หญิงสูงวัยเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องของลูกชายตั้งแต่เช้ามืด ก็ตั้งแต่เมื่อคืนวานนี้แล้วที่นางนอนไม่หลับ เพราะกลัวว่าจะตื่นสายแล้วมาไม่ทันจับลูกชายตัวดีเอา และเวลานี้ก็เจ็ดโมงเช้าแล้ว นางจึงนำกุญแจห้องสำรองที่ให้เด็กในบ้านไปเอามาให้ตั้งแต่เมื่อเย็นวานมาเปิดเข้าไปในห้องของลูกชาย โดยมีโทรศัพท์เครื่องหรูที่เตรียมรอไว้ถ่ายรูปเก็บเป็นหลักฐาน เพื่อให้เตวิทย์ลูกชายผู้รักสนุกของตนดิ้นไม่หลุด ส่วนเด็กๆ ในบ้านนั้นอภิรดีสั่งให้ไปทำงานกันตามหน้าที่ เพราะไม่อยากให้ว่าที่ลูกสะใภ้อายตอนที่ตนเข้ามาเห็น
หญิงสูงวัยเปิดประตูเข้ามาในห้อง และไม่ลืมจะล็อกประตูไว้ แล้วก้าวเดินไปยังเตียงนอนช้าๆ และระหว่างเดินนางไม่ลืมสั่งเกตไปทั่วบริเวณห้องว่ามีสภาพเป็นยังไง และนางก็กระจ่างตาตัวเองเมื่อข้าวของในห้องเละไปหมด เมื่อเดินมาถึงเตียงนอนที่ลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้กำลังนอนตระกองกอดกันอย่างอ่อนเพลีย จึงไม่รอช้าที่จะถ่ายรูปเก็บไว้ เมื่อถ่ายรูปจนพอใจแล้วอภิรดีจึงปลุกลูกชายของตน
“เตลูก เตตื่นได้แล้วลูก” เรียกปลุกพร้อมกับตบหน้าลูกชายเบาๆ เพื่อให้ตื่น
เตวิทย์เมื่อได้ยินเสียงเรียกปลุกก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เมื่อปรับระดับสายตาได้แล้วชายหนุ่มก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ
“แม่!....”
เป็นคำแรกที่เขาร้องออกมาในเช้านี้ พร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นอย่างมีความผิด จนทำให้ร่างเล็กที่นอนซบอกของตนนั้นตื่นตามมาด้วย
“อื้อ!...” กนกวลีครางออกมาด้วยความขัดใจ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ แล้วสายตาก็มาสะดุดกับชายข้างกายที่นั่งเปลือยท่อนบนข้างตนอยู่ตอนนี้ “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด..........”
“เออวะ!...จะกรี๊ดทำไม นอนด้วยกันมาทั้งคืนแล้วยังไม่ชินอีกเหรอ” เตวิทย์ตวาดคนตัวเล็กด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหันไปทางผู้เป็นแม่ที่ยืนหน้าบึ้งจ้องมองมาทางตนอยู่
“เตบอกแม่มาเดี๋ยวนี้เลยนะเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนี้ ทำไมลูกทำแบบนี้กับน้อง” อภิรดีเอ่ยเสียงขรึม
ตอนนี้กนกวลีหยุดร้องกรี๊ดแล้ว เมื่อเห็นว่าในห้องนี้มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย
“คะ...คุณ...”
“น้อง?....” ชายหนุ่มเอ่ยถามผู้เป็นแม่ตัดหน้าหญิงสาวข้างกาย เพราะเขางงกับคำของแม่เหลือเกินตอนนี้
“ใช่น้อง เตเป็นสุภาพบุรุษพอก็น่าจะรู้ว่าควรจะทำยังไงนะหลังจากนี้ แม่จะไปรอเตกับหนูกี้อยู่ห้องรับแขก รีบๆ แต่งตัวแล้วลงมาหาแม่ด้วยละ” ว่าแล้วนางก็รีบเดินไปเปิดประตูออกจากห้องไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ซวยแล้วกู!...” เตวิทย์สบถออกมาด้วยความหัวเสีย เมื่อคิดว่าตัวเองไปไหนไม่รอดแล้ว
“ฉันซวยกว่าแกอีกไอ้อัปลักษณ์!...” กนกวลีเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“แหม!...ปากดีจังเลยนะเมียจ๋า เดี๋ยวก็จับกดซะเลย เมื่อคืนยังไม่อิ่มใช่ไหมถึงปากดีเรียกร้องแบบนี้จ้ะ” เตวิทย์รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที เมื่อคนที่ตนนอนกกกอดก่อนหน้านี้ว่าตน “อัปลักษณ์”
“ต่ำ!...ถ้าแกไม่เล้าโลมฉัน และถ้าฉันมีประสบการณ์มาก่อนคงไม่ปล่อยให้แก่ทำระยำกับฉันหรอกไอ้!....อุ๊บ!....” เสียงถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อปากหนาบดจูบลงมาอย่างรวดเร็ว เตวิทย์ขบกัดริมฝีปากอิ่มจนลืมซึมก่อนจะผละออกมาดูผลงานของตน
“หึหึ รู้ไว้นะว่าฉันเป็นผัวเธอ และเธอต้องมีฉันคนเดียว” ว่าแล้วก็ลุกเดินเปลือยไปค้นหาชุดในตู้เสื้อผ้ามาใส่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินกลับมาหาคนที่กำลังนั่งน้ำตาคลออยู่บนเตียง “เอ้า!...ทำไมยังไม่รีบแต่งตัว ไม่รู้หรอกเหรอแม่ฉันรออยู่”
เธอยกมือปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลอาบแก้มออก แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะตอบ
“ฉันไม่มีเสื้อผ้า”
“นึกว่าอะไร” ว่าแล้วก็เดินกลับไปตู้เสื้อผ้าของตนเพื่อเอาชุดมาให้หญิงสาวใส่ “นี่เอาไป ใส่ซะ จะได้รีบลงไปหาแม่ฉัน ท่านรอเรานานแล้วมั้งป่านนี้” ว่าแล้วก็รีบเดินออกจากห้องไปอย่างไม่ใส่ใจคนบนเตียง