มัดมือชก

1584 คำ
 “ผมต้องขอตัวไปธุระก่อน” เมื่อจัดการค่าอาหารเรียบร้อยเฮริคจึงเอ่ยขึ้น เพื่อเป็นการบอกว่าเวลาของเขาคงหมดไปกับหล่อนแค่นี้          “....” ใบหน้าเรียวรีรูปไข่ตกแต่งเครื่องหน้าไร้รอยตำหนิ หุบลงพร้อมกับสายตาที่ส่งประกายความหวัง หรี่แสงลงอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นได้ชัดถึงความผิดหวัง          “ติดธุระด่วนหรือคะ” เธออยากไปต่อเหมือนทุกครั้งที่ออกมาเจอเขา นั่นคือดูหนัง ฟังเพลงเบาๆ สักพักแล้วชายหนุ่มจะกลับไปส่งบ้าน          “ก็ไม่ด่วนมากหรอกครับแต่กลัวเจ้ามนัสจะเครียดตายสะก่อน”          “อ้าว หากไม่มีอะไรด่วนอยู่ต่ออีกหน่อยสิคะหรือให้ดาไปกับคุณก็ได้”          “หือ...”          “นะคะ ดาอุตส่าห์ขอแม่มาแล้วให้ดาได้สนุกอีกสักหน่อยนะคะเดี๋ยวหลัง จากนี้ไม่รู้คุณจะมีเวลาว่างให้ดาได้เจออีกเมื่อไหร่” หล่อนทายถูกเพราะหลังจากนี้เขาเองคงไม่มีเวลาที่จะมานั่งทานอาหารกับใครแบบนี้อีกได้... สายตาคมหวานทอดมองอย่างเว้าวอน เพราะทุกครั้งที่หล่อนโทรหาคำตอบที่ได้ คือ ‘งานผมยุ่งจัง ขอเป็นวันอื่นได้ไหม’ จนแล้วจนรอดเธอก็ต้องเป็นคนโทรถามย้ำ เมื่อสายเรียกเข้าว่าจะโทรกลับมาไม่มีวี่แวว สามครั้งในหนึ่งสัปดาห์ที่เธอหมั่นโทร.ถามและได้มีโอกาสอย่างเช่นวันนี้...          “เอ่อ... แต่ที่จะไปมันไม่เหมาะกับดาเลยนะ” แม้จะดูเป็นเรื่องปรกติของคนวัยทำงาน แต่เฮริคไม่ต้องการให้ผู้หญิงเรียบร้อย ได้ย่างกรายเข้าไปที่อโคจร สำหรับชาวกร้านโลกได้เสาะแสวงหาความสุขในยามค่ำคืน          “ไม่เหมาะยังไง... ดาโตแล้วนะคะ” เธอยืนยันน้ำเสียงหนักแน่น คิ้วเข้มเป็นแพยาวนูนเด่นเหมือนกำลังเพ่งพิศในประโยค “แน่ใจนะครับว่าไม่งอแงร้องกลับบ้านก่อนผมเสร็จงาน” เฮริค รู้ดีว่าสาวสวยที่เขากำลังควงอยู่นี้ไม่เคยเที่ยวเตร่เหมือนผู้หญิงรักสนุก หรือทำตัวเป็นผีเสื้อราตรีมาก่อน “หือ...ดาไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ” ตาคมกรีดอายไลเนอร์เสริมให้ดูมีเสน่ห์ค้อนให้ เฮริคได้แต่ยิ้มรับและรับคำไป          “ครับไปก็ไป” เขาตัดใจตามใจหล่อน            “พวกคุณก็ได้ข้อมูลที่เจ้านายต้องการไปแล้ว ดิฉันว่าเชิญคุณกลับไปเถอะ ยังไงวันสองวันนี้พวกคุณไม่ต้องกลัวว่าดิฉันจะเก็บของหนีหนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อหรอกนะ” รติกาลที่นั่งเงียบอยู่นานตัดสินใจเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังก้าวออกจากห้องไปจริงๆ ตามที่อรอนงค์ได้เอ่ยปากบอกออกไปนั้น แต่เธออยากให้วันนี้มันจบลงไปแค่นี้ก่อน บุรุษร่างสูงใหญ่ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆเมื่อเจ้าของเรื่องที่นั่งเงียบอยู่นานเป็นคนออกปากไล่อย่างเจ็บๆคันๆ “งั้นผม ออกไปรอด้านนอกนะครับ”          สองสาวมองหน้ากัน และรติกาลเป็นคนเอ่ยอีกครั้ง “ยุงจะหามพวกคุณเอาสิคะ นี่มันกี่ทุ่มเข้าไปแล้ว” เอ่ยบอกพร้อมหันมองนาฬิกาบนฝาผนังห้อง เพื่อยืนยันด้วยสายตาไปด้วย “เป็นห่วงทำไม ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์คงอยู่ต่อได้อีกหลายชั่วโมง” อรอนงค์แขวะ เมื่อเห็นเพื่อนสาวออกอาการเป็นห่วงคนที่นำเรื่องยุ่งยากมาสู่ตน “ไม่เป็นไรครับ” เมลสันตอบแต่สายตาเหลือบมองสาวหน้าจืดร่างขนาดพก พา แม้จะเป็นคำพูดแค่ผ่านๆแต่เมลสันก็อดซาบซึ้งในความเป็นห่วงของสาวสวยไม่ได้ หากแต่หันมามองดูอีกคน เหมือนจะรำคาญพวกตนเต็มทน ให้ตายสิหล่อนกวนได้ใจเขาจริงๆ... เมลสันคิดแล้วนึกขำกับตัวเอง เหตุใดเขารู้สึกถูกชะตาสาวน้อยนางนี้ ทั้งที่ไม่เห็นรอยยิ้มหล่อนสักครั้งตั้งแต่ย่างกรายเข้ามาในห้องพักแห่งนี้... เมลสันและมิกซ์ออกมายืนเฝ้าหน้าห้องด้วยความเต็มใจ ครั้นมีผู้คนที่พักอยู่ห้องใกล้ๆ เดินผ่านไปผ่านมา มองด้วยสายตาแปลกๆ พวกเขาแค่ยิ้มรับและก้มศีรษะเล็กน้อยบอกเป็นนัยน์ว่า มาดีครับ... “เมลสัน จะยืนรออยู่อย่างนี้จริงๆ หรือ” “หรือนายจะกล้าขัด” น้ำเสียงจริงจังถามกลับ “ไม่กล้าแต่เราจะทิ้งให้นายอยู่ตามลำพังโดยไม่มีเราไม่ได้นะมันนานเกินไปแล้ว” มิกซ์บอกเหตุผล ที่เมลสันก็ลืมนึกถึงไปชั่วขณะ          ภายในห้องสี่เหลี่ยมอรอนงค์กำลังคิดแผน “แกต้องหนี” หล่อนจัดการจับกระเป๋าใส่มือเพื่อนรัก แต่อีกฝ่ายกลับไม่ทำตามแต่โดยดี “ไม่ ยังไงก็ไม่หนี” “แต่เงินไม่ใช่น้อยๆ นะ ลำพังแค่งานเขียนจะพออะไร” อรอนงค์ออกความเห็น แม้จะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่เกิดขึ้นจริงๆ ว่าเป็นแบบไหนกันแน่ แต่เท่าที่ได้ยินมา แน่ใจว่าคู่กรณีต้องเป็นคนมีอิทธิพลแน่นอน แค่สมุนก็เหลือกินหากเป็นนายใหญ่จะขนาดไหนและคิดว่าสิ่งของที่เพื่อนเอ่ยถึง แม้จะไม่เห็นด้วยตาตนเองแต่ราคาเดาได้เลยว่าตลอดทั้งปีเธอกับเพื่อนก็คงชดใช้ไม่หมด “ทางเดียวคือแกหนีไปก่อน” รติกาลฝ่ายส่ายหน้า จะให้หนีปัญหา ไม่ใช่นิสัยของเธอ “ฉันหนีไปแบบนี้ เท่ากับว่าฉันยอมรับข้อกล่าวหาสิ” “เออน่า ค่อยว่ากัน ยังไงตอนนี้แกต้องเอาตัวรอดไว้ก่อน พี่นัสคงให้ที่อยู่ชั่วคราวกับแกได้ แล้วยังไงฉันจะติดต่อไปอีกที” “แล้วคนสองคนด้านนอกล่ะ” “เหอะน่า ฉันจัดการเอง แกรีบไปเถอะ” “อืม แล้วจะให้ฉันหลบไปทางไหน สองคนนั้นอยู่หน้าประตู จะให้กระโดดลงไปจากชั้นสามเหรอ ไม่เอานะ ฉันกลัวศพไม่สวย” “หือ... ยังจะมามีมุกตลกตอนนี้ ฉันไม่ตลกกับแกหรอกนะ เอาหูมา....” “แน่ใจนะว่าจะรอด” ใบหน้าคมสวยที่เคยตึงผ่อนลง แม้ไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เพื่อนวางไว้จะสำเร็จหรือไม่ แต่เธอก็ขอลองดู “เหอะน่า