โดนข้อหา

1222 คำ
ณ ห้องอาหารที่จัดตกแต่งไว้อย่างลงตัว ชายหนุ่มลูกครึ่งแต่งตัวภูมิฐาน แค่เพียงก้าวแรกที่ย่างก้าวเข้ามา สายตาทุกคู่ต่างหันมองเป็นตาเดียวกันนั้น บ่งบอกได้ว่าคนอย่าง เฮริค มิลลส์ตัล ดึงดูดสายตาผู้คนแค่ไหน บริกรหนุ่มโน้มตัวลงเกือบครึ่งตัว ก่อนจะเชื้อเชิญเดินนำแขกรูปงามเข้าห้องที่จัดเตรียมไว้โดยไม่ต้องบอกกล่าว          “เฮริค” ปนัชดา ชนะพงค์พันธ์ วัย 26 ปี รูปร่างสูงระหง ในชุดเดรสแขนกุดผ้าชีฟองสีชมพู ติดโบหน้า ช่วงอก จีบรอบตัวกระโปรงสั้นเลยเข่า ช่วงบนเข้ารูป คว้านคอลึกเห็นร่องอกอวบอิ่มลุกขึ้น สองแขนเรียวยาวเสลาอ้ารับสอดใต้เอวสอบ ปลายจมูกโด่งงามงอนจรดบนแก้มสากอย่างไม่มีเคอะเขิน บ่งบอกถึงความสนิทของคนสองคนได้ดี          “มาสายนะคะ” คำพูดไม่เชิงต่อว่า น้ำเสียงนุ่มนวลหวานหู เรียกรอยยิ้มของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี          “ขอโทษนะครับ เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย” เสียงทุ้มเอ่ยบอก พร้อมก้มหน้าลงเล็กน้อย เพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน           “อุบัติเหตุ ยังไงคะ” เสียงของเธอแผ่วตาม พร้อมใช้สายตาสำรวจ บนร่างกายชายหนุ่มมองซ้ายแลขวาด้วยความห่วงใย          “หิวแล้ว กินอะไรกันก่อนดีกว่า” เขาตัดบท           “....” ตากลมโตภายใต้ขนตางอนมองอย่างฉงน เธอจึงจำใจปล่อยอีกฝ่ายออกจากวงแขนและเดินไปยังโต๊ะ โดยได้แต่จับจ้องแผ่นหลังหนาภายใต้เสื้อสูทราคาแพงด้วยความไม่เข้าใจ                                                         อรอนงค์ ระวิพันธ์ วัย 24 ปี ผิวขาวร่างเล็ก ส่วนสูงที่เธอตั้งใจบอกใครๆ ว่า ‘สูงแค่ 155 เขาไม่เรียกว่าเตี้ย แค่สูงน้อยไปหน่อย’ นิสัยเงียบนิ่งตามแบบฉบับของคนพูดน้อย หรือเรียกว่าน้ำนิ่งไหลลึก มีแว่นหนาช่วยยืนยันสิ่งตรงหน้าให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น   “นี่ตกลงพวกคุณเห็นเพื่อนฉันเป็นนักโทษหรือไงถึงต้องมาเฝ้า แล้วไอ้ข้อมูลเหมือนเช็กประวัติเนี่ย จะเอาไปขึ้นบัญชีดำหรือไง” น้ำเสียงเอ่ยแดกดัน พร้อมเท้าเรียวสวมถุงเท้าสีหวานพาเจ้าของร่างเดินวนไปรอบๆ ชายร่างสูงใหญ่ที่สวมใส่สูทชุดดำน่าเกรงขาม แม้อีกฝ่ายจะยืนยันหนักแน่นในการมาครั้งนี้ของพวกเขา แต่สภาพเพื่อนรักถูกควบคุมตัวนั่งสีหน้าเหมือนโดนบังคับกินของขม เธอไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ ไปได้          “เปล่านะครับ” เสียงทุ้มของเมลสันบอกปัด สายตาจดๆ จ้องๆ ใบหน้าหวานที่มีแว่นบดบังใบหน้าเกือบครึ่งหน้า          “เปล่าได้ไง แล้วแหวนที่ว่าราคาเท่าไหร่แน่ ทำไมไม่ค้นหาหากราคาสูงจริง จะมามัวโบ้ยความผิดให้คนอื่นรับผิดชอบ แล้วนี่หากเขาไม่มีปัญญาใช้คืน เจ้านายคุณไม่สูญเสียของเปล่าหรือไง” อรอนงค์ยังไม่ปักใจเชื่อแม้จะฟังเรื่องราวมาบ้าง แต่หากแหวนที่ว่าราคาสูงจริง ไยเจ้าของถึงไม่ติดใจค้นหา แต่มาโยนความผิดให้คนทำงานรายได้น้อยอย่างเพื่อนหล่อนรับผิดชอบ คำพูดที่ได้ฟังจากสาวหน้าจืด เมลสันยอมรับว่าหนักใจไม่แพ้กัน หากแต่ทำอะไรไม่ได้ เมื่อเขาเองก็อ่านเฮริคไม่ออกเช่นกัน “เฮ้อ...ราคาผมไม่แน่ใจหรอกครับ แต่เป็นแหวนที่คุณแม่เจ้านายผมให้มา คงมีค่าทางใจมากกว่า” เมลสันถอนหายใจหนักๆ สองสาวมองหน้ากันเหตุผลทำเอาเธอทั้งสองกลืนน้ำลายฝืดๆลงคอ “พวกเราเสียใจ แต่จะให้เพื่อนฉันรับผิดชอบ ก็ไม่ถูกต้อง แต่ถึงจะหาใหม่คืนได้ มันก็ไม่เหมือนเดิม” อรอนงค์ให้เหตุผลน้ำเสียงเบาลง แม้จะเห็นใจอยู่บ้าง แต่เรื่องเงินๆ ทองๆ มันหนักหนาสำหรับพวกเธอ “ครับ...” เมลสันรับฟังมองดูสาวหน้าจืดที่ให้เหตุผลจนเขาอดทึ่งไม่ได้ นึกว่าเป็นแค่ยายหน้าจืดขี้โวยวายแม่กระต่ายตื่นตูมแค่อย่างเดียว... เขาอยากให้เฮริคมาเห็นกับตาถึงความเป็นอยู่ของคู่กรณีจริงๆ อยากรู้ว่าจะใจดำเรียกร้องความรับผิดชอบจากอีกฝ่ายอีกไหม “ครับนี่... จะไปบอกให้เจ้านายคุณเปลี่ยนใจใช่ไหม” น้ำเสียงเจือแววดีใจของอรอนงค์ ทำเอาคนที่อยู่ข้างๆ พลอยสนใจคำตอบไปด้วย เมลสันผุดลุกขึ้นทั้งที่เพิ่งนั่งไปได้ไม่นาน บนเก้าอี้ตัวเล็ก ย้ำว่าตัวเล็กเพราะ ทันทีที่ลุกขึ้นเก้าอี้ก็ติดสะโพกหนาขึ้นมา ก่อนจะร่วงหล่นลงพื้นจนเกิดเสียงดัง หากแต่ไม่มีใครกล้าหลุดขำหรือแสดงท่าทีอะไรออกไป เมื่อยืนเต็มความสูงเสียงทุ้มเรียบนิ่งจึงเอ่ยขึ้น “ผมต้องทำตามคำสั่ง” เมลสันตอบตามความเป็นจริงเขาเองก็ร้อนใจไม่แพ้กัน แต่ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเฮริค จะทำอะไรนอกเหนือคำสั่งไม่ได้ “หึ คำสั่งให้รังแกคนอ่อนแอกว่าน่ายกย่องตรงไหน” น้ำเสียงเหยียดรู้สึกผิดหวัง ของอรอนงค์เอ่ยตอบกลับไป           “เพื่อนคุณโชคร้ายหน่อยเล่นกับใครไม่เล่น เล่นกับเจ้านายผมก็เดือดร้อนแบบนี้แหละ” เสียงทุ้มของคนที่ยืนสงบอยู่นานเอ่ยแทรก    “มิกซ์!” เสียงทุ้มต่ำเรียกคล้ายให้อีกฝ่ายระวังคำพูด ได้ผลทันทีที่หันมาสบตา มิกซ์หลบสายตามองพื้นอย่างรู้ตัว รติกาลที่นั่งฟังอยู่อีกด้านของมุมห้องบนเก้าอี้ไม้กุมศีรษะพร้อมคลึงขมับเบาๆสลับแรงๆ “หือ พูดอย่างกะเพื่อนฉันต้องการไปหาเรื่อง พวก...” อรอนงค์หันมองเพื่อนรักที่นั่งกุมขมับ ตัดสินใจหยุดคำพูดไว้ แต่ก็ยังยืนยันความตั้งใจเดิม คือไม่อยากให้ผู้ชายหุ่นล่ำๆหน้าหล่อๆโหดๆอยู่ร่วมห้อง “เชิญพวกคุณกลับไปได้แล้ว เถียงกันไปมาก็ไม่มีอะไรดีขึ้น คนรวยทำอะไรไม่น่าเกลียด”               เธอสรุปน้ำเสียงกึ่งประชด เมื่อเพื่อนสาวไม่ออกอาการหรือแสดงอารมณ์อะไรออกมานอกจากเหลือบมองมาบ้างครั้ง เหมือนระอาเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นเต็มที          “ครับ พวกผมจะกลับเมื่อเจ้านายสั่งเท่านั้น”          “อ้าว...” ใบหน้าหวานไร้เครื่องปรุงแต่งบนใบหน้าหันมองนาฬิกาบนฝาผนังทันควัน เข็มชี้บอกยืนยันเวลาได้เป็นอย่างดี อรอนงค์มีหรือจะอยู่เฉยได้ “หากนายของพวกคุณลืม... พวกคุณไม่ต้องนอนค้างที่นี่หรือคะ หากจะรอก็รอไป แต่ต้องไปรอข้างนอก โน่นนน...” เอ่ยบอกจนปากยื่นยาวไปตามเสียงตอนท้ายอย่างไม่ทุกข์ร้อน และโน่นของหล่อนคือหน้าประตูด้านนอก เพราะเพื่อนก็ไม่ใช่แขกก็ไม่เชิง ที่สำคัญพาเรื่องวุ่นวายเข้ามาให้เพื่อนของเธอ ความเกรงใจจึงไม่จำเป็น          เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายได้ข้อมูลที่ต้องการไปแล้วน่าจะจบกันไป หากแต่ไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อชายในชุดสูทไม่มีท่าที่ขยับออกจากห้อง และเวลานี้พวกเธอต้องการความเป็นส่วนตัว...          เมื่อโดนไล่ตรงๆ แขกไม่ได้รับเชิญหน้าเจื่อน ก่อนจะถอยทัพไปตามคำสั่งของเจ้าของห้อง...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม