ตอนที่2ตะวัน (1)

1414 คำ
สายลมยามค่ำคืนพัดโชยเข้ามาบนตึกสูงใจกลางกรุงที่ถูกเปิดโรงแรมไว้บังหน้าแต่เบื้องหลังคือสถานบันเทิง บ่อนกาสิโนและสิ่งที่พร้อมจะพรากเงินออกจากกระเป๋าของบรรดานักเที่ยวและนักลงทุนที่นำเงินจำนวนมหาศาลมาทิ้งไว้ที่นี่ “เป็นยังไงบ้าง ได้เรื่องหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามขึ้นเมื่อได้ยินฝีเท้าเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหลัง “นี่ครับ” ธนา ลูกน้องคนสนิทส่งรูปถ่ายใบหนึ่งให้ก่อนจะกล่าวรายงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย “เธอชื่อพะแพง ภคมน ครับ ทำงานอยู่ที่ร้านอาหาร วันนั้นคนส่งไม่สบายเธอเลยขับรถไปแทน” “อืม” ดวงตาคมกริบจ้องมองรูปถ่ายในมือ น่าแปลก...เพียงวินาทีแรกที่ได้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มของอีกฝ่ายผ่านรูปถ่ายในมือ หัวใจที่แข็งกระด้างของเขากลับกระตุกวูบพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ ที่ฉาบขึ้นบนใบหน้าแบบไม่รู้ตัว “น่ารักดีเหมือนกันนะ” “ครับ เธอยังเด็กอยู่เลย อายุน่าจะยี่สิบต้น ๆ” “ถ้าฉันกำจัดเธอ โลกใบนี้คงขาดสิ่งสวยงามไปหนึ่งอย่างเลยนะ นายว่าไหม” เขาละสายตาจากรูปถ่ายเพื่อเอ่ยถามธนา “เอ่อ...คุณเฟยจะกล้าขัดคำสั่งคุณอัลโดเหรอครับ” “ฉันว่าฉันมีวิธีจัดการที่ดีกว่านั้น แทนที่จะกำจัด ทำไมเราไม่เอาสิ่งสวยงามนี้มาเชยชมเสียเองล่ะ” เฟลิกซ์กระตุกยิ้มมุมปากอย่างพอใจก่อนจะเก็บรูปถ่ายไว้ในกระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ เขาจ้องมองวิวทิวทัศน์เมืองหลวงยามค่ำคืนอยู่บนดาดฟ้าด้วยสีหน้าที่เหมือนกำลังซ่อนบางอย่างไว้ ริมฝีปากบางพ่นควันบุหรี่พวยพุ่งก่อนจะล่องลอยหายไปในสายลมจนกระทั่งลูกน้องอีกคนขึ้นมาหยุดยืนอยู่เบื้องหลัง “นายใหญ่มาครับ รอพบอยู่ที่ห้องทำงาน” “อืม เดี๋ยวฉันลงไป” เฟลิกซ์ตอบรับแล้วจึงทิ้งบุหรี่ลงบนพื้นใช้เท้าเหยียบจนไฟมอดดับลง แล้วจึงกลับลงไปที่ห้องทำงานของตัวเอง “ไง หายหน้าไปเลยนะแก” อัลโด ชายวัยกลางคนสัญชาติอิตาลีผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในทุก ๆ ขั้นของเขากล่าวทักในขณะที่อีกฝ่ายเข้ามาทรุดกายนั่งลงตรงข้าม “พ่อมาหาผมถึงนี่ มีธุระอะไรเหรอครับ” “ฉันได้ข่าวว่าไอ้สิงห์มันตามราวีแก ทำไมไม่บอกฉัน” อัลโดเอ่ยถามทำให้เฟลิกซ์หันไปมองหน้าธนาโดยอัตโนมัติ “ถึงหูพ่อจนได้สินะ” “ผมขอโทษครับ ผมกลัวว่าคุณเฟยจะตกอยู่ในอันตราย” อีกฝ่ายก้มหน้ายอมรับผิด เป็นความหวังดีที่เขาเองก็โกรธไม่ลง “ผมไม่อยากให้พ่อลำบากใจน่ะครับ ถึงยังไงไอ้สิงห์มันก็เป็นลูกอีกคน” “ก็เพราะว่าเป็นลูกไง