ไม่ลองไม่รู้” อรอนงค์ดันร่างบางของอีกฝ่ายให้ไปหยุดอยู่ตำแหน่งที่บอก “....” รติกาลกลืนน้ำลายลงคอ สีหน้าปั้นยากภายใต้ดวงตาสะท้อนแสง เฝ้ามองเพื่อนรักโดยไร้คำพูดใดๆ “ในกระเป๋าคืองาน ยังไงต้องพกติดตัวไปของอย่างอื่นหาซื้อได้ไม่ยาก” อรอนงค์พยายามเอ่ยบอกโดยไม่สบตาเพื่อนรักเพราะคิดว่าหากขืนมองกลับ ไป สิ่งที่ได้กลับมาคือน้ำตาที่ไม่อาจระงับเอาไว้ได้ เพราะไม่แน่ใจว่าหลังจากนี้ต่างคนต่างจะได้กลับมาเจอกันอีกนานแค่ไหนและจะใช้ชีวิตปรกติอย่างเคยได้อีกหรือไม่          ปัง ปัง ปัง!!! ร่างสูงใหญ่ของเมลสันสะดุ้งพรวด หน้าผากย่นคิ้วหนาชิดนูนสูงมองสบตาเพื่อนร่วมทีม          ใบหน้าคมเข้มที่เต็มไปด้วยความจริงจัง มองไปยังประตูห้องที่ปิดอยู่ พยักหน้าให้อีกคน ผัวะ...เสียงถีบเปิดประตูดังกึกก้องไปทั่วห้อง อรอนงค์จึงปล่อยเสียง ที่คิดว่าอีกฝ่ายต้อง อึ้งเป็นไก่ตาแตก “อือๆ ยัยเพื่อนบ้า เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ...” ปัง ปัง มือเรียวทำหน้าที่ส่งเสียงเคาะ สูดน้ำมูกเช็ดน้ำตากลืนก้อนสะอื้น ก่อนจะเอ่ยต่อ “แกจะแก้ปัญหาด้วยการทำร้ายร่างกายตัวเอง แกคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดหรือไง”          “....!!!” เมลสันและมิกซ์มองหน้ากัน            “ถอยครับ” สีหน้าจริงจังของเมลสันสั่ง อรอนงค์ถอยหลังยืนมอง เขาใช้ลำแขนแกร่งและซีกข้างลำตัวกระแทกไปยังประตูที่ล็อกด้านในไว้สองสามครั้ง พร้อมกับมือหนาจับลูกปิดประตูแล้วหมุนแรงๆ “แย่!” เขาสบถสีหน้าไม่สู้ดี เมื่อทุกอย่างไม่ขยับ แล้วสิ่งที่ตามมาคือเท้าหนักๆภายใต้รองเท้าหนังอย่างดีง้างขึ้นสูงแล้ว สิ่งที่เห็นคือประตูที่โดนถีบด้วยแรงมหาศาลกระเด็นออกจากขอบประตูอย่างง่ายดาย “ว้าย!!” เสียงหวานแหลมกรีดร้องด้วยความคาดไม่ถึง “พัง พังกันพอดี” อรอนงค์ร้องลั่น ส่งสายตาตำหนิคนทำพร้อมหันมองประตูห้องน้ำด้วยความหวาดเสียว “...!!” เมื่อประตูเปิดออก เมลสันที่มีท่าทางจริงจังว่องไว เข้าผลุบไปในห้องน้ำ โดยไม่กลัวว่าจะโดนทำร้ายจากคนภายใน โดยมีสายตาสองคู่มองตามด้วยความรู้สึกต่างกัน อรอนงค์รู้สึกสะใจที่หลอกพวกหน้ายักษ์ได้สำเร็จ แต่อีกคนมีสีหน้ากระวนกระวาย ไม่ต่างจากคนที่ผลุบหายเข้าไป “ไม่มี...” เมลสันตะโกนออกมาให้เพื่อนที่ยืนอยู่ด้านนอกรับรู้ เมื่อชัดเจนว่าห้องน้ำมีแต่ความว่างเปล่าไร้หญิงสาวอีกคนและนั้นทำให้รู้ว่าพวกตนกำลังโดนผู้ หญิงที่ดูไม่มีพิษสงต้มจนเปื่อย “แย่แล้วมิกซ์ เฝ้ายายแว่นไว้ ฉันจะตามไปดู” เมลสันหันกลับมาทางด้านหน้าประตู สายตาจดจ้องคนตัวตนเหตุ ทั้งสองเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่าง สายตาคมเข้มสบตากันอย่างรู้ดี คนที่ถูกเรียกว่ายายแว่นถลึงตามอง หยาบคาย!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม