”
“ทะลึ่ง! ใครบอกว่าแม่จะใส่เองแม่จะซื้อไปให้น้องต่างหาก”
“อ๋อ...” พลางอมยิ้มใส่อย่างกวนอารมณ์ ไอ้เรื่องมีน้องนี่พ่อผมไม่ได้พูดเล่นนะแต่ทำไงได้ในเมื่อแม่ไม่ยอมซึ่งผมก็เห็นด้วย อายุเข้าเลขสี่แล้วผมว่ามันไม่เหมาะที่จะมีลูกเล็กแล้วมั้งครับ ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีน้องแต่สุขภาพร่างกายเป็นเรื่องสำคัญ
“ยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนพ่อแกไม่มีผิด!”
“ฮ่า ๆ ผมเดินเล่นแถวนี้นะ” จบประโยคก็แยกออกมาอีกโซนหนึ่ง ไม่ต้องห่วงครับถ้าลองได้เข้าแล้วอย่างต่ำก็หนึ่งชั่วโมงนั่นแหละ
เดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยก่อนจะถูกสะกิดจากด้านหลัง
“คิกคิก พี่จริง ๆ ด้วย” น้ำเสียงสดใสเอ่ยพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างมาให้ผม
“เราเจอกันที่นี่สองครั้งแล้วนะ”
“บ้านพี่อยู่ทางโน้นบ้านหนูอยู่ทางนี้และที่นี่คือตลาดนัด ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนค่ะ”
“แล้วใครบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญครับ” ผมว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะพูดต่อ “แล้วทำไมไม่ไปโรงเรียน”
“ปวดท้องค่ะแต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”
“ไปหาหมอหรือยัง”
“ไม่ต้องหาหรอกค่ะผู้หญิงเขาเป็นกันทุกเดือนอยู่แล้ว” รอบเดือนสินะ
“แล้วไอ้มิวไปไหน”
“ไปทำงานค่ะ แล้วพี่ล่ะคะวันนี้หยุดเหรอ”
“อืม พาแม่มาซื้อของน่ะ”
“หนู...”
“พ่อคนหล่อของแม่เผลอไม่ได้เชียวนะ” น้ำเสียงคุ้นหูดังจากด้านหลังก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าผม
“ไม่ใช่เลยแม่ นี่เสียงเพลงน้องสาวไอ้มิวครับ”
“สวัสดีค่ะ” คนที่ถูกแนะนำรีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อมไม่ได้ต่างไปจากไอ้มิวเวลาที่เจอพ่อผมเลยสักนิด
“น่ารักนะเนี่ยโตไปต้องสวยแน่นอน” แม่ผมว่ายิ้ม ๆ ทำเอาคนถูกชมเขินจนตัวบิดเลยทีเดียว
“แล้วตอนนี้ยังไม่โตเหรอครับ”
“แน่ะ!”
“อะไร? ผมก็แค่สงสัยว่าในสายตาผู้ใหญ่ต้องแค่ไหนถึงจะมองว่าโตแล้ว”
“มันก็แล้วแต่คนอย่างเช่นปั้นแม่ก็มองว่ายังไม่โต ยังไม่รู้จักคิดยังรักสนุกอยู่”
“แม่กำลังอธิบายไม่ได้กำลังด่าผมใช่ไหม?”
“แล้วแต่จะคิด” เป็นไง ดูแม่ผมสิ
“แม่ครับ!”
“คิกคิก” เสียงหัวเราะของใครอีกคนดังขึ้น แน่นอนว่าทุกคำพูดของแม่เธอได้ยินหมด “หนูไปก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิ! ยังไม่บอกน้าเลยว่าหนูชื่ออะไร”
“เสียงเพลง” ผมตอบแทนอย่างถือวิสาสะเพราะว่าคนที่ถูกตั้งคำถามเดินเลี่ยงออกไปก่อนแล้ว
“อะไรนะ?”
“น้องชื่อเสียงเพลงครับเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของไอ้มิวก่อนหน้านี้ที่พวกเราไม่เคยเจอเพราะว่าเขาอยู่กับยายที่ต่างจังหวัด”
“...” แม่เงียบแล้วมองหน้าผมคล้ายกำลังใช้ความคิด
“พ่อบอกอยู่ตลอดว่าแม่เก็บรายละเอียดเก่งมาก ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้ผมจะเห็นสายตาแบบนี้ของแม่”
“แม่ไม่ได้เก็บอะไรเลยเพราะรู้อยู่แล้วว่าปั้นเป็นยังไงและแม่ก็ยังจำได้ที่ปั้นบอกว่าเจอคนที่อยากรักเมื่อไหร่จะแนะนำให้แม่รู้จักเป็นคนแรก”
“...” คราวนี้กลายเป็นผมเองที่เงียบไปเพราะผู้หญิงคนแรกที่แนะนำให้แม่รู้จักดันเป็นเสียงเพลง “ผม...”
“ไม่ต้องอธิบายให้ใครเข้าใจหรอกแค่อธิบายให้ตัวเองเข้าใจก็พอแล้ว” จบประโยคก็เข้าร้านนั้นร้านนี้ต่อ
กว่าจะได้กลับบ้านหมดไปหลายบาทเลยครับแต่ไม่ได้จ่ายแค่เสื้อผ้าหรอกนะ ยังมีเครื่องครัวและของสดอีกหลายอย่างเลย
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” เอ่ยถามพ่อเมื่อกลับมาถึงบ้าน
“ช่วยอยู่เฉย ๆ ก็พอ”
“ถ้าไม่มีผมจะไปนอนแล้วนะ”
“แกเนี่ยนะนอนกลางวัน?”
“รู้สึกเพลียนิดหน่อยเหมือนจะไม่สบาย”
“โดนไล่ตีไล่ฟันแทบตายไม่เห็นเป็นอะไรพอเดินตลาดกับแม่เข้าหน่อยถึงกับป่วยเลยเหรอ”
“โธ่พ่อ! ร่างกายมันเลือกได้ที่ไหนล่ะครับ”
“ไปไหนก็ไปเบื่อขี้หน้าละ”
“รักพ่อนะครับ”
“ไปไกล ๆ”
“ฮ่า ๆ” บอกแล้วว่าต้องกวนอารมณ์กันก่อน
เข้ามาในห้องผมก็กินยาแก้ปวดลดไข้ดักไว้ก่อนเลย รู้ตัวครับว่าอาการแบบนี้คือจะป่วยแน่นอนคงเป็นเพราะวันก่อนตากฝนด้วยแหละ
ติ๊ง!
[ถึงบ้านหรือยังคะ]
“ถึงแล้ว แล้วเราล่ะอยู่ไหน”
[อยู่ร้านไอศกรีมค่ะ] ไม่เพียงแค่นั้นน้องยังส่งรูปมาให้ดูเพื่อเป็นหลักฐานอีกด้วยครับ
“ปวดท้องแต่หากินแต่ของเย็น ๆ นะ”
[ถ้าไม่ได้กินพี่อาจจะเจอหนูสามนาทียี่สิบสี่อารมณ์ก็ได้นะ]
“น่ากลัวมากเลย”
นานหลายนาทีที่เราคุยกันก่อนที่ผมจะผล็อยหลับไปด้วยฤทธิ์ของยา
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ตื่นขึ้นมาอีกทีท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีแล้วครับ หยิบมือถือขึ้นมาดูมีทั้งสายที่ไม่ได้รับและข้อความที่ไม่ได้เปิดอ่าน หนึ่งในนั้นก็คือเสียงเพลงน้องยังคงออนไลน์อยู่ เห็นแบบนั้นผมจึงตอบกลับไป
“โทษทีพี่หลับเพิ่งตื่น” อ่านทันทีครับแต่ไม่ตอบกลับ
เลิกสนใจก่อนจะพาตัวเองไปอาบน้ำชำระร่างกายได้นอนพักแล้วรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย
ใช้เวลาแค่ไม่นานก็เสร็จแล้วครับ กลับมาดูมือถืออีกครั้งก็เหมือนเดิมยังคงไม่มีใครตอบกลับมาแต่ช่างสิ! แล้วทำไมผมต้องรอด้วย
ครืด... ครืด...
เป็นไอ้มิวครับที่โทรเข้ามา
“เออ”
(อยู่ไหนวะโทรไปก็ไม่รับ)
“อยู่บ้าน กูเพิ่งตื่น”
(ออกมาเปล่ากูอยู่สนามกันเนี่ย)
“ไม่ดีกว่ากูไม่ค่อยสบาย”
(เออ งั้นก็พักผ่อนไว้เจอกัน)
“อืม”
แล้วสายก็ถูกตัดไปพร้อมกับข้อความตอบกลับของเสียงเพลงที่ดังขึ้นแต่ผมยังไม่ทันตอบน้องก็วีดิโอคอลมาก่อนแล้ว
(อ๊ะ! ขอโทษค่ะพอดีว่ามือมันไปโดน) น้ำเสียงลนลานเชียวครับ
“ไม่เป็นไร แล้วทำอะไรอยู่พี่เห็นอ่านแต่ไม่ตอบ”
(อ๋อ! หนูออนค้างไว้ค่ะหนูไปรีดผ้ามา ว่าแต่พี่เถอะหายเงียบไปเลย)
“ไม่ได้หายพี่แค่เผลอหลับเฉย ๆ”
(พี่มิวบอกว่าจะออกไปหาพวกพี่แล้วนี่พี่อยู่ไหนเหรอคะทำไมเงียบจัง)
“อยู่บ้านครับวันนี้ไม่ได้ไปไหน”
(เพิ่งรู้ว่าพี่ก็อยู่บ้านเป็นด้วย)
“หลอกด่าก็เป็นแฮะ”
(ฮ่า ๆ) หัวเราะเสียงดังเชียวครับ (หนูเปล่านะคะแต่พี่กับพี่มิวก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ พวกพี่อยู่ที่ไหนพี่มิวก็อยู่ที่นั่น)
ขณะที่เราคุยกันผมก็สังเกตเห็นแสงไฟที่กระทบกับแววตาของเสียงเพลง จะว่าเสียมารยาทก็ได้แหละเพราะผมมองสิ่งรอบข้างตัวน้องจริง ๆ
“ทำอะไรอยู่เหรอพี่ว่าพี่เห็นแสงไฟ”
(หมายถึงไฟนี้ใช่หรือเปล่าคะ) ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังหันกล้องไปทางแสงนั่นอีกด้วย มันคือคีย์บอร์ดเกมมิ่งครับ (หนูกำลังเขียนงานอยู่)
“มันต้องกระพริบขนาดนั้นเชียวเหรอปวดตากันพอดี”
(ปวดตาไม่รู้จัก รู้จักแต่ปวดหลังค่ะ)
“เป็นเด็กเป็นเล็กปวดหลังแล้วเหรอ”
(เฮ้อ! พูดไปพี่ก็ไม่เข้าใจ) ถึงกับถอนหายใจใส่ครับ
คุยกันไปเรื่อยจนเวลาล่วงเลยมาจนถึงสี่ทุ่มน้องก็วางสาย จากนั้นผมก็ออกจากห้องแล้วไปหาอะไรกินบ้างนอนมาตั้งครึ่งวันไม่รู้เลยว่าจะง่วงอีกทีตอนไหนแถมตอนเช้าก็ต้องตื่นไปทำงานอีก เวรกรรมแท้ ๆ หลับนอนไม่เป็นเวล่ำเวลา
“แลดูอารมณ์ดีนะ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าผม
“พ่อยังไม่ปิดร้านอีกเหรอ”
“ปิดแล้วแต่วันนี้ช้าหน่อย ว่าแต่แกเถอะคุยกับใครตั้งนานสองนาน”
“น้องครับ”
“น้องไหน? พามาทำความรู้จักกันบ้างสิ”
“ทำความรู้จักอะไรล่ะครับแค่น้องเอง”