ตอนที่ 4 อดีตหวานปนขม

1887 คำ
“ทะเล” ฉันเดินตามนิดาลงมาจากรถ ทันทีที่เท้าสัมผัสกับผืนทรายยายนิดาก็วิ่งนำคนอื่นด้วยความตื่นเต้น “ยายนิดาเดินดี ๆ เดี๋ยวล้ม” ฉันเดินตามบ่นยายนิดาที่วิ่งเล่นเหมือนเด็กน้อย ในมือประคองหมวกกันแดดบนศีรษะหวั่นจะปลิวไปตามสายลมที่พัดพลิ้ว “มาทาครีมกันแดดด้วย” “ฉันไม่ชอบอะมันเหนียว” “ทา ๆ ไปเถอะ ผิวไหม้ขึ้นมาอย่ามาบ่นนะ” ฉันบีบครีมกันแดดใส่มือก่อนจะเดินตามทาบนผิวแขนของเพื่อนสนิท ให้ตายเถอะขนาดมีแฟนแล้วยังต้องมาให้ฉันตามดูแลอีก “พวกเราไปถ่ายรูปตรงนั้นกันไหม” วิชี้ไปทางโขดหินก้อนใหญ่ก่อนพวกเราจะเดินย่ำหาดทรายเพื่อไปถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน ฉันเดินเล่นไปตามหาดทรายขาวพลางทอดมองดูพระอาทิตย์ตกที่กำลังจะลาลับของฟ้า สีส้มจากแสงอาทิตย์ส่องกระทบบนผืนน้ำ ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความหวั่นวิตก ประจำเดือนของฉันไม่มาหลายเดือนแล้วตั้งแต่คืนนั้น แถมฉันยังมีอาการเวียนหัวคลื่นไส้อยู่บ่อย ๆ พอไปถามเภสัชกรที่ร้านขายยาใกล้ ๆ นี้ เขาก็บอกให้ลองตรวจครรภ์เพื่อความแน่ใจเพราะมีโอกาสที่อาจจะติดได้ ฉันเป็นกังวลมากแถมไม่กล้าหันหน้าไปปรึกษาใครด้วยซ้ำ “อึก” ฉันหยุดชะงักกึกเมื่อเดินอยู่ดี ๆ โลกตรงหน้าก็หมุนโคลงเคลงไปมาเสียจนฉันเซ ถุงยาที่ฉันถือมาล่วงลงบนพื้น ร่างกายฉันเบาหวิวราวกับจะล่องลอยจนเรียวขาอ่อนแรงทรุดลงบนพื้นดีที่มีคนมารับไว้ได้ทัน “เป็นอะไรไหมครับ” เสียงทุ้มดังอยู่ข้างหลังฉันพยักหน้าแล้วทรงตัวให้ยืนตรง “ขอบคุณนะคะ” ฉันยกมือขึ้นนวดขมับเบา ๆ ก่อนจะหันไปขอบคุณคนที่เข้ามาช่วยเอาไว้ “พี่มิล” หนุ่มรุ่นพี่ก้มลงเก็บถุงยาที่ล่วงลงบนพื้นก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นว่ามีกล่องหนึ่งโผล่ออกมาจากถุง พี่มิลขมวดคิ้วมุ่ยฉันเลยรีบเข้าไปคว้าของของฉันคืน “ขอบคุณนะคะฉันขอตัวก่อน” “นั่นมันอะไร” พี่มิลถามตามหลังพร้อมกับเดินมาข้างฉัน ฉันรีบหยุดฝีเท้าลงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าอึดใจหนึ่งด้วยความอึดอัด “ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่มิล มันก็แค่ของใช้ผู้หญิงอะ” ฉันตอบกลับไปโดยที่ไม่กล้าสบสายตาของร่างสูงที่จ้องมองมาอย่างคาดคั้น “แต่นั่นมันที่ตรวจครรภ์ไม่ใช่เหรอ” รุ่นพี่หนุ่มยังคงเค้นเอาคำตอบ “มีคนเขาฝากซื้ออะค่ะ เดี๋ยวหนูจะเอาไปให้เขาแล้ว” ฉันก้าวเดินออกไปหวังจะเดินจากหาดทรายขึ้นไปบนถนน “เพื่อนเธอเหรอ หรือธิดา” แต่ร่างสูงเอาตัวมาขวางเอาไว้เสียก่อน “ไม่ใช่ค่ะ แค่คนแถวนี้อะ พี่เลิกเซ้าซี้ฉันสักทีเถอะ” ฉันขึ้นเสียงใส่หนุ่มรุ่นพี่ก่อนจะเดินเบี่ยงออกไปไม่เว้นจังหวะให้ชายหนุ่มได้เดินตาม ฉันแอบชำเลืองกลับมามองพี่มิลที่ยังยืนถอนหายใจอยู่หาดทรายก็โล่งใจที่พี่เขาไม่ได้ตามมา ฉันเลยรีบสับเท้าเดินออกไปทันที ในตอนเย็นพวกเรานั่งกินเลี้ยงกันอย่างอิ่มหนำสำราญ ฉันแอบชำเลืองมองพี่มิลบ้างบางครั้ง ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงได้ชอบแอบมองพี่เขาอยู่เรื่อย หลังจากที่ทานอะไรเสร็จเรียบร้อยบางคนก็แยกย้ายกันไปเดินเล่น บางคนก็แยกย้ายกันเข้านอน ส่วนฉันกับวิก็ขอตัวกลับมาที่ห้องนอนก่อน “แกนอนหรือยัง” ฉันเอ่ยถามวิที่นอนอยู่ข้างกัน ไร้เสียงตอบรับจากคนที่นอนอยู่ฉันเลยค่อย ๆ ย่องออกจากเตียงเบา ๆ เพื่อเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วล็อกประตูก่อนจะทำใจอยู่สักพักแล้วหยิบที่ตรวจครรภ์ออกมา ฉันยืนอ่านคู่มือวนเป็นสิบ ๆ รอบเพื่อให้แน่ใจ มือไม้ฉันมันสั่นเทาไปหมด เคยได้ยินมาว่าปัสสาวะในตอนเช้าจะแม่นยำที่สุด นี่ก็เที่ยงคืนแล้ว นับเป็นวันใหม่ได้หรือยังนะ แต่ช่างมันเถอะตรวจให้มันรู้ ๆ ไปเลย ฉันหวาดวิตกมาเป็นสัปดาห์ แล้ว ถ้าเกิดท้องขึ้นมาจะได้คิดว่าจะทำยังไงต่อ ฉันยืนทำใจอยู่สักพักกว่าจะกล้าตรวจได้ แต่พอตรวจแล้วก็ไม่กล้าดูซะนี่ มือเรียวกำหมัดแน่นก่อนจะเคาะบนอ่างล้างหน้าเบา ๆ ด้วยความประหม่า ผลตรวจก็อยู่ในมือแล้วเหลือแค่ดูเท่านั้นแหละ ฉันปิดเปลือกตาก่อนจะชูเครื่องตรวจขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา หัวใจฉันเต้นตุบ ๆ เหมือนจะทะลุออกมาจากอก ฉันค่อย ๆ ทำใจอย่างช้า ๆ แล้วหรี่ดวงตาขึ้นมาดู สองขีด... ฆ่าฉันให้ตายเลยดีกว่า... “ฮือ ๆ ๆ” ฉันกลั้นเสียงสะอื้นไห้ของตัวเองก่อนจะเดินออกมา จากรีสอร์ตเข้าไปแอบอยู่ในมุมมืดแล้วปล่อยเสียงสะอื้นไห้ออกมาอย่างหนัก ในมือกำผลตรวจแน่นอย่างไม่อาจเชื่อสายตา สองขีด สองขีดจริง ๆ ฉันร่ำไห้ออกมาด้วยความสิ้นหวัง จบแล้ว ชีวิตของฉันจบเห่แน่ ฉันต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวตั้งแต่อายุสิบเก้าเนี่ยนะ เสียงฝีเท้าดังอยู่ใกล้ ๆ ฉันรีบยกมือขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นไห้ของตัวเอง “มน” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อฉัน ฉันรีบเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยดวงตาที่อาบไปด้วยคราบน้ำตา “พี่มิล” ฉันสะอึกก้อนสะอื้นของตัวเองด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นว่าพ่อของลูกในท้องฉันยืนหัวโด่อยู่ตรงหน้า พี่เขามองมาที่ฉันด้วยความตกใจ คงจะอึ้งที่เห็นฉันร้องไห้แถมยังมาแอบร้องไห้อยู่คนเดียวอีกต่างหาก “พี่มิลออกไปก่อนได้ไหมคะ ฉันอยากอยู่คนเดียว” “เกิดอะไรขึ้นอะ” พี่มิลย่อตัวลงมานั่งข้าง ๆ ฉันที่นั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นปูน ฉันรีบขยับตัวหนีแต่ก็พลาดท่า พี่มิลรีบคว้าที่ตรวจครรภ์ในมือของฉันไปแล้วก้มมองมันด้วยความตกตะลึง “พี่มิลเอาคืนมาค่ะ” เนื้อตัวฉันชาวาบไปหมดเมื่อเห็นว่าหนุ่มรุ่นพี่ตัวแข็งทื่อก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมามองฉันด้วยแววตาที่สั่นไหว เขาก็คงจะไม่รับผิดชอบ หรือไม่ก็เอาเงินฝาดหัวไปทำแท้งแน่ ๆ “เพราะคืนนั้นใช่ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงสั่นก่อนจะก้มลงมองที่ตำแหน่งท้องของฉัน “เธอท้องจริง ๆ เหรอ” “พี่มิลไม่ต้องทำอะไรหรอกค่ะ ฉันจะไปเอาเด็กออก” ฉันรีบลุกขึ้นยืนหวังจะเดินหนีออกไปสงบสติอารมณ์ก่อนเพราะในตอนนี้ฉันแทบจะสติแตกอยู่แล้ว “เดี๋ยวมน เดี๋ยว” หนุ่มรุ่นพี่รีบคว้าแขนฉันไว้ “เธอใจเย็น ๆ ก่อนนะ มันต้องมีวิธีที่ดีกว่าทำแท้งสิ” “แล้วพี่จะให้ทำยังไง ฉันจะยังเรียนไม่จบเลยนะ ฉันจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงลูกอะ แล้วพี่คิดว่าเราสองคนพร้อมจะเป็นพ่อแม่คนแล้วหรือไง” ฉันสลัดแขนออกจากการเกาะกุมของหนุ่มรุ่นพี่ พี่มิลดูมีท่าทีหวาดวิตกไม่ต่างกัน ใบหน้าหล่อเหลาชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ฉันไม่อยากให้ลูกเกิดมาอยู่ในที่ครอบครัวที่แตกแยกเหมือนฉัน “พี่เลี้ยงเอง พี่เรียนจบแล้วเดี๋ยวพี่ทำงานเลี้ยงลูกให้เองนะ เธออย่าเอาลูกออกเลยนะ” ฉันเงยหน้ามองชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ พี่เขาเข้ามากุมมือของฉันไว้พลางพูดร้องขออย่างไม่น่าเชื่อ “แล้วอนาคตฉันล่ะพี่ ใครจะมารับผิดชอบอนาคตฉัน” พี่มิลก้มหน้าลงเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ไหล่กว้างของชายหนุ่มสั่นเทา น้ำตาหยดใสไหลออกมาจากดวงตาของหนุ่มรุ่นพี่ พี่มิลตัดสินใจคุกเข่าลงต่อหน้าฉันจนฉันยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกตะลึง “พี่จะดูแลลูก จะดูแลเธอเอง คืนนั้นมันเป็นความผิดของพี่เองที่พี่ไม่ได้ป้องกัน” “คืนนั้นพวกเราก็เมากันทั้งคู่อะ” “พี่จะตั้งใจทำงานแล้วดูแลลูก