บทที่3.คนที่ไม่อยากเจอกลับได้เจอ
“คาร่า? ไอ้หมอนั่นใคร” โผนรับแก้วกาแฟแล้วก็ยกขึ้นจิบ เขามองตามสายตาของมรินญา จนสะดุดเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมองมาที่เขาตาขวางๆ เช่นกัน
หญิงสาวสะดุ้ง เธอหันมายิ้มแหยๆ ให้โผน แต่ไม่ได้ตอบ
หนุ่มใหญ่ขมวดคิ้ว เขาผ่านร้อน ผ่านหนาวมาหลายสิบปี จนทำให้พอจะคาดเดาอะไรได้บ้าง เพียงแต่ไม่คิดว่า ‘สามี’ ในเงาของมรินญาจะรูปงามได้ขนาดนี้ ผู้ชายคนนั้นดูดี และดูเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง เขาน่าจะร่ำรวยพอตัวเพราะประเมินได้จากเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ชายหนุ่มสวมใส่ เขาดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเลยทีเดียว
“เค้า!! เหรอ?” โผนลองเสี่ยงถามซ้ำ มรินญาพยักหน้าหงอยๆ เธอส่งยิ้มแหยเกให้กับโผน
สายตาดุดันของคนใช้แรงงานพุ่งตรงไปยังโลแกน เขาอยากรู้จักไอ้หมอนั่น จนอดทนรอไม่ไหว โผนฉวยแก้วกาแฟของตัวเองขึ้นถือไว้ เดินดุ่มๆ ตรงไปหาโลแกน “อย่าเลยคะ ไม่มีประโยชน์” หญิงสาวพยายามห้าม เธอส่งสายตาวิงวอนให้กับผู้ชายที่เธอนับถือดั่งพี่ชาย
“พี่เอาอยู่น่า พี่อยากรู้ว่า ‘เค้า’ มาทำไม”
โผนยิ้มปลอบใจ เขายกมือขึ้นวางบนศีรษะของมรินญาพร้อมทั้งขยี้แรงๆ
และนั่นเป็นตัวจุดฉนวนให้กับโลแกน ลมในหูชายหนุ่มลั่นวิ้งๆ กระบอกตาร้อนผ่าวเพราะองศาความร้อนในร่างกายพุ่งสูงปรี๊ด!! เขาอยากซัดกำปั้นไปที่หน้าไอ้หน้าดุคนมาใหม่นั่นสักที อยากตะโกนบอกให้มันรู้ตัวด้วย...คนที่มันกำลังหยอกเย้าอยู่น่ะ...หล่อนขึ้นชื่อว่าเป็น ‘เมีย’ เขาถึงจะแค่ตามกฎหมาย แต่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยา ...โลแกนทำได้แค่คิดเขาเป็นสุภาพชน ไม่สมควรใช้กำลังในการตัดสินปัญหา ยิ่งในที่สาธารณะเช่นนี้ด้วยแล้ว มันไม่สมควรอย่างยิ่ง 3ปีมานี่หุ้นโคล์อินดัสตรี้กระเด้งขึ้น และร่วงลงเหวหลายครั้ง เพราะความประพฤติของเขานี่แหละ เขาไม่อยากฟังเสียงแม่บ่น เพราะฉะนั้นเมื่ออยู่ภายนอกโลแกนจำเป็นต้องควบคุมอารมณ์
ยังไม่ทันที่โผนจะเดินไปถึงโต๊ะ เขายังไม่ได้ฉะกับโลแกนเหมือนอย่างที่ตั้งใจ บุคคลที่สาม ที่สี่...ก็เดินเข้ามาในร้าน พิมรักมาทางด้านหลังร้าน หล่อนหิ้วถุงของกินมาจนตัวเอียง แต่กลับต้องมายืนอึ้งงัน!! เพราะเหลือบเห็นผู้ชายที่ชื่อโลแกนแบบเต็มตา เขาดมกลิ่นมาถึงนี่ได้ยังไง?
