หลายวันต่อมา
" ท่านพ่อจะไปไหนหรือเจ้าคะ " หลี่น่าเอ่ยถามเมื่อเห็นบิดากลับเข้าไปในเรือนแล้วออกมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่
" พ่อจะไปสอนหนังสือที่สำนักศึกษา ลูกมีอะไรรึเปล่าอาหลี่น่า " นายท่านเมิ่งเอ่ยถามบุตรสาวที่เหมือนจะสนใจตำราในมือของตนเป็นพิเศษ
" ลูกขอไปด้วยได้หรือไม่เจ้าค่ะท่านพ่อ " หลี่น่าส่งยิ้มตาหยี่ให้บิดาอย่างออดอ้อน
" หือออ เหตุใดลูกจึงอยากไปกับพ่อเล่าอาหลี่น่า ในสำนักศึกษามีแต่บุรุษที่เข้าไปร่ำเรียนหาได้มีสตรีเช่นลูก "
" แต่ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกเป็นถึงบุตรสาวเพียงคนเดียวของจิ้นซื่อผู้เก่งกาจ ลูกย่อมต้องอยากเจริญรอยตามท่านพ่อสิเจ้าคะ "
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าช่างขี้ประจบยิ่งนักอาหลี่น่าลูกพ่อ เช่นนั้นก็ไปเถิดพ่อยอมแพ้ต่อเจ้าแล้ว "นายท่านเมิ่งหัวเราะชอบใจที่บุตรสาวเยินยอตนเอง จนเป็นเหตุให้ต้องใจอ่อนยินยอมให้บุตรสาวติดตามไปด้วย
" ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ "
" พ่อบ้านถัง ท่านจงไปแจ้งต่อฮูหยินว่าข้าจะพาคุณหนูไปที่สำนักศึกษาด้วย เราไปกันเถอะอาหลี่น่า " นายท่านเมิ่งหันไปสั่งพ่อบ้านเสร็จก็ชวนลูกสาวขึ้นรถม้าออกไปพร้อมกัน
" เรียนฮูหยินขอรับ นายท่านให้ข้ามาแจ้งฮูหยินว่าวันนี้นายท่านพาคุณหนูติดตามไปที่สำนักศึกษาด้วยนะขอรับ " พ่อบ้านถังทำตามคำสั่งของนายท่านเมิ่งอย่างแข็งขัน
" ได้เช่นไรกัน ที่สำนักศึกษามีแต่บุรุษเหตุใดจึงยอมให้ลูกติดตามไปด้วยนะท่านพี่ คอยดูเถอะกลับมาเมื่อไหร่ข้าคงต้องจัดการทั้งพ่อทั้งลูกเสียแล้ว " ฮูหยินเมิ่งบ่นอุบอิบอย่างไม่ชอบใจ ผู้ใดก็รู้ว่าสตรีต้องร่ำเรียนงานบ้านงานเรือน และศิลปะ 4 แขนง
" พ่อบ้านถัง ท่านจะเร่งไปหาอาจารย์มาสอนการเล่นดนตรีแก่อาหลี่น่าโดยเร็ว ข้าไม่อยากให้นางออกตะลอนไปสถานศึกษาตามบิดาบ่อยสักเท่าไหร่ " ฮูหยินเมิ่งสั่งการต่อพ่อบ้านถังในทันทีที่คิดได้
" ขอรับฮูหยิน " พ่อบ้านถังรับคำแล้วถอยหลังออกไปจัดการงานที่ผู้เป็นนายสั่งอย่างรวดเร็ว
ฮูหยินเมิ่งเจียอีห่วงเพียงเรื่องศิลปะดนตรีเท่านั้น ส่วนเรื่องหมากล้อม-วาด-เขียน สามีของนางย่อมถ่ายทอดแก่บุตรสาวได้ทั้งหมด แต่อย่างไรเสียนางก็คงไม่ยอมให้บุตรสาวไปสำนักศึกษาบ่อย ๆ
" กว้างใหญ่มากเลยเจ้าค่ะท่านพ่อ " หลี่น่าที่กำลังเดินตามบิดาเข้าไปในสำนักศึกษาเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น
" ฮึ ฮึ เจ้านี่ก็ตื่นเต้นไปเสียหมดนะลูกพ่อ ไปเร็วเข้าวันนี้เจ้าไปนั่งฟังพ่อสอนอยู่ห้องเดียวกันกับอาเจินดีหรือไม่ "
" ดีเจ้าค่ะท่านพ่อ "
สองพ่อลูกเดินไปตามทางที่ถูกปูด้วยกระเบื้องเป็นอย่างดี บริเวณโดยรอบมีไม้ดอกไม้ประดับจัดตกแต่งสวยงาม บ่งบอกถึงความเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดีจากผู้ที่รับผิดชอบดูแล
" อาหลี่น่า คารวะท่านอาจารย์ขอรับ " มู่เจินพึ่งลงจากรถม้าพอมองเห็นหลี่น่าเดินเข้าไปในสถานศึกษาจึงรีบเดินตามมาพร้อมกับหยางอู๋ และซูเว่ย
" พวกเจ้ามาแล้วรึ วันนี้หลี่น่าจะมานั่งเรียนกับพวกเจ้าด้วย พวกเจ้าช่วยอาจารย์ดูแลนางสักหน่อยจะได้หรือไม่ " นายท่านเมิ่งหันไปตามเสียงของลูกศิษย์ที่ดังมาจากด้านหลัง ก่อนจะฝากฝังใช้ช่วยดูแลบุตรสาวอีกแรงในระหว่างที่ตนเองต้องสอนหนังสือ
" ขอรับท่านอาจารย์/ขอรับ/ขอรับ " ทั้งสามหนุ่มน้อยตอบท่านอาจารย์ของพวกเขาอย่างพร้อมเพียง
" ลูกอยู่กับสหายนะลูก มีบางช่วงเวลาที่พ่อต้องไปสอนอีกชั้นเรียนที่มีวันโตกว่าพวกเจ้า " นายท่านเมิ่งหันมาย้ำกับบุตรสาวอีกครั้ง
" ลูกอยู่ได้เจ้าค่ะท่านพ่อ " หลี่น่ารีบตอบให้บิดาคลายความกังวลใจก่อนจะเดินตามสหายตัวน้อยทั้งสามคนไป
" อาหลี่น่า เจ้าตามพวกข้ามาเลย คนนี้คืออาเว่ย ส่วนคนนี้คืออาอู๋ ต่อไปพวกเราจะเป็นสหายสนิทกันนะ " มู่เจินรีบแนะนำให้หลี่น่ารู้จักสหายทั้งสองเพื่อจะได้พูดคุยกันได้สะดวก
" ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าชื่อ เมิ่งหลี่น่า เรียกว่า หลี่น่าก็ได้ " หลี่น่ารีบแนะนำตัวเองให้สหายตัวน้อยทั้งสองได้รู้จัก
" ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันอาหลี่น่า ข้าซูเว่ย เจ้าเรียกอาเว่ยเถอะ จะได้เป็นกันเองหน่อย " ซูเว่ยเเนะนำตัวต่อหน้าสหายคนใหม่
" ข้าชื่อ หยางอู๋ เจ้าเรียกข้าว่าอาอู๋เถอะ ต่อไปเรามาเป็นสหายกันนะอาหลี่น่า " เด็กน้อยทั้ง 4 คนเดินคุยกันไปไม่นานก็ถึงห้องเรียน
ช่วงเวลาแรกเป็นนายท่านเมิ่งที่เป็นคนเริ่มสอนห้องที่เด็ก ๆ นั่งอยู่ แต่ไม่นานก็ต้องสลับไปสอนห้องอื่นต่อ หลี่น่าจึงต้องนั่งอยู่กับสหาย ทั้ง 3 คนของเธอจนกระทั่งถึงเวลาพักกลางวันทุกคนจึงไปรวมตัวกันที่โรงอาหาร
" อาหลี่น่าลูกจะไปนั่งกินข้าวกับพ่อหรือไม่ " นายท่านเมิ่งเอ่ยถามบุตรสาวที่กำลังจะเดินไปกับสหาย
" ลูกไปนั่งกับสหายดีกว่าเจ้าค่ะท่านพ่อ " หลี่น่ารีบปฏิเสธ นางเลือกที่จะไปนั่งกับเด็ก ๆ มากกว่าที่จะไปนั่งฟังเหล่าอาจารย์พูดคุยกัน
" งั้นไปเถิด ตอนเย็นลูกรอพ่ออยู่กับกลุ่มอาเจิน ประเดี๋ยวพ่อจะเดินไปหาลูกเองเข้าใจหรือไม่ "
" เจ้าคะท่านพ่อ " หลี่น่าตอบบิดาจบก็เร่งฝีเท้าเดินไปนั่งกินข้าวกับเหล่าสหายตัวน้อยอย่างมีความสุข
' นายหญิงทำถูกแล้วขอรับ ท่านต้องปล่อยทุกอย่างเมื่อครั้งยังมีชีวิตให้กลายเป็นเพียงอดีตไป และเริ่มต้นใหม่ไปพร้อม ๆ กับสหายเหล่านี้ ' จินเหอที่กลายร่างเป็นมดตัวเล็กอยู่ในกระเป๋าภายในแขนเสื้อส่งกระเเสจิตกล่าวกับผู้เป็นเจ้านายของตน
' ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันจินเหอ ว่าแต่เจ้ากินอะไรเป็นอาหารรึ อยู่ด้วยกันมาหลายวันข้าไม่ยักจะเห็นเจ้าอยากกินอันใด ' หลี่น่าใช้วิธีเดียวกันในการสื่อสารกลับ
' ข้าเป็นสัตว์วิเศษไม่หิวและไม่ต้องกินอันใดก็อยู่ได้ขอรับ แต่หากจะกินก็ได้เช่นกัน '
' อ่อ เป็นเช่นนี้เองรึ '
" อาหลี่น่า เหตุใดเจ้าไม่พูดไม่จา เจ้าเป็นอันใดหรือไม่ อยากให้ข้าไปแจ้งท่านอาจารย์รึเปล่า " มู่เจินที่เห็นสหายนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาเลยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
" ไม่ ๆ ข้าแค่คิดเรื่องบทเรียนที่พึ่งฟังมาเมื่อครู่ เจ้ากินข้าวเถอะ " หลี่น่ารีบตอบสหายทั้งยังทำท่าทางกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
" ข้าแบ่งให้เจ้าอาหลี่น่า " มู่เจินคีบเนื้อหมูใส่ถ้วยข้าวให้หลี่น่า พอคนอื่น ๆ เห็นก็รีบทำเช่นเดียวกัน
" ข้าให้เจ้าเช่นกัน รับรองว่าจานนี้อร่อยกว่าของอาเจินแน่นอน " ซูเว่ยรีบคีบอาหารอีกจานหนึ่งให้หลี่น่า
" ข้าให้เจ้าด้วย นี่ เอาไปเลยชิ้นใหญ่ ๆ " หยางอู๋เองก็เอาใจสหายที่เป็นสตรีเพียงคนเดียวในกลุ่มเช่นกัน
" ขอบใจพวกเจ้ามาก นี่ ข้าให้พวกเจ้าทุกคน " หลี่น่านั่งมองสหายทั้ง 3 คีบอาหารใส่ถ้วยข้าวให้อย่างจริงใจไร้การเสแสร้งปรุงแต่งเหมือนที่เคยเจอมา นางจึงคีบอาหารให้ทั้ง 3 คนเป็นการตอบแทน
กินข้าวเสร็จทั้ง 4 คนก็พากันไปเล่นปั่นจิ้งหรีดก่อนรีบเข้าห้องเรียนเมื่อถึงเวลา จวบจนกระทั่งถึงเวลาที่ต้องกลับบ้าน หลี่น่ายืนรอบิดาอยู่หน้าอาคารโดยมีสหายทั้ง 3 อยู่เป็นเพื่อน ทั้งที่รถมาของตระกูลเฉินมารับแล้วแต่พวกเขาก็เลือกจะอยู่เป็นเพื่อนหลี่น่าต่อ
" พวกเจ้าพากันกลับไปเถอะ ข้ารอท่านพ่ออยู่ตรงนี้ได้ " หลี่น่าเอ่ยกับสหายทั้งสามที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ยอมขยับไปไหน
" ไม่ได้/ไม่/ไม่ ข้ารับปากท่านอาจารย์ไปแล้ว ข้าต้องทำตามที่พูด " มู่เจินตอบกลับอย่างชัดเจน จนหลี่น่าต้องปล่อยไปตามที่ทุกคนต้องการ
" รอนานหรือไม่ลูกพ่อ " นายท่านเมิ่งสั่งงานลูกศิษย์ห้องอื่นเสร็จก็รีบตามออกมาหาบุตรสาว
" ไม่นานเจ้าค่ะท่านพ่อ "
" เช่นนั้นพวกเรากลับจวนกันเถอะ ขอบใจพวกเจ้าทั้ง 3 มากที่ช่วยอาจารย์ดูแลหลี่น่า " นายท่านเมิ่งกลับกับมู่เจินเเละเพื่อน ๆ ที่ยืนอยู่ข้างบุตรสาว
" อาหลี่น่าคือสหายของพวกเราขอรับท่านอาจารย์ พวกเราช่วยดูแลเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วขอรับ " มู่เจินเป็นตัวแทนของทุกคนตอบกลับท่านอาจารย์อย่างสุภาพ
" หึ หึ ดีจริงลูกพ่อ ต่อไปเจ้าจะได้มีสหายเล่นเหมือนคนอื่น ๆ " นายท่านเมิ่งปลื้มใจที่บุตรสาวเข้ากับทุกคนได้ ตั้งแต่เกิดมาน้อยครั้งมากที่บุตรสาวจะได้ออกมาใช้ชีวิตนอกจวน เรื่องสหายยิ่งแล้วใหญ่
ทุกคนแยกย้ายกันขึ้นรถม้ากลับบ้านของตน พอนายท่านเมิ่งและหลี่น่าลงจากรถม้าได้ก็ถูกฮูหยินเมิ่งบ่นจนหูชา อีกทั้งวันพรุ่งนี้ฮูหยินเมิ่งไม่ยอมให้หลี่น่าไปกับบิดาอีก แต่จัดหาคนมาสอนนางดีดพิณอยู่ที่จวนแทน