Episode-๐๕ เขาที่เพิ่งเจอกับเธอที่มาก่อน?

1941 คำ
หลายวันผ่านไป หลังจากที่ได้รับคำเตือนวันนั้นผมก็สังเกตเจนมาตลอด แล้วมันก็จริงอย่างที่ไอ้แก้มบอกนั่นแหละ “ฝึกงานเป็นยังไงบ้าง” “สนุกดี แล้วนายล่ะ” “ก็ดี” “ดีอยู่แล้วสาว ๆ ล้อมรอบขนาดนั้น” น้ำเสียงไม่จริงจังเอ่ยก่อนจะมองหน้าผม “น่ารักดีนะคนนั้นน่ะ” “คนไหน” “มีหลายคนล่ะสิ” “อืม” ตอบออกไปตามความจริง และไม่สนด้วยว่าคนตรงหน้าจะรู้สึกยังไง ผมคุยหลายคนจริง ๆ ครับ แต่ก็แค่คุยไม่ได้พิเศษหรือลึกซึ้งอะไร “คนที่นายกดหัวใจให้บ่อย ๆ นั่นไง” ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังเปิดหน้าจอมือถือให้ผมดูอีกด้วย แต่ว่าบุคคลที่เธออ้างถึงไม่ใช่เมล่อนครับ “ดูยังเด็กอยู่เลย น้องเขาไม่ได้เรียนแล้วเหรอ แล้วคุยกันนานหรือยัง” ทุกคำยังคงเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม แต่ผมกลับเงียบแล้วใช้สายตายว่างเปล่าแทนคำตอบ “โทษที เราอาจจะล้ำเส้นเกินไป” “เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ หยุดได้นะก่อนที่เธอจะรู้สึกไปมากกว่านี้” “...” เจนเงียบไปก่อนจะค่อย ๆ คลี่ยิ้มให้ผม “อย่าเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลย เผื่อนายลืมว่าเรามีแฟนแล้ว” “มีแฟนก็รักแฟนนะครับ” “แหวะ! ทำเป็นสอนคนอื่น” “ฮ่า ๆ” วันนี้ผมหยุดครับแล้วก็นัดกันมาดูหนังกับเจน การใช้ชีวิตของเราสองคนก็เพื่อนกันปกตินั่นแหละ แค่มีข้อยกเว้นบางอย่าง “กำปั้น” ใครคนหนึ่งเอ่ยเรียกชื่อผมขณะกำลังเดินเล่นอยู่ “เอ่อ...มากับใครเหรอ” เมล่อนเอ่ยก่อนจะมองไปทางเจนที่กำลังมองเธอเช่นกัน “เพื่อน แล้วเมมากับใคร” “เพื่อนเหมือนกันอยู่ทางโน้นน่ะ” เธอว่าพลางชื้อไปทางคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังมองมาทางผม “เรามาดูหนังที่เพิ่งเข้าใหม่ แล้วปั้นล่ะ” “เหมือนกันเลย เรารอบบ่ายสาม” “หืม... พรหมลิขิตนะเนี่ยเราก็เหมือนกัน” ไม่พูดเปล่าเธอยังโชว์ตั๋วที่อยู่ในมือให้ดูอีกด้วย “บังเอิญแฮะ” ผมไม่เคยเชื่อเลยว่าความบังเอิญมันมีอยู่จริงกระทั่งวันนี้นี่แหละ เพราะนอกจากจะเจอเมโดยไม่ได้นัดหมายแล้วผมยังเจอใครอีกคนหนึ่งด้วย ซึ่งเธอกำลังซื้อตั๋วหนังอยู่ครับ แค่เพียงไม่นานก็เดินไปนั่งมุมหนึ่งที่มีเพื่อนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว “ใกล้ได้เวลาแล้วเราเข้าไปข้างในกันเถอะ” “เธอเข้าไปก่อนเลยเราไปห้องน้ำก่อน” หันไปบอกเจนแล้วแยกตัวออกมาจากตรงนั้นเพื่อจะโทรหาไอ้มิว แต่เดินมาไม่เท่าไหร่ก็ต้องเก็บมือถือครับเพราะไอ้มิวมันเดินมาพอดี “อ้าว! มึงมากับใคร” “มากับเจน กูเห็นน้องมึงแวบ ๆ นะ” “เออ มากับกูนี่แหละแล้วก็เพื่อนเขาคนหนึ่ง พอดีเมื่อกี้กูลืมโทรศัพท์ไว้ในรถก็เลยกลับไปเอา” “มึงเชื่อเรื่องบังเอิญไหม?” “เหี้ยไรของมึง รถไฟชนกันหรือไง” “น่าจะ” “ฮ่า ๆ สมน้ำหน้า! เนียน ๆ ไว้เพื่อนเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง” มันตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนักก่อนจะกอดคอผมกลับเข้าไปด้านใน “ไหนพี่บอกว่าไม่ได้นัดใครไว้ไงคะ” ใครคนหนึ่งเอ่ยถามไอ้มิว น่าจะเป็นเพื่อนของเสียงเพลงครับ น่ารักดีแต่ไม่ใช่สเปคผมหรอก ถ้าไอ้มิวน่ะใช่ “ก็ไม่ได้นัดไงไอ้นี่มันมาก่อนแล้ว” แทบไม่ได้สนใจบทสนทนาของไอ้มิวกับน้องคนนั้นเลยด้วยซ้ำเพราะเอาแต่มองใครอีกคนอยู่ที่ตอนนี้กำลังถ่ายรูปอยู่ครับแถมยังไม่สนใจคนรอบข้างอีกต่างหากจนไอ้มิวต้องสะกิด “คะ? อ๋อ... สวัสดีค่ะ” “เรานี่จริง ๆ เลย” ไอ้มิวถึงกับส่ายหน้าให้ครับ “ซีรีนนี่เพื่อนพี่มิวน่ะ” นอกจากจะยกมือไหว้ผมแล้วเจ้าตัวยังหันไปแนะนำกับเพื่อนด้วยครับ “สวัสดีค่ะ” “ครับ” “ได้เวลาแล้วเราเข้าไปข้างในกันดีกว่าค่ะ” ไม่ทันได้พูดอะไรต่อเสียงเพลงก็เดินนำไปก่อนแล้วครับ และแน่นอนว่าความบังเอิญมันมีอยู่จริง ๆ “...” “มึงดูโรงไหน” ไอ้มิวเอ่ยเมื่อเห็นผมหยุดนิ่ง “โรงนี้แหละ” “...” มันมองหน้าผมนิ่ง ๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา “ฮ่า ๆ รถไฟมึงคงไม่ได้อยู่ในนี้เหมือนกันหรอกนะ” “จะเหลือเหรอ” “ฉิบหาย! กำปั้นจะเหลือแต่ชื่อก็วันนี้แหละ” “ไร้สาระ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” ตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจแล้วเข้าไปด้านใน นาทีนี้ต้องใช้คำว่าโคตรบังเอิญถึงจะถูก ... “คนไหนวะ” ไอ้มิวกระซิบถามอีกครั้ง “ซ้ายมือ เว้นไปหนึ่งที่นั่งข้างเจนอะ” “น่ารักว่ะ” แน่นอนว่าหนึ่งที่ว่างตรงนั้นก็คือที่นั่งของผมเอง ให้ตายเถอะไม่เคยรู้สึกอึดอัดเท่าวันนี้มาก่อนเลย “เคยได้ยินไหม เมียสองต้องห้าม” “เมียพ่อง!” “ฮ่า ๆ” เมียอะไรของมันเพ้อเจ้อ! แค่แฟนยังไม่มีเลยเหอะ แล้วอีกอย่างเราแค่คุยกันเฉย ๆ ครับ “เขยิบมานั่งนี่” ผมบอกเจนให้ไปนั่งที่ว่างตรงนั้นแทนเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่อึดอัดเพิ่มครับ เพราะถัดไปจากนั้นคือเมล่อนกับเพื่อนของเธอไง ที่นั่งเป็นร้อยแต่ดันจองติดกันซะได้ ส่วนไอ้มิวมันอยู่แถวด้านหน้าผมนั่นแหละ แถมยังตรงกันด้วย ระหว่างที่หนังฉายไปเรื่อย ๆ ผมสังเกตว่าเมจะคอยมองตลอด ส่วนเจนก็คือเฉย ๆ ไม่ได้แสดงอะไรออกมา เป็นอยู่แบบนี้กระทั่งใกล้จบ “เราไปห้องน้ำก่อนนะ” ไม่รอให้เจนได้ตอบผมก็ลุกออกมาทันที ไม่ได้อยากจะเข้าห้องน้ำหรอกแค่อยากออกเฉย ๆ นั่นแหละ พอหาที่นั่งได้ก็หยิบมือถือมาเล่นเพื่อค่าเวลา เมส่งข้อความมาเยอะมากครับ ผมอ่านเฉย ๆ ไม่ได้ตอบอะไร ยังคงเลื่อนฟีดไปมาจนหยุดอยู่ที่โปรไฟล์ใครคนหนึ่งที่เพิ่งเปลี่ยนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่แต่มือมันก็กดถูกใจไปแล้ว ไม่ใช่สิ กดหัวใจต่างหาก “ไหนว่าจะเข้าห้องน้ำไง?” น้ำเสียงไม่พอใจเอ่ยก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าผม “จะใส่อารมณ์ทำไม” “รู้ว่าน่ารักแต่ไม่เห็นต้องทำกันขนาดนี้เลย” “พูดบ้าอะไรวะ” ผมเองก็เริ่มหงุดหงิดแล้วเหมือนกัน ไม่ชอบเลยผู้หญิงเจ้าอารมณ์แบบนี้ “นายมากับเราอย่างน้อยก็ควรให้เกียรติเราบ้างนะไม่ใช่นัดคนอื่นมาด้วย” “เรานัดใคร? เราก็มากับเจนไง” “แล้วอีคนที่นั่งข้าง ๆ ล่ะ เรารู้นะว่ามันเป็นใคร” “ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่ แล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเธอด้วย!” “...” “กฎของความสัมพันธ์คืออะไรเธอเองก็รู้ดีนะ แล้วอีกอย่างเราไม่ได้นัดคนอื่นมา เขามาของเขาเอง เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่” จบประโยคก็เดินหนีทันที นอกจากจะล้ำเส้นแล้วเจนยังก้าวก่ายมากกว่าทุกครั้งอีก ไม่ได้ติดตามเสียงเพลงในโซเชียลแต่กลับรู้ว่าผมกดหัวใจให้น้องทุกโพสต์ ถ้าไม่ตามสืบตามส่องจะรู้ได้ยังไง หมับ! “อย่าไปนะ เราขอโทษ” “อย่าทำแบบนี้อีก!” ผมผละออกแทบจะทันที ดีที่ไม่มีใครเห็น “ขอโทษ เราจะไม่เป็นแบบนี้อีก” จากที่คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ต้องคิดใหม่แล้วครับ ใช่แหละมันเห็นแก่ตัว แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อจุดเริ่มต้นทีแรกเราต่างฝ่ายต่างเต็มใจกันเอง “เราจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของนายอีก” “ช่างเถอะ! เราจะกลับแล้ว เธอก็กลับได้แล้วนะ” “อะ อืม” ผมหันหลังเดินออกมาทันทีครับ ออกจากห้างสรรพสินค้าก็ไปรอไอ้มิวที่สนามแทน รู้สึกเบื่อไปหมด โคตรจะหงุดหงิด “เป็นอะไรของมึงวะ ทำหน้าเหมือนเบื่อโลกไปได้” ไอ้เคมีเอ่ยเมื่อเห็นหน้าผม “ง้อพี่เอยไม่สำเร็จเหรอ” “ง้อเหี้ยอะไรของมึง เงียบปากไป! กูกำลังหงุดหงิด” “ครับผม!” นั่นแหละครับ มันก็ต้องกวนตีนก่อนถึงจะเงียบปาก ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่จนตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว “พี่ ๆ สวัสดีค่ะ” น้ำเสียงคุ้นหูเอ่ยพร้อมคำทักทายอีกทั้งยังมีของกินมาเยอะแยะเลย “พี่ออกมาตอนไหนเหรอคะหนูไม่เห็นเลย” ประโยคคำถามถูกเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงตรงที่ว่างข้างผม “ก่อนหนังจบครับ พี่ว่ามันไม่สนุกเท่าไหร่” “หนูก็...” “แหม ๆ มีคงมีครับ ไอ้สัสก่อนหน้านี้แทบจะแดกหัวกู พอเจอรอยยิ้มพิฆาตเข้าหน่อยมึงก็หายเป็นปลิดทิ้งเชียวนะ” ไอ้เคมีกระแนะกระแหนขึ้นมาบ้าง “หุบปากมึงไป” “ใช่ซิ! กูมันเป็นคนอื่นนี่” “รู้ตัวก็ดี” “มึงง้อกูหน่อยก็ได้” “ไม่อะ” ... : ฮ่า ๆ “มึงเสือกไปกวนตีนมันผิดเวลานี่” ไอ้มิวเอ่ยก่อนจะยื่นเครื่องดื่มให้ผม “รถไฟชนกันสภาพมันก็เลยเป็นอย่างนี้” “รถไฟชนกัน... ใครกับใครวะ กูเห็นมีแค่เจนที่วุ่นวายกับมึง” ไอ้จุ้นห่าวแทรกขึ้นมาบ้าง “หรือว่ามึงไปสร้างเรื่องไว้ที่โรงงานแล้ว?” “จะเหลือเหรอ น่ารักด้วยนะกูเจอแล้ว” “เฮ้อ! พวกมึงน่าเบื่อฉิบหายเลย” พลางกลอกตาไปมาใส่พวกมันอย่างเหนื่อยใจ “ที่พูดกันมันไม่เป็นความจริงสักนิดเดียว” “แล้วความจริงคืออะไรเหรอคะ?” “เสียงเพลง!” ไอ้มิวปรามน้องแทบจะทันทีที่ได้ยินแบบนั้น มันรู้ครับว่าผมไม่ชอบให้ใครล้ำเส้นเรื่องส่วนตัวแม้ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม “ไม่มีอะไร แค่คนคุยกับคนคุยบังเอิญเจอกันเฉย ๆ ครับ” “แค่คนคุยก็มีสิทธิ์หึงด้วยเหรอคะ?” “ไม่มี กฎของความสัมพันธ์ใครรู้สึกก่อนคนนั้นเจ็บ” “...” เด็กขี้สงสัยไม่ตั้งคำถามอะไรออกมาอีก มีแต่เรียวคิ้วที่กำลังขมวดเข้าหากันอยู่ตอนนี้แทน “เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นครับ” ไอ้มิวเอ็ดขึ้นอีกครั้ง แต่คำตอบของเสียงเพลงกลับทำให้ผมต้องคิดใหม่ “ไม่ยุ่งได้ยังไงก็พี่คนนี้ส่งแชทมาหาหนูรัว ๆ เลย” เธอฟ้องผมก่อนจะเปิดแชทของเมล่อนให้ผมดู “แฟนพี่หรือเปล่าคะ?” “พี่ยังโสด” ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะหยิบมือถือของเธอมาดูอย่างถือวิสาสะ ข้อความที่เมส่งมาแสดงความเป็นเจ้าของกับผมมาก แถมยังแคปข้อความที่เราคุยกันส่งให้เสียงเพลงอีกด้วย แต่น้องไม่ได้ตอบอะไร นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเจนที่เพิ่งกดติดตามแล้วกดไลก์ทุกโพสต์ของน้องอีกต่างหาก “เดี๋ยวนะ กูไม่อะไรหรอก กูอยากรู้แค่ว่าทำไมบรรดาคนคุยของมึงถึงมายุ่งวุ่นวายกับน้องกู?” “...” “ไอ้ปั้น!” “กูกดหัวใจให้น้องมึงมั้ง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม