หลายวันผ่านไป
หลังจากที่ได้รับคำเตือนวันนั้นผมก็สังเกตเจนมาตลอด แล้วมันก็จริงอย่างที่ไอ้แก้มบอกนั่นแหละ
“ฝึกงานเป็นยังไงบ้าง”
“สนุกดี แล้วนายล่ะ”
“ก็ดี”
“ดีอยู่แล้วสาว ๆ ล้อมรอบขนาดนั้น” น้ำเสียงไม่จริงจังเอ่ยก่อนจะมองหน้าผม “น่ารักดีนะคนนั้นน่ะ”
“คนไหน”
“มีหลายคนล่ะสิ”
“อืม” ตอบออกไปตามความจริง และไม่สนด้วยว่าคนตรงหน้าจะรู้สึกยังไง ผมคุยหลายคนจริง ๆ ครับ แต่ก็แค่คุยไม่ได้พิเศษหรือลึกซึ้งอะไร
“คนที่นายกดหัวใจให้บ่อย ๆ นั่นไง” ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังเปิดหน้าจอมือถือให้ผมดูอีกด้วย แต่ว่าบุคคลที่เธออ้างถึงไม่ใช่เมล่อนครับ “ดูยังเด็กอยู่เลย น้องเขาไม่ได้เรียนแล้วเหรอ แล้วคุยกันนานหรือยัง” ทุกคำยังคงเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม แต่ผมกลับเงียบแล้วใช้สายตายว่างเปล่าแทนคำตอบ “โทษที เราอาจจะล้ำเส้นเกินไป”
“เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ หยุดได้นะก่อนที่เธอจะรู้สึกไปมากกว่านี้”
“...” เจนเงียบไปก่อนจะค่อย ๆ คลี่ยิ้มให้ผม “อย่าเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลย เผื่อนายลืมว่าเรามีแฟนแล้ว”
“มีแฟนก็รักแฟนนะครับ”
“แหวะ! ทำเป็นสอนคนอื่น”
“ฮ่า ๆ”
วันนี้ผมหยุดครับแล้วก็นัดกันมาดูหนังกับเจน การใช้ชีวิตของเราสองคนก็เพื่อนกันปกตินั่นแหละ แค่มีข้อยกเว้นบางอย่าง
“กำปั้น” ใครคนหนึ่งเอ่ยเรียกชื่อผมขณะกำลังเดินเล่นอยู่ “เอ่อ...มากับใครเหรอ” เมล่อนเอ่ยก่อนจะมองไปทางเจนที่กำลังมองเธอเช่นกัน
“เพื่อน แล้วเมมากับใคร”
“เพื่อนเหมือนกันอยู่ทางโน้นน่ะ” เธอว่าพลางชื้อไปทางคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังมองมาทางผม “เรามาดูหนังที่เพิ่งเข้าใหม่ แล้วปั้นล่ะ”
“เหมือนกันเลย เรารอบบ่ายสาม”
“หืม... พรหมลิขิตนะเนี่ยเราก็เหมือนกัน” ไม่พูดเปล่าเธอยังโชว์ตั๋วที่อยู่ในมือให้ดูอีกด้วย
“บังเอิญแฮะ”
ผมไม่เคยเชื่อเลยว่าความบังเอิญมันมีอยู่จริงกระทั่งวันนี้นี่แหละ เพราะนอกจากจะเจอเมโดยไม่ได้นัดหมายแล้วผมยังเจอใครอีกคนหนึ่งด้วย ซึ่งเธอกำลังซื้อตั๋วหนังอยู่ครับ แค่เพียงไม่นานก็เดินไปนั่งมุมหนึ่งที่มีเพื่อนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ใกล้ได้เวลาแล้วเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
“เธอเข้าไปก่อนเลยเราไปห้องน้ำก่อน” หันไปบอกเจนแล้วแยกตัวออกมาจากตรงนั้นเพื่อจะโทรหาไอ้มิว แต่เดินมาไม่เท่าไหร่ก็ต้องเก็บมือถือครับเพราะไอ้มิวมันเดินมาพอดี
“อ้าว! มึงมากับใคร”
“มากับเจน กูเห็นน้องมึงแวบ ๆ นะ”
“เออ มากับกูนี่แหละแล้วก็เพื่อนเขาคนหนึ่ง พอดีเมื่อกี้กูลืมโทรศัพท์ไว้ในรถก็เลยกลับไปเอา”
“มึงเชื่อเรื่องบังเอิญไหม?”
“เหี้ยไรของมึง รถไฟชนกันหรือไง”
“น่าจะ”
“ฮ่า ๆ สมน้ำหน้า! เนียน ๆ ไว้เพื่อนเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง” มันตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนักก่อนจะกอดคอผมกลับเข้าไปด้านใน
“ไหนพี่บอกว่าไม่ได้นัดใครไว้ไงคะ” ใครคนหนึ่งเอ่ยถามไอ้มิว น่าจะเป็นเพื่อนของเสียงเพลงครับ น่ารักดีแต่ไม่ใช่สเปคผมหรอก ถ้าไอ้มิวน่ะใช่
“ก็ไม่ได้นัดไงไอ้นี่มันมาก่อนแล้ว”
แทบไม่ได้สนใจบทสนทนาของไอ้มิวกับน้องคนนั้นเลยด้วยซ้ำเพราะเอาแต่มองใครอีกคนอยู่ที่ตอนนี้กำลังถ่ายรูปอยู่ครับแถมยังไม่สนใจคนรอบข้างอีกต่างหากจนไอ้มิวต้องสะกิด
“คะ? อ๋อ... สวัสดีค่ะ”
“เรานี่จริง ๆ เลย” ไอ้มิวถึงกับส่ายหน้าให้ครับ
“ซีรีนนี่เพื่อนพี่มิวน่ะ” นอกจากจะยกมือไหว้ผมแล้วเจ้าตัวยังหันไปแนะนำกับเพื่อนด้วยครับ
“สวัสดีค่ะ”
“ครับ”
“ได้เวลาแล้วเราเข้าไปข้างในกันดีกว่าค่ะ” ไม่ทันได้พูดอะไรต่อเสียงเพลงก็เดินนำไปก่อนแล้วครับ และแน่นอนว่าความบังเอิญมันมีอยู่จริง ๆ
“...”
“มึงดูโรงไหน” ไอ้มิวเอ่ยเมื่อเห็นผมหยุดนิ่ง
“โรงนี้แหละ”
“...” มันมองหน้าผมนิ่ง ๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา “ฮ่า ๆ รถไฟมึงคงไม่ได้อยู่ในนี้เหมือนกันหรอกนะ”
“จะเหลือเหรอ”
“ฉิบหาย! กำปั้นจะเหลือแต่ชื่อก็วันนี้แหละ”
“ไร้สาระ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” ตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจแล้วเข้าไปด้านใน นาทีนี้ต้องใช้คำว่าโคตรบังเอิญถึงจะถูก ...
“คนไหนวะ” ไอ้มิวกระซิบถามอีกครั้ง
“ซ้ายมือ เว้นไปหนึ่งที่นั่งข้างเจนอะ”
“น่ารักว่ะ”
แน่นอนว่าหนึ่งที่ว่างตรงนั้นก็คือที่นั่งของผมเอง ให้ตายเถอะไม่เคยรู้สึกอึดอัดเท่าวันนี้มาก่อนเลย
“เคยได้ยินไหม เมียสองต้องห้าม”
“เมียพ่อง!”
“ฮ่า ๆ”
เมียอะไรของมันเพ้อเจ้อ! แค่แฟนยังไม่มีเลยเหอะ แล้วอีกอย่างเราแค่คุยกันเฉย ๆ ครับ
“เขยิบมานั่งนี่” ผมบอกเจนให้ไปนั่งที่ว่างตรงนั้นแทนเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่อึดอัดเพิ่มครับ เพราะถัดไปจากนั้นคือเมล่อนกับเพื่อนของเธอไง ที่นั่งเป็นร้อยแต่ดันจองติดกันซะได้ ส่วนไอ้มิวมันอยู่แถวด้านหน้าผมนั่นแหละ แถมยังตรงกันด้วย
ระหว่างที่หนังฉายไปเรื่อย ๆ ผมสังเกตว่าเมจะคอยมองตลอด ส่วนเจนก็คือเฉย ๆ ไม่ได้แสดงอะไรออกมา เป็นอยู่แบบนี้กระทั่งใกล้จบ
“เราไปห้องน้ำก่อนนะ” ไม่รอให้เจนได้ตอบผมก็ลุกออกมาทันที
ไม่ได้อยากจะเข้าห้องน้ำหรอกแค่อยากออกเฉย ๆ นั่นแหละ พอหาที่นั่งได้ก็หยิบมือถือมาเล่นเพื่อค่าเวลา เมส่งข้อความมาเยอะมากครับ ผมอ่านเฉย ๆ ไม่ได้ตอบอะไร ยังคงเลื่อนฟีดไปมาจนหยุดอยู่ที่โปรไฟล์ใครคนหนึ่งที่เพิ่งเปลี่ยนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่แต่มือมันก็กดถูกใจไปแล้ว ไม่ใช่สิ กดหัวใจต่างหาก
“ไหนว่าจะเข้าห้องน้ำไง?” น้ำเสียงไม่พอใจเอ่ยก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าผม
“จะใส่อารมณ์ทำไม”
“รู้ว่าน่ารักแต่ไม่เห็นต้องทำกันขนาดนี้เลย”
“พูดบ้าอะไรวะ” ผมเองก็เริ่มหงุดหงิดแล้วเหมือนกัน ไม่ชอบเลยผู้หญิงเจ้าอารมณ์แบบนี้
“นายมากับเราอย่างน้อยก็ควรให้เกียรติเราบ้างนะไม่ใช่นัดคนอื่นมาด้วย”
“เรานัดใคร? เราก็มากับเจนไง”
“แล้วอีคนที่นั่งข้าง ๆ ล่ะ เรารู้นะว่ามันเป็นใคร”
“ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่ แล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเธอด้วย!”
“...”
“กฎของความสัมพันธ์คืออะไรเธอเองก็รู้ดีนะ แล้วอีกอย่างเราไม่ได้นัดคนอื่นมา เขามาของเขาเอง เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่” จบประโยคก็เดินหนีทันที นอกจากจะล้ำเส้นแล้วเจนยังก้าวก่ายมากกว่าทุกครั้งอีก ไม่ได้ติดตามเสียงเพลงในโซเชียลแต่กลับรู้ว่าผมกดหัวใจให้น้องทุกโพสต์ ถ้าไม่ตามสืบตามส่องจะรู้ได้ยังไง
หมับ!
“อย่าไปนะ เราขอโทษ”
“อย่าทำแบบนี้อีก!” ผมผละออกแทบจะทันที ดีที่ไม่มีใครเห็น
“ขอโทษ เราจะไม่เป็นแบบนี้อีก”
จากที่คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ต้องคิดใหม่แล้วครับ ใช่แหละมันเห็นแก่ตัว แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อจุดเริ่มต้นทีแรกเราต่างฝ่ายต่างเต็มใจกันเอง
“เราจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของนายอีก”
“ช่างเถอะ! เราจะกลับแล้ว เธอก็กลับได้แล้วนะ”
“อะ อืม”
ผมหันหลังเดินออกมาทันทีครับ ออกจากห้างสรรพสินค้าก็ไปรอไอ้มิวที่สนามแทน รู้สึกเบื่อไปหมด โคตรจะหงุดหงิด
“เป็นอะไรของมึงวะ ทำหน้าเหมือนเบื่อโลกไปได้” ไอ้เคมีเอ่ยเมื่อเห็นหน้าผม “ง้อพี่เอยไม่สำเร็จเหรอ”
“ง้อเหี้ยอะไรของมึง เงียบปากไป! กูกำลังหงุดหงิด”
“ครับผม!” นั่นแหละครับ มันก็ต้องกวนตีนก่อนถึงจะเงียบปาก
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่จนตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว
“พี่ ๆ สวัสดีค่ะ” น้ำเสียงคุ้นหูเอ่ยพร้อมคำทักทายอีกทั้งยังมีของกินมาเยอะแยะเลย “พี่ออกมาตอนไหนเหรอคะหนูไม่เห็นเลย” ประโยคคำถามถูกเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงตรงที่ว่างข้างผม
“ก่อนหนังจบครับ พี่ว่ามันไม่สนุกเท่าไหร่”
“หนูก็...”
“แหม ๆ มีคงมีครับ ไอ้สัสก่อนหน้านี้แทบจะแดกหัวกู พอเจอรอยยิ้มพิฆาตเข้าหน่อยมึงก็หายเป็นปลิดทิ้งเชียวนะ” ไอ้เคมีกระแนะกระแหนขึ้นมาบ้าง
“หุบปากมึงไป”
“ใช่ซิ! กูมันเป็นคนอื่นนี่”
“รู้ตัวก็ดี”
“มึงง้อกูหน่อยก็ได้”
“ไม่อะ”
... : ฮ่า ๆ
“มึงเสือกไปกวนตีนมันผิดเวลานี่” ไอ้มิวเอ่ยก่อนจะยื่นเครื่องดื่มให้ผม “รถไฟชนกันสภาพมันก็เลยเป็นอย่างนี้”
“รถไฟชนกัน... ใครกับใครวะ กูเห็นมีแค่เจนที่วุ่นวายกับมึง” ไอ้จุ้นห่าวแทรกขึ้นมาบ้าง “หรือว่ามึงไปสร้างเรื่องไว้ที่โรงงานแล้ว?”
“จะเหลือเหรอ น่ารักด้วยนะกูเจอแล้ว”
“เฮ้อ! พวกมึงน่าเบื่อฉิบหายเลย” พลางกลอกตาไปมาใส่พวกมันอย่างเหนื่อยใจ “ที่พูดกันมันไม่เป็นความจริงสักนิดเดียว”
“แล้วความจริงคืออะไรเหรอคะ?”
“เสียงเพลง!” ไอ้มิวปรามน้องแทบจะทันทีที่ได้ยินแบบนั้น มันรู้ครับว่าผมไม่ชอบให้ใครล้ำเส้นเรื่องส่วนตัวแม้ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
“ไม่มีอะไร แค่คนคุยกับคนคุยบังเอิญเจอกันเฉย ๆ ครับ”
“แค่คนคุยก็มีสิทธิ์หึงด้วยเหรอคะ?”
“ไม่มี กฎของความสัมพันธ์ใครรู้สึกก่อนคนนั้นเจ็บ”
“...” เด็กขี้สงสัยไม่ตั้งคำถามอะไรออกมาอีก มีแต่เรียวคิ้วที่กำลังขมวดเข้าหากันอยู่ตอนนี้แทน
“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นครับ” ไอ้มิวเอ็ดขึ้นอีกครั้ง แต่คำตอบของเสียงเพลงกลับทำให้ผมต้องคิดใหม่
“ไม่ยุ่งได้ยังไงก็พี่คนนี้ส่งแชทมาหาหนูรัว ๆ เลย” เธอฟ้องผมก่อนจะเปิดแชทของเมล่อนให้ผมดู “แฟนพี่หรือเปล่าคะ?”
“พี่ยังโสด” ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะหยิบมือถือของเธอมาดูอย่างถือวิสาสะ
ข้อความที่เมส่งมาแสดงความเป็นเจ้าของกับผมมาก แถมยังแคปข้อความที่เราคุยกันส่งให้เสียงเพลงอีกด้วย แต่น้องไม่ได้ตอบอะไร นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเจนที่เพิ่งกดติดตามแล้วกดไลก์ทุกโพสต์ของน้องอีกต่างหาก
“เดี๋ยวนะ กูไม่อะไรหรอก กูอยากรู้แค่ว่าทำไมบรรดาคนคุยของมึงถึงมายุ่งวุ่นวายกับน้องกู?”
“...”
“ไอ้ปั้น!”
“กูกดหัวใจให้น้องมึงมั้ง”