กับอีกคนหนึ่ง...ที่เดินผ่านประตูหน้าเข้ามาเยี่ยงอย่างนางพญา พร้อมกับกลิ่นน้ำหอมฟุ้งกระจาย โผนเป็นคนแรกที่เบือนหน้าหนี เขาโก่งคอทำท่าอยากอาเจียน หนุ่มลูกทุ่งทนไม่ไหวจริงๆ กับกลิ่นหอมเอียนๆ เช่นนี้
มาลาเบลคือคนที่เข้ามาทางประตูหน้า…
“ที่รักคะ คุณใช้เวลานานกว่าที่เราตกลงกันไว้”
หล่อนส่งเสียงหวานเฉี๊ยบ!! เหลือบมองรอบตัว ตวัดตากลับมาที่โลแกน พร้อมกับริมฝีปากที่ขยับยิ้ม
โลแกนขอเวลา5 นาทีกับการเจรจากับภรรยาตามกฏหมาย เพื่อกำหนดวัน ‘หย่า’ กับหล่อน แต่เขาลืม เขาลืมด้วยซ้ำว่าพาหญิงอื่นมาด้วย และหญิงคนนั้นคือคนที่เขาอยากยืนเคียงบนแท่นพิธีกับหล่อน พร้อมกับการสาบานตนเพื่อรักนิรันดรต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า
ชายหนุ่มยิ้มกร่อยๆ เขาผ่อนลมหายใจช้าๆ จากที่คิดจะวางมวยกับคนที่มาติดพันมรินญา มันฟุบแฟบลงไปเลย เพราะมาลาเบล
“ดูเหมือนว่า... เราคงจะไม่ได้คุยกัน...” โผนเปรยลอยๆ ปรายตามองสาวสะคราญโฉม แต่หล่อนไม่ใช่สเปค มาลาเบลร้อนเกินไป โผนชอบที่เย็นตาเย็นใจมากกว่า เขายกยิ้มมุมปากเหมือนรู้ทันความคิดของโลแกน แล้วจึงหมุนตัวเดินกลับไป ทั้งที่ยังไปไม่ถึงโต๊ะที่โลแกนนั่งอยู่ด้วยซ้ำ เขาเดินสวนกับนางแบบชื่อดังระหว่างทางเข้าพอดี หล่อนเบ้ปากใส่ ทำท่าทางรังเกียจ หล่อนแบนตัวออกห่างๆ เพราะกลิ่นสาบของโผน กลิ่นเหงื่อที่เกิดจากการตากแดด ตากลม
“เรากลับกันได้ยังคะโลแกน มาร่าไม่ชอบที่นี่เลย... ร้อน แล้วก็เหม็น”
มาลาเบลเป็นนางแบบชื่อดังของฝรั่งเศส หล่อนจึงชินกับสภาพแวดล้อมสมบูรณ์แบบ เมื่อมาเจอคนชั้นกลางที่อยู่กับแดดกับลม จึงทนไม่ไหว สาวสวยหุ่นนาฬิกาทรายทิ้งตัวลงนั่งบนตักของชายหนุ่มคู่รัก เธอสอดมือคล้องคอเขาเอาไว้ เอียงแก้มซบอกเขาแบบไม่กริ่งเกรงสายตาคนมอง
ชัดยิ้มกว้าง เขายกแก้วกาแฟขึ้นดื่มแบบสบายอารมณ์!! สามีของมรินญามีสาวคู่ควงคนใหม่ ไม่แน่ว่าพันธะที่ผูกพันกันไว้ระหว่างกัน อาจจะจบลงในเร็ววันนี้ และโลแกนก็ดันเห็นเข้าพอดี เขารู้สึกจี๊ดๆ ในอก นึกอยากจะผลักมาลาเบลลงจากตักเป็นครั้งแรก
โผนไหวไหล่ เขาเดินอาดๆ เข้าไปหาทั้งสองสาว “เย็นไว้อีหนู...อย่าได้โวยขึ้นมาเชียว” เขากระซิบบอกพิมรักที่ตาลุกวาบแทนเพื่อน
“ทำไมคะพี่โผน? แบบนี้มันหยามกันถึงถิ่นเห็นๆ ไม่ตอกกลับไปบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าเราแหย” คนที่ควรเต้นน่าจะเป็นมรินญา แต่หญิงสาวกำลังชา เธอจึงทำได้แค่ยืนตัวแข็ง แม้จะพอรู้เป็นเลาๆ แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอจังๆ หัวใจเธอฟุบแฟบ เจ็บร้าวจนน้ำตาเอ่อ
“ยะ อย่าเลยพิม แค่นี้เราทนไหว” หญิงสาวกลั้นใจพูด เธอหันหลังให้กับภาพที่ทำให้ตัวเองสะเทือนใจ รีบรวบรวมสติ พร้อมกับเตรียมการตั้งรับ ในเมื่อเธอตัดสินใจจะคืนพันธะผูกพันให้กับเขา เธอก็ควรทนให้ได้...นี่มันแค่จิ๊บๆ เพราะอนาคตเธอต้องเห็นมากกว่านี้เสียอีก ต้องทนมองผู้ชายที่กุมหัวใจตัวเองเดินเข้าประตูวิวาห์กับหญิงคนอื่น เขาและเธอจะมีอนาคตร่วมกัน โดยที่เธอกลับกลายเป็นแค่อดีต!!
“ได้ไง?” พิมรักพยายามท้วง แต่โผนส่ายหน้า
“ยุ่ง!!” หนุ่มเถื่อนพูดเบาๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างโลแกนกับมรินญา คนนอกมีสิทธิ์แค่ปลอบใจ แต่ล้ำเส้นไม่ได้มันเป็นความละเอียดอ่อนที่สุดจะหยั่งถึงมันเป็นปัญหาภายในครอบครัว
“รู้ค่าว่าพิมยุ่ง แต่นี่เพื่อนพิมนะพี่โผน มาหยามกันแบบนี้...ปล่อยให้เดินลอยชายออกไปง่ายๆ เสียชื่อสาวไทยใจแกร่งหมด”
“พูดยังกับอยากไปตบเค้า” โผนกระเซ้า
“เหอะ!! อยากจิกหัวลากลงจากตักไอ้หมอนั่น...แล้วก็กระทืบซ้ำด้วยค่ะ” พิมรักตอบกลับทันควัน เธอยกมือขึ้นกำตรงหน้าจนเสียงกระดูกตามข้อลั่นกร็อบๆ
“ดูละครหลังข่าวมากไปเปล่าพิม ท่องไว้เราเป็นนางเอก ไม่ใช้ตัวร้าย” โผนยังคงอารมณ์ดี เขาไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังเพื่อฉกชิงผู้ชาย
“บางครั้งเราก็อยากร้ายบ้างค่ะพี่โผน ก็ดูหล่อนสิ ลอยหน้าลอยตา ทั้งๆ ที่คนที่หล่อนฉกไปน่ะผัวชาวบ้าน” พิมรักยังเข่นเขี้ยว หล่อนมองมาลาเบลตาขวาง
“ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกน้อง หล่อนรู้...เหมือนที่เรารู้นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นคนมีชื่อเสียงอย่างหล่อน คงไม่กล้าออกตัวแรง”
โผนออกความเห็น เรื่องนี้มันซับซ้อนซ่อนเงื่อน ไม่มีใครกล้าเสี่ยงหากไม่ชัวร์พอ และไอ้หมอนั่นคงให้ความหวังหล่อนไว้ไม่ใช่น้อย หล่อนถึงไม่กริ่งเกรงสายตาใคร ไม่สนการตกเป็นข่าวกับโลแกนด้วย ทั้งๆ ที่หล่อนก็มีชื่อพอตัว
“หนูเห็นด้วยค่ะ พอเถอะพิม อย่างที่พิมบอก เขามีโครงการ และวันนี้ที่เขามา ก็คงอยากให้เรื่องของเราจบๆ ไป”
มรินญาพูดครั้งแรก หลังเงียบงันไปหลายนาที ปล่อยให้พิมรักเต้นแร้งเต้นกาอยู่เพียงผู้เดียว
“จริงดิ!! แกจะยอม ‘หย่า’ งั้นเหรอ ที่ยื้อไว้หลายปี ไม่ใช่เพราะรอให้หมอนั่นเห็นค่าหรือไง”
เมื่อก่อนพิมรักพยายามกล่อมมรินญามาตลอด เธอทั้งขู่ทั้งปลอบ แต่เพื่อนเธอก็ไม่เคยยอมตัดใจ วันนี้มรินญากลับถอยทัพเอาง่ายๆ เธอรู้ดีเพื่อนเจ็บสาหัสแค่ไหน จึงเป็นครั้งแรกที่พิมรักท้วง
“ปะ เปล่า เราแค่กลัว!!”
มันเป็นจริงอย่างที่พิมรักพูด เธอรอโลแกนมาตลอด หวังว่าสักวันเขาจะรู้ว่าหัวใจดวงเดียวของเธอมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น แต่เมื่อเห็นจะๆ ตา เธอจะยื้อเขาไว้ให้เจ็บปวดทำไม ในหัวใจของเขาไม่เคยมีเธอ ไม่ว่าอดีตหรือตอนนี้ ไม่อย่างนั้นเขาจะปล่อยเวลาทิ้งทำไมตั้ง3ปี มาปรากฏตัวก็เพราะอยากจบ เพื่อเริ่มใหม่กับคนที่เขาต้องการ