ให้เธอได้กลับไปเรียนให้จบ พี่จะเป็นพ่อที่ดี พี่จะไม่ทำให้อนาคตของเธอพัง พี่จะรับผิดชอบทุก ๆ อย่างเองนะมน เธออย่าเอาลูกออกเลยนะพี่ขอร้อง” พี่มิลเอ่ยคำขอร้องทั้งน้ำตา ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองฉันด้วยแววตาที่เว้าวอน จนฉันอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาอีกรอบ “ฉันจะเชื่อใจพี่ได้ยังไง ใคร ๆ ก็รู้ว่าพี่มันเป็นเสือผู้หญิงอะ” “เธอจะให้พี่พิสูจน์ยังไงก็ได้ แต่เธอเก็บลูกไว้เถอะนะ” ฉันยกมือขึ้นปิดปากเพื่อกั้นเสียงร้องไห้ที่ดังระงม ฉันยกมือขึ้นจิกเสื้อตรงหน้าอกเพราะข้างในมันรัดแน่นไปหมดจนฉันแทบจะขาดใจ พี่มิลลุกขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าฉันก่อนที่จะเอื้อมมือมาแตะลงบนศีรษะฉันอย่างช้า ๆ “ให้โอกาสพี่นะ พี่ทำงานผ่านโปรของคุณพ่อเมื่อไหร่ พี่จะรับผิดชอบเรื่องเธอทันที” ฉันเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มอีกครั้ง ไม่รู้ทำไมในใจฉันมันถึงได้อ่อนยวบเสียจนยอมพยักหน้ารับคำของหนุ่มรุ่นพี่ พี่มิลดึงตัวฉันเข้าไปสวมกอด ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงความอบอุ่นประหลาดทำให้เนื้อตัวสั่นเทาของฉันมันสงบลงอย่างเหลือเชื่อ “ไม่ต้องร้องนะ มันไม่ดีต่อลูก” มือหนาลูบแผ่นหลังของฉันอย่างอ่อนโยน “พี่อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใครได้ไหมคะ ฉันยังไม่พร้อมจะบอกใคร” ฉันผละกอดออกมาจากหนุ่มรุ่นพี่ ข้างในฉันมันเต้นรัวซะจนฉันรู้สึกประหม่า “อื้อ เธอพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกพี่แล้วกันนะ” พี่มิลก้มหน้าลงมาก่อนจะลูบที่หน้าท้องฉันเบา ๆ “อยู่กับแม่อย่าดื้อนะลูก” “พี่มิลคะ ลูกยังไม่ได้ยินหรอกค่ะ” ฉันหลุดหัวเราะออกมาจากการกระทำของชายหนุ่ม “พี่อยากคุยกับลูกไว ๆ นี่” พี่มิลกลับมายืนตัวตรงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฉัน ใบหน้าหล่อเผยรอยยิ้มอย่างอบอุ่นแบบที่ฉันไม่เคยเห็น มาก่อนแล้วเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ฉัน “พี่มิลอยากมีลูกเหรอคะ” ฉันตัดสินใจเอ่ยถามไป “อื้อ พี่ตั้งใจไว้ว่าถ้าพี่มีลูกพี่จะตั้งใจเลี้ยงลูกให้ดี... ลูกพี่จะได้ไม่เป็นเหมือนพี่” ดวงตาคมฉายแววประหม่าออกมาก่อนจะหันไปมองทางอื่น ฉันว่าฉันน่าจะเข้าใจความรู้สึกนั้นดีเลยล่ะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม