ใช้เวลาไม่นานเราสองคนก็มาถึงคอนโด พอรถจอดปุ๊บฉันก็เดินลงจากรถโดยไม่รอเค้า แต่เค้าก็ตามมาทันนั่นแหละ
“รีณไปไหนมา พี่เดินตามหาทั่วผับไม่เห็น” พอเข้ามาในห้องได้พี่นำทับก็ยิงคำถามใส่ฉันทันที
“หาทำไม” ฉันถามกลับไปนิ่งๆ
“ก็เรากำลังโกรธพี่อยู่ พี่ก็อยากคุยกับเรา อีกอย่างพี่เป็นห่วงรีณด้วย”
“หรอ” ฉันตอบกลับไปแล้วเดินไปนั่งโซฟา
“โอเค พี่รู้ว่าพี่ผิดที่ทำแบบนั้น พี่ขอโทษ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอีก” ไม่ทำอีก แต่ทำมาแล้วเป็นเดือนงั้นหรอ
“ทำมานานแค่ไหนแล้ว” ฉันถามออกไปแต่ไม่ได้มองหน้า ฉันอยากได้คำตอบจากปากเค้า
“พี่พึ่งทำวันนี้ครับ พี่ยอมรับว่าพี่ผิด แต่พี่เป็นผู้ชายพอมีผู้หญิงเซ็กซี่มาให้ท่าพี่ก็เลยลืมคิดถึงสิ่งที่จะเกิดตามหลัง” คำอธิบายเห็นแก่ตัวของผู้ชายมักมาก แต่ฉันไม่ได้สนใจคำแก้ตัวของเค้าหรอกนะ
“ให้ตอบอีกทีว่าทำมานานแค่ไหนแล้ว” ฉันย้ำถามไปอีกครั้ง
“พี่บอกไปแล้วไง รีณจะถามอีกทำไม พี่รู้ว่าพี่ผิดแต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาคาดคั้นกับคำถามเดิมๆแบบนี้ก็ได้ไหม” พี่นำทับตอบกลับมาด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะโมโหขึ้น
“แล้วจะไม่ให้รีณคาดคั้นได้ยังไง ในเมื่อคำตอบของพี่มันตอแหลอ่ะ!” ฉันหันไปตะคอกใส่อย่างอดไม่ได้ ตัวเองผิดแล้วยังจะมาทำแบบนี้อีก
“แล้วพี่ตอแหลอะไรกับรีณล่ะ พี่ก็ตอบทุกอย่างที่รีณอยากรู้แล้วไง!” เพี๊ยะ ไม่ได้อยากตบเลยจริงๆ แต่นี่มันตอแหลเกินไป แล้วยังมีหน้ามาตะคอกใส่ฉันอีก
“พึ่งทำวันนี้แล้วหมาตัวไหนมันพาอีนั่นเดินขึ้นห้องเกือบทุกวันที่ไปผับเป็นเดือนๆห๊ะ!” ฉันถามออกไปทั้งน้ำตาที่ห้ามไม่อยู่
“รีณ...” พี่นำทับเรียกฉันออกมาเสียงเบา คงคิดว่าฉันโง่สินะถึงจะหลอกซ้ำๆอ่ะ
“ทำผิดแล้วยอมรับผิดมันยังพอทำใจให้อภัยได้นะ แต่ทำผิดแล้วตอแหลให้ตัวเองรอดจากความผิดมันยากที่จะให้อภัยจริงๆ”
“รีณ พี่ขอโทษ” พอถูกจับได้แบบนี้ใจเย็นลงได้หรอ พูดดีได้หรอ
“รีณให้ไม่พอใช่ไหม ถึงต้องออกไปหาเอาข้างนอกอีก”
“ไม่รีณ รีณไม่ได้ให้พี่ไม่พอ พี่ขอโทษนะที่ทำผิดกับรีณ พี่ขอโอกาสสักครั้งนะครับ”
“รีณว่าเราลองห่างกันดูไหมคะ เผื่อเราจะได้รู้ใจตัวเอง” สามปีที่คบกันมันไม่ได้นานพอที่จะให้เราได้รู้จักตัวตนของอีกฝ่ายได้ดีเลยจริงๆ
“ไม่รีณพี่ไม่ยอม”
“ไม่ยอม? ไม่ยอมแล้วก็คอยแอบไปเอากับคนอื่นหรอ”
“ไม่รีณ พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ทำอีก รีณให้โอกาสพี่สักครั้งนะ นะครับ”
“รีณจะเชื่ออะไรพี่นำทับได้ ในเมื่อวันนี้พี่ยังหลอกรีณได้ ถ้ารีณไม่ได้รู้ความจริง รีณก็คงเชื่อว่าพี่พึ่งทำผิดกับรีณวันนี้จริงๆ พี่ก็คงหลอกรีณได้”
“พี่ไม่ได้อยากหลอกรีณเลยนะ แต่พี่แค่ไม่กล้าบอก”
“ไม่คิดจะหลอกแต่ไม่บอกความจริงเพราะคิดว่ารีณไม่รู้ นี่ไม่เรียกหลอกหรอคะ” จะพูดยังไงมันก็คือแก้ตัวอยู่ดีอ่ะ ไม่มีเหตุผลที่ฟังขึ้นเลยสักอัน
“แล้วรีณจะให้พี่ทำยังไง พี่ทำผิดไปแล้ว และพี่ก็ขอโทษแล้วไง”
“พูดง่ายนะคะ ถ้าความผิดครั้งนี้เป็นรีณที่ทำล่ะ ถ้าเกิดรีณไปนอนเอากับผู้ชายคนอื่นแล้วพี่เข้าไปเห็นแบบที่รีณเห็นล่ะ!”
“ไม่มีทาง! ถ้ารีณกล้าทำแบบนั้นพี่เอาทั้งมันทั้งรีณตายแน่” พี่นำทับพูดออกมาด้วยเสียงดุดันทันที
“แล้วทำไมพี่มีสิทธิ์มาทำกับรีณ แล้วทีตอนนี้ที่พี่ทำผิดทำไมพี่ถึงได้พูดเหมือนให้รีณทำใจยอมรับมันง่ายๆอย่างนั้นล่ะ”
“พี่ไม่ได้บอกให้รีณทำใจยอมรับ พี่ก็ยอมรับผิดไปแล้ว พี่แค่อยากให้รีณให้โอกาสพี่สักครั้งแค่นั้นเอง”
“แต่มันไม่ง่ายเลยนะคะที่รู้ว่าแฟนเราหลอกเราไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่นเป็นเดือนๆ แล้วแถมยังเห็นคาตาด้วยอ่ะ”
“พี่รู้ว่ามันไม่ง่าย พี่ก็ไม่ได้ให้รีณยอมรับให้ได้ตอนนี้ แต่พี่อยากให้รีณให้โอกาสพี่ ที่ผ่านมาพี่ก็ไม่เคยทำผิดกับรีณเลยสักครั้ง พี่ปรับตัวเองให้ดีเพื่อรีณทุกอย่าง เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่พี่ทำผิด รีณจะให้โอกาสพี่ไม่ได้หรอ ทำไมต้องห่างกันด้วยล่ะ”
“ก็รีณเห็นพี่โกหกรีณออกไปเอากับมันตั้งเป็นเดือนๆนี่ รีณก็คิดว่าถ้าเราห่างกันพี่อาจจะไม่ต้องหลอกรีณอีกต่อไป พี่อาจจะมีอิสระในการทำนั่นทำนี่ได้ตามใจที่พี่ต้องการทุกอย่าง”
“พี่ไม่ได้ต้องการอิสระแล้วขาดรีณ ถ้าพี่ต้องการขาดอิสระแต่ต้องแลกกับการมีรีณพี่ก็ยอม”
“แล้วทุกวันนี้ที่พี่มีรีณพี่มีอิสระไหมคะ” ฉันไม่รู้ว่าที่พี่นำทับพูดเมื่อกี้เค้าต้องการจะสื่อว่าอยู่กับฉันแล้วไม่มีอิสระหรือแค่อยากเปรียบเทียบให้ฟังเฉยๆกันแน่
“มีครับ แต่มันก็อาจจะน้อยไปบ้าง” พี่นำทับตอบกลับมาเสียงปกติแต่เบาในประโยคหลัง แต่ก็ไม่ได้เบาจนไม่ได้ยินหรอกนะ ซึ่งมันทำให้ฉันรู้ทันทีว่าเค้าคิดยังไง
“น้อยหรอคะ ทุกวันนี้พี่ไปทำงานรีณไปเรียน ตอนเย็นกลับมาอยู่ด้วยกัน พี่ออกไปข้างนอกก็พารีณไปบ้าง ให้รีณอยู่ห้องบ้างรีณก็ไม่ได้ว่าอะไร แบบนี้เรียกว่าน้อยหรอคะ แล้วต้องให้รีณทำยังไงถึงจะพอต้องให้กลางวันแยกกันทำหน้าที่แล้ว ตอนกลางคืนก็แยกกันนอนด้วยไหมคะ ถึงจะไม่มากไปสำหรับพี่”
“มันไม่ใช่รีณ...”
“แล้วที่รีณบอกให้ห่างก็ดีแล้วไม่ใช่หรอคะ เพราะเวลาที่ห่างกันรีณก็คงไม่มาวุ่นวายเวลาของพี่ อิสระของพี่มันก็คงไม่น้อยไปแล้วไงคะ” ฉันพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอีกครั้ง ฉันไม่คิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้พี่นำทับจะมองว่าเค้าไม่ได้รับอิสระจากฉัน เพราะเราสองคนก็แยกกันทำหน้าที่ของตัวเองฉันไม่ได้ไปก้าวก่ายเวลางานของเค้าเลย แล้วห้องก็อยู่ด้วยกันถ้ากลับมาไม่เจอกันมันก็ไม่ใช่ไหม แล้วแบบนี้ฉันไปริดรอนอิสระของเค้าตอนไหนกัน
“โอเครีณ พี่ขอโทษ พี่พูดไม่คิดเอง พี่ขอโทษ” พี่นำทับดึงฉันเข้าไปกอดแล้วพูดออกมา แต่พูดตอนนี้มันจะไปมีประโยชน์อะไรในเมื่อเค้าพูดสิ่งที่เค้าคิดออกมาแล้ว
“พอเถอะค่ะ ตอนนี้รีณรู้แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรามันก็เพราะพี่ได้รับอิสระจากรีณน้อยไป งั้นรีณจะให้อิสระกับพี่มากกว่าเดิมเอง” ฉันพลักพี่นำทับออกก่อนจะเดินเข้าห้องนอนเพื่อไปเก็บของกลับไปอยู่บ้าน ฉันไม่ได้งี่เง่าไร้เหตุผล แต่สิ่งที่เค้าพูดออกมามันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าการที่ใช้ชีวิตอยู่แบบนี้เค้าแทบไม่มีอิสระ
“หยุดรีณ อย่าทำแบบนี้ ไปนอนได้แล้ว” พี่นำทับที่ตามมาติดๆดึงฉันออกไกลจากตู้เสื้อผ้าทันทีเมื่อรู้ว่าฉันจะทำอะไร
“ปล่อย ในเมื่ออยู่ด้วยกันทุกวันมันไม่มีอิสระ ต่อไปก็เจอหน้ากันแค่อาทิตย์ล่ะครั้งหรือไม่ต้องเจอกันเลย!” ฉันหันไปตะคอกใส่พี่นำทับด้วยความโกรธ น้อยใจ เสียใจปนเปกันไปหมด
“พี่บอกให้พอไง อย่าดื้อได้ไหม!”
“รีณไม่ได้ดื้อ รีณแค่อยากให้อิสระกับพี่ไง!”
“ถ้าอยากให้มากก็ให้เป็นอย่างอื่น”
“อื้อ!!!”
คำขอโทษของคนที่ทำผิด ก็เป็นเหมือนแค่คำแก้ตัว