กนกวลีจ้องมองชุดที่กองตรงหน้าตน ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาสวมใส่ ใช่เขาตัวโตอย่างกับยักษ์ เมื่อชุดของเขามาอยู่บนตัวเธอแล้วมันก็เป็นชุดกระโปรงทันที เมื่อมันยาวเลยเข่าของเธอไป เมื่อใส่เสื้อเรียบร้อยก็นึกได้ว่าตัวเองนั้นไม่มีชุดชั้นในใส่จึงเดินไปค้นตู้เสื้อผ้าของชายหนุ่ม แล้วเจอบ็อกเซอร์ผู้ชายของเขาก่อนจะหยิบขึ้นมาใส่ แต่ก็ยังเหลือหน้าอกอยู่ดี แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นผ้าขนหนูผืนเล็กจึงรีบไปนำมาพันอกของตก เมื่อคิดว่ามันอยู่ดีมั่นคงแล้วจึงเดินออกจากห้องไปเพื่อไปหาคนที่รออยู่ห้องรับแขก แต่พอเปิดประตูห้องออกมาก็เจอกับร่างหนาที่ยืนรอตนอยู่หน้าห้อง
“หึหึ ก็ใช้ได้เหมือนกัน ไปรีบๆ ไปกัน แม่ฉันรอแล้วป่านนี้” ว่าแล้วก็ฉุดกระชากข้อมือเล็กให้เดินตามตัวเองไป แล้วไม่นานทั้งสองก็เข้ามาอยู่ในห้องรับแขก
“สวัสดีค่ะคุณป้า” กนกวลียกมือไหว้เพื่อนของแม่อย่างเคารพเหมือนที่เจอกันครั้งแรก
“ไหว้พระเถอะหนูกี้ มานั่งข้างป้ามาลูก ดูสิ ถูกพี่เขาทำร้ายมาจนสภาพเยินแบบนี้เลย โธ่!....น่าสงสารจริงๆ เลย” อภิรดีเอ่ยอย่างเห็นอกเห็นใจลูกสาวของเพื่อน ทั้งๆ ในใจนั้นยิ้มยินดีเหลือเกินกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น และก่อนหน้าทั้งสองจะลงมานางก็โทรหาเพื่อนรักแม่ของกนกวลีเรียบร้อยแล้ว ว่าทั้งสองเรียบร้อยโรงเรียนกันตามแผนที่นางและเพื่อนวางไว้แล้ว
หญิงสาวเดินไปนั่งข้างกายของเพื่อนแม่อย่างงงงวย เพราะตอนนี้สมองของเธอมันมืดแปดด้านไปหมด
“แม่รู้จักยัยผู้หญิงขายตัวที่ไอ้ชดพามาด้วยเหรอครับ” เตวิทย์ยังคิดว่าหญิงสาวเป็นผู้หญิงที่ลูกน้องพามาบำเรอตนอยู่
“ปากเสียเจ้าเต ก็น้องกี้คนที่แม่จะให้แกไปดูตัวไง แต่แกก็ไม่ไปเมื่อวาน” นางเอ่ยว่าลูกชาย
“คุณป้าคะ แล้วทำไมกี้มาอยู่ที่นี่ได้ ก็เมื่อวานนี้เราดื่มกาแฟในร้านกันอยู่ดีๆ แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นหนูก็จำไม่ได้ค่ะ” กนกวลีเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ก็อยู่ๆ หนูก็หมดสติไป ป้าเลยพาหนูกลับมาบ้านด้วยจ้ะ”
“แม่คิดจะจับผมแต่งงานจริงๆ เหรอเนี่ย ทำไมแม่ทำกับลูกแบบผมได้ลงคอครับ แล้วที่ยัยคนนี้มานอนที่ห้องผม นอนถอดเสื้อผ้ารอผมเป็นฝีมือแม่ ไม่ใช่เธอหมดสติอะไรหรอก เพราะแม่เอายานอนหลับให้เธอกินใช่ไหมครับ” เมื่อสมองของเขาเริ่มปะติดปะต่ออะไรได้จากสิ่งที่หญิงสาวเอ่ยมา ก็ไม่มีอะไรที่ต้องคิดมากว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะใคร
“คุณป้าทำแบบนี้กับกี้ได้ยังไงคะ เอากี้มาเป็นเมียไอ้อัปลักษณ์นี้” อภิรดียังไม่ทันได้เอ่ยกนกวลีก็เอ่ยขึ้นมาก่อน พร้อมกับลุกขึ้นชี้นิ้วไปยังเตวิทย์ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมเหมือนคราแรก
“เฮ้อ!...น้อยๆ หน่อยแม่คุณ อัปลักษณ์ก็ได้เป็นผัวเธอก็แล้วกันน่า” เตวิทย์โต้กลับด้วยความโกรธ พร้อมกับก้าวเข้ามาหาหญิงสาว
“หยุดทั้งสองคน เตไปนั่ง หนูกี้ก็นั่งลงเหมือนกัน ยังไงทั้งสองก็ต้องแต่งงานกัน” อภิรดีเอ่ยขึ้นบ้าง
“ไม่แต่ง” สองเสียงร้องประสานกันขณะทิ้งตัวลงนั่ง
“ไม่แต่งก็ลองดู ในเมื่อเรื่องนี้ถึงหูของแม่หนูกี้แล้วด้วย คิดดูว่าแม่เราจะยอมให้ลูกสาวโดนเจาะไข่แดงฟรีเหรอ” อภิรดีเอ่ยถึงแม่ของกนกวลี
“เรื่องนี้กี้จัดการเองค่ะคุณป้า แต่เรื่องแต่งงานยังไงกี้ก็ไม่มีทางแต่งกับไอ้อัปลักษณ์ลูกของคุณป้าแน่นอน”
“คำก็อัปลักษณ์ สองคำก็อัปลักษณ์ รังเกียจฉันมากใช่ไหม ได้ ถ้ารังเกียจฉันนักก็มีผัวหน้าตาอัปลักษณ์อย่างฉันเถอะแม่คุณ ให้มันรู้ไปสิว่าการมีผัวอย่างฉันมันจะทำให้เธอตายคาลูกชายฉันไม่ได้ หึหึ” ด้วยความโกรธและความอยากเอาชนะจึงทำให้เตวิทย์เปลี่ยนความคิดก่อนหน้านี้ทันที เขาก็อยากรู้นักว่าเขาจะทำให้หญิงสาวรักและหลงไม่ได้เชียวเหรอ
“ฉันไม่แต่งให้อับอายขายขี้หน้าคนหรอก” กนกวลีโต้ตอบกลับด้วยความโกรธเช่นกัน
“ฉันจะแต่ง ยังไงก็จะแต่ง ยังไงเธอก็ต้องเป็นเมียฉันยัยเสร่อ” เตวิทย์เอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะลุกเดินหนีออกจากห้องรับแขกไปด้วยความรำคาญ
“กรี๊ดดดดดดดดดด.....อย่าเดินหนีฉันแบบนี้นะไอ้อัปลักษณ์ ฉันไม่แต่งงานกับแก ไม่มีวันนั้นหรอก” เธอกรีดร้องออกมาด้วยความเหลืออด พร้อมกับจะตามชายหนุ่มออกไป แต่ก็ไม่ทันได้ตามเมื่อถูกแม่ของชายหนุ่มรั้งไว้
“หนูกี้ลูกอย่าเสียใจไปเลยนะ ป้ารักหนูนะ อยากได้หนูมาเป็นสะใภ้ อย่ารังเกียจพี่เขาเลยนะ” อภิรดีรั้งสาวเจ้าเข้ามาสวมกอดปลอบประโลมด้วยความเอ็นดู ‘แบบนี้สิจะได้เอาเจ้าเตมันอยู่ ไม่อยากแต่งงานนัก สมน้ำหน้า’ นางพึมพำว่าลูกชายในใจ
“แต่กี้ไม่แต่งนะคะคุณป้า กี้ไม่อยากแต่งงานกับคนที่กี้ไม่ได้รัก กี้ขอโทษที่เสียมารยาทร้องกรี๊ดนะคะ แต่กี้ทนไม่ไหวจริงๆ ค่ะคุณป้า” หญิงสาวเอ่ยขอโทษ
“ไม่เป็นไรหรอกป้าไม่ถือ ป้าเข้าใจว่าหนูกี้นั้นรู้สึกยังไง ไปเถอะไปกินข้าวเช้ากันเถอะลูก”
“ค่ะคุณป้า” ว่าแล้วเธอก็ยอมไปทานข้าวเช้า เพราะตอนนี้ท้องเธอนั้นก็เริ่มไม่ไหวแล้วเช่นกัน