ฉันถึงไม่อยากให้แกสองคนกัดกันเหมือนหมาแบบนี้” อัลโดกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ถึงจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่แกสองคนก็ถือว่าเป็นลูกฉัน เมื่อไหร่ไอ้สิงห์มันจะเข้าใจสักที” “พ่อรับมันมาก่อนแต่มาตั้งผมเป็นหัวหน้า มันก็คงจะไม่พอใจ” เฟลิกซ์ให้เหตุผล อันที่จริงเขากับสิงหาต่างก็เป็นเด็กกำพร้า เขามาจากฮ่องกงแต่เดาจากหน้าตาน่าจะมีเชื้อสายยุโรปมาด้วย ส่วนสิงหาเป็นคนไทย ถูกเจ้าพ่อมาเฟียใหญ่อย่างอัลโดชุบเลี้ยงและผลักดันทั้งคู่จนได้ดิบได้ดีจนถึงทุกวันนี้ “คนไม่เอาไหนอย่างมันจะให้ฉันฝากอะไรไว้ได้ล่ะ” อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ขนาดมอบหมายงานให้รับผิดชอบแล้วแต่เหมือนสิงหาเองก็ยังไม่พอใจ เพราะเขาได้แค่สถานบันเทิงยิบย่อยส่วนเฟลิกซ์ได้ทั้งธุรกิจบังหน้าและธุรกิจสีเทาอีกมากมายเบื้องหลัง “มันกล้าข้ามเขตมาแบบนี้ดูท่าคงจะไม่ยอมรามือง่ายๆ ช่วงนี้แกต้องระวังตัวเป็นพิเศษหน่อย เพราะถ้ามันมีหลักฐานเปิดโปงว่าแกทำธุรกิจสีเทาล่ะก็ ภาพลักษณ์นักบุญของแกไม่เหลือแน่” “ครับพ่อ ผมจะทำทุกอย่างให้เงียบที่สุด” “ไม่ต้องหรอก ระหว่างนี้ฉันจะช่วยดูงานเบื้องหลังให้แกเอง แกก็จัดการงานเบื้องหน้าไปสักพักก็แล้วกัน รอให้ฉันจัดการไอ้ลูกเวรนั่นได้ค่อยว่ากันอีกที” “ครับ” เจ้าของร่างสูงใหญ่รับปากด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนที่อัลโดจะเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ จัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง” “ผมให้ธนาตามหาตัวอยู่ครับ” เฟลิกซ์ตอบด้วยสีหน้าเกรง ๆ ถึงตอนนี้ตำแหน่งของเขาจะอยู่สูงสุดแต่เขาก็ยังรู้สึกเกรงใจอัลโดอยู่ดี “ผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว ยังไม่เจอตัวอีกเหรอ” “เจอแล้วครับ...” เป็นอีกครั้งที่เขายังคงก้มหน้าไม่กล้าสบตาอัลโด “งั้นก็แสดงว่าจัดการเรียบร้อยแล้วสิ” “เอ่อ...ยังหรอกครับ” เฟลิกซ์เอ่ยเสียงแผ่วเบาด้วยความยำเกรง “กะอีแค่ผู้หญิงคนเดียวทำไมไม่รีบปิดปากซะ ถ้ามันปากโป้งเปิดโปงแกขึ้นมาเราจะซวยกันหมด ถึงจะไม่มีหลักฐาน แต่ถ้ามีมูลขึ้นมาคนก็จะยิ่งจับตามอง ขยับตัวทำอะไรก็ไม่ได้ และที่สำคัญมันก็เข้าทางไอ้สิงห์ด้วย” “ครับพ่อ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดครับ” ชายหนุ่มรับปากแต่โดยดี เขาโค้งกายให้อีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนที่อัลโดจะออกจากห้องไป ถึงตอนนั้นธนาจึงเอ่ยถามถึงงานที่ได้รับมอบหมายอีกครั้ง “เอายังไงดีครับคุณเฟย จับคนในบ้านไว้เป็นตัวประกันดีไหมครับ” “ไม่ต้อง” เฟลิกซ์รีบปฏิเสธ “ทำอย่างนั้นชาวบ้านจะยิ่งตื่นตูม นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าบ้านนั่นคนรู้จักกันทั้งซอย” “แล้วจะเอายังไงต่อล่ะครับ ปล่อยตัวไปนานขนาดนี้เกิดปากโป้งขึ้นมา คุณเฟยจะลำบากเอานะครับ” “พ่อคงลืมคิดไปว่าคนของทางการเป็นของเราเกือบครึ่ง มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก” ชายหนุ่มทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานอย่างใจเย็น ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นจับบาดแผลตรงไหล่ที่เริ่มจะหายดีแล้วหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นอีกครั้ง “ตามจับตัวมาเงียบๆ เหมือนเดิมนั่นแหละ แล้วอย่าทำอันตรายเธอเด็ดขาด จับเป็นมาเท่านั้น อย่างน้อย...ผู้หญิงคนนั้นก็ได้ชื่อว่าช่วยชีวิตฉันไว้” “จับตัวมาแล้วคุณเฟยจะทำยังไงกับเธอต่อครับ ยิ่งเธอรู้เรื่องของเรามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งอันตรายนะครับ” คนเป็นลูกน้องกล่าวเตือนด้วยความหวังดีเพราะเฟลิกซ์ไม่เคยไว้ชีวิตใครแบบนี้มาก่อน “ฉันมีวิธีของฉันก็แล้วกัน” ครืด... พูดจบ สายเรียกเข้าจากมังกร ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกับอดีตคนรักเก่าอย่างเกวลินที่ตายจากไปก็ดังขึ้นมา ทำให้เขาต้องโบกมือไล่ธนาออกไปเพื่อจะรับสาย “ว่าไงครับ” (ป๊ะป๋าอยู่ที่ไหนครับ ดึกแล้วทำไมยังไม่กลับ มังกรไม่อยากอยู่คนเดียว) เสียงออดอ้อนจากปลายสายทำให้เขาต้องปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง “ป๊าติดงานอยู่ครับ” (ทำงานอีกแล้ว ทำไมพวกผู้ใหญ่ชอบทำงานดึก ๆ ดื่น ๆ ตลอดเลย) มังกร ลูกชายวัยห้าขวบตัดพ้อ “ป๊าทำงาน จะได้มีเงินเยอะ ๆ เอาไว้ซื้อของเล่นให้มังกรไง” (มังกรไม่อยากได้ของเล่นครับ มังกรอยากได้แม่) คำขอของลูกชายทำให้อีกฝ่ายถึงกับพูดไม่ออก “ก็มังกรมีแม่ลินแล้วไงครับ” (แม่ลินตายแล้ว มังกรเลยเก็บแม่ลินไว้ในใจ แต่มังกรอยากได้แม่ที่กอดมังกร พามังกรเข้านอนได้ต่างหากเพราะป๊ะป๋าไม่ว่าง) “โอเคครับ งั้นเดี๋ยวพ่อจะกลับไปพามังกรเข้านอนเดี๋ยวนี้เลยครับ” เฟลิกซ์จำเป็นต้องรับปากเพราะฟังดูแล้วมันคงง่ายกว่าการหาแม่ใหม่ให้ลูกชายกว่าหลายเท่า (มันต้องอย่างนี้สิ มังกรจะรอนะครับ) ปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสอย่างมีความหวังขึ้นมาทันทีก่อนจะวางสายไป ทำให้ชายหนุ่มหยิบรูปถ่ายของภคมนขึ้นมาดูอีกครั้ง ยิ่งได้ยินความต้องการของลูกชายแบบนี้ เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้แหละที่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้นมากที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม