“ไหนล่ะเบอร์?”
“...”
เมื่อเห็นฉันเงียบเก้าจึงเขียนเบอร์ตัวเองใส่กระดาษแล้วเอายัดไว้ในกระเป๋าฉันอีกครั้ง
“หวังว่าจะไม่ทำหายอีกนะ”
หลายวันผ่านไป
หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่เจอเก้าอีกเลย ได้ยินโบกับแซ็กคุยกันว่ารถล้มหรือไม่สบายนี่แหละ
“เย็นนี้กลับยังไงอะ” ปูนาเอ่ย
“เหมือนเดิม”
“ถึงบ้านแล้วส่งการบ้านมาให้ลอกบ้างนะ”
“ก็ส่งให้ลอกทุกวันไหม?”
“ฮ่า ๆ อย่าเอาความจริงมาพูดสิ”
แยกกับปูนาฉันก็มารอรถอย่างเช่นทุกวันค่ะ แต่วันนี้แปลกที่รถเมล์มาช้ามากจนฟ้าจะมืดอยู่แล้วก็ยังไม่มีวี่แวว โชคยังดีที่คนอื่นก็รออยู่เหมือนกันไม่ใช่ฉันคนเดียว
ระหว่างที่ฉันรอรถก็มีมอเตอร์ไซม์คันหนึ่งจอดเทียบตรงหน้า เขาแต่งตัวมิดชิดและหันมองมาทางฉันก่อนจะเปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้น เห็นแค่ตาก็จำได้แล้วค่ะ
“...”
“เดี๋ยวไปส่ง” น้ำเสียงคุ้นหูเอ่ยพร้อมกับใช้แขนเสื้อเช็ดเบาะด้านหลังของตัวเองไปด้วย
... : มึง...
... : เขาเป็นแฟนกันเหรอวะ?
เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นเก้าทำแบบนั้นแต่ความจริงเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะคะ
“อะไรของนายเนี่ย” บ่นพึมพำแต่ก็ยอมขึ้นรถไปกับเขา
เก้าพาฉันไปทางลัดอีกแล้วค่ะ มันดีแหละที่รถไม่เยอะไม่พลุกพล่านเหมือนถนนใหญ่แต่ข้อเสียคือระยะทางมันไกลกว่าเดิมค่ะ
“ทำไมนายไม่มาโรงเรียน”
“อะไรนะ” ลมมันแรงค่ะบวกกับเสียงรถเลยทำให้ไม่ค่อยได้ยิน
“เราถามว่าทำไมไม่มาเรียน”
“รถล้มดิ แผลยังไม่หายเลยเนี่ย”
“แล้วนายไปไหนมา”
“ธุระ แต่เห็นเธอยังไม่กลับก็เลยอาสาไปส่งเท่านั้นเอง”
“ใจดีนะเนี่ย คนอื่นเขามองว่าเราเป็นแฟนกันไปแล้ว”
“ก็ช่างคนอื่นสิ”
แค่ไม่นานความเร็วของรถก็ลดลงและจอดที่สวนสาธารณะหน้าหมู่บ้านฉัน
“คิดค่ารถหรือเปล่าเนี่ย” ฉันเอ่ยอย่างไม่จริงจังมากนัก
“นั่งเป็นเพื่อนแทนคำขอบคุณได้ไหม?”
ฉันไม่ได้ตอบอะไรและนั่งลงตรงที่ว่างแถวนั้นแทน “นายนั่งกับเพื่อนน่าจะสบายใจกว่านะ”
“แล้วเธอไม่ใช่เพื่อนเหรอ”
“...”
“อย่างว่าแหละเราพาซวยไปด้วยไงใครเขาอยากจะเป็นเพื่อนกัน”
“เรายังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ” ฉันรีบค้านขึ้นก่อนที่คนตรงหน้าจะพร่ำไปเรื่อย “ถามจริงเทียวรับเทียวส่งอยู่เนี่ยต้องการอะไร?”
“เธอไม่ถามตัวเองบ้างล่ะว่าทำไมถึงยอมให้เราเทียวรับเทียวส่ง”
“ไม่รู้ดิ ก็ไม่เห็นนายจะมีพิษมีภัยอะไร” เรื่องราวของเขาก็หนาหูพอสมควรแหละค่ะ แต่ฉันคิดว่าคนเรามันไม่เหมือนกันไง เราอาจจะนิสัยไม่ดีเฉพาะกับบางคนก็ได้
“ถ้าได้รู้จักเราจริง ๆ เธออาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้”
“ลองดูไหมล่ะ”
“ลองอะไร?”
“ลองเป็นเพื่อนกันไง ดูซิว่าเราจะมองนายเปลี่ยนไปหรือเปล่า”
“ถ้าไม่รังเกียจก็ได้นะ” เก้าว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะพูดต่อ “เธอคนแรกเลยนะที่มองเราในแง่ดี”
“หืม...”
“ฮ่า ๆ ช่างมันเถอะ!”
“ไหนอะแผลรถล้ม”
“นี่ไง” เขาว่าพร้อมกับถอดเสื้อแจ็คเก็ตตัวเองออกเผยให้เห็นบาดแผลและรอยถลอกที่แขน
“รถล้มแต่ทำไมเจ็บแค่แขน?”
“อ้าว... ก็มันเป็นความสามารถพิเศษ”
“กวนตีน”
แป๊ะ!
เต็ม ๆ เหม่งเลยค่ะ “เคยบอกแล้วไงว่าให้พูดเพราะ ๆ”
“เจ็บนะ”
“สมน้ำหน้า!”
นั่งคุยกันอยู่พักใหญ่เลยค่ะกว่าจะแยกย้ายกันกลับ ว่าไปแล้วเขาก็เป็นมิตรดีนะคะ ไม่รู้สิฉันก็แค่พูดไปตามสิ่งที่ตัวเองสัมผัสได้เท่านั้นเอง
เช้าอีกวันฉันก็มาเรียนตามปกติค่ะ เก้าก็เหมือนกัน ระหว่างวันเดินสวนกันบ่อยแต่ก็ไม่ทักกันนะมองเฉย ๆ ต่างคนต่างมอง
“ไปเข้าห้องน้ำกัน” ปูนาเอ่ยชวนเมื่อถึงเวลาพักเบรค
“ไปสิ”
ห้องน้ำมันอยู่ใต้อาคารเรียนค่ะ ระหว่างที่ฉันรอปูนาทำธุระส่วนตัวฉันก็มัดผมไปด้วยเพื่อค่าเวลา
ผลัก!
“อ๊ะ! ขอโทษค่ะ” ฉันไม่ทันได้มองจึงถอยหลังไปชนพี่มอปลายคนหนึ่ง
“แหกตามองบ้างก็ดีนะ” น้ำเสียงไม่พอใจเอ่ยก่อนจะเดินจากฉันไป ก็คนมันไม่ได้ตั้งใจนี่จะหงุดหงิดอะไรขนาดนั้น
เลิกสนใจแล้วขึ้นชั้นเรียนตามปกติกระทั่งถึงตอนพักเที่ยง วันนี้เวรฉันซื้อน้ำค่ะ ส่วนข้าวฝากโบกับปูนาซื้อแล้ว
“ตอนพักกลางวันมีเรื่องกับใครเหรอ”
“เรา?”
“...” สงสัยจะเป็นตอนเข้าห้องน้ำมั้งคะ
“รุ่นพี่น่ะ ไม่ได้มีเรื่องอะไรหรอกแค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย” ฉันตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจมากนักแต่คนตรงหน้าสินิ่งเชียว
“เธอคิดว่าก่อนเราจะตั้งคำถามนี้ออกไปเราไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยสินะ”
“ไม่มีอะไรจริง ๆ เราไม่เคยยุ่งกับใคร”
“ใช่! เธอไม่ยุ่งกับคนอื่นแต่คนอื่นมันยุ่งกับเธอ”
“พูดดี ๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องขึ้นเสียงใส่เลย”
“เหอะ!”
“...”
“อย่ายอมคนให้มากนัก สู้ได้ก็สู้คนเหมือนกันไม่ต้องไปกลัวมันหรอก”
“นายกำลังสอนหรืออะไร?”
“แล้วแต่จะคิด” พลางหยิบแก้วน้ำในมือฉันไปกินอย่างถือวิสาสะ “ชอบกินโกโก้เหรอ”
“อืม”
“ขอนะ เดี๋ยวตอนเย็นซื้อคืน” จากนั้นโกโก้ของฉันก็ติดมือเขาไปเลยค่ะ สรุปก็ต้องไปต่อแถวซื้อใหม่
กลับมาที่โต๊ะถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นเพื่อนมองด้วยสายตาที่ต่างออกไป
“ตาวิเศษเห็นนะ!” เอ็กซ์มันว่าพลางมองหน้าฉันอย่างจ้องจับผิด
“อะไร?”
“ฮั่นแน่...”
“เลอะเทอะ”
“เออ เลอะเทอะจริง ๆ แหละ ผู้ชายมีตั้งเยอะแยะบนโลกใบนี้เพียงจันทร์คงไม่เอาคนแบบนั้นมาเป็นแฟนหรอก” ปูนาที่ไม่ได้สนใจใครพูดขึ้น คงเป็นเพราะเรื่องราวฉาวโฉ่ของเก้าล่ะมั้งจึงทำให้ถูกมองไปแบบนั้น
ถึงเวลาเลิกเรียนฉันก็ออกทางประตูหลังอย่างเช่นทุกวันค่ะ และแน่นอนว่าเก้าก็มาดักรอเหมือนเดิม ใช้คำว่าดักรอน่ะถูกแล้ว
“อะ! ซื้อมาคืนแล้ว” โกโก้แก้วหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าฉัน
“ขอบใจ” เรื่องอะไรจะปฏิเสธล่ะคะเดี๋ยวเสียน้ำใจแย่เลย
“ขาดเรียนหลายวันการบ้านโคตรเยอะเลย”
“ต้องการจะสื่ออะไร?”
“รู้ทันอะ” ฉีกยิ้มให้แล้วพูดต่อ “ช่วยทำรายงานหน่อยครับ”
“ส่งวันไหน?”
“พรุ่งนี้คาบบ่าย”
“ล้อเล่นป่ะเนี่ย!”
“ไม่เล่นดิ เรื่องจริงไม่ฝันด้วย”
“...”
รู้จักกันครั้งแรกก็ลากฉันเข้าห้องปกครองซะแล้ว พอเป็นเพื่อนกันแค่วันเดียวก็ลากรายงานมาให้ทำอีก ไม่อยากจะคิดเลยว่าต่อไปจะเจออะไร?