กักบริเวณ
เวลา 3 ทุ่มเป็นเวลาที่ทุกคนคงจะต้องเตรียมตัวเข้านอนหรือบางคนก็ต้องอยู่กับครอบครัว แต่ต่างจากมินนาราที่กำลังแต่งตัวสวยเพื่อที่จะออกไปท่องราตรี เพื่อสังสรรค์กับแก็งค์เพื่อนสาวซึ่งเธอก็ทำแบบนี้ทุกคืน
“มินวันนี้แกสวยเวอร์ แซ่บเวอร์....”
ส้มเพื่อนสนิทสุดเปรี้ยวจี๊ดของมินนาราชมเธอที่เห็นเธอกำลังเดินเข้ามา
“ส้มแกนี่พูดเวอร์จริงๆ ฉันก็สวยของฉันแบบนี้อยู่แล้วปะวะ...”
ส้มมองหน้าเธออย่างหมั่นไส้ในความมั่นหน้าของเพื่อนตัวเอง
“หมั่นเวอร์....”
“ชิส์..วันนี้น้ำหวานมันจะมาปะวะ ฉันเห็นมันเงียบไปเลย..?”
น้ำหวานคือเพื่อนอีกคนในกลุ่มของมินนารา
“มาดิ ฉันโทรหามันแล้วมันบอกกำลังมานะ”
“งั้นรอมันก่อนแล้วกัน แล้วเดี๋ยวค่อยเข้าไป”
ทั้งคู่ยืนรอน้ำหวานหน้าร้าน แล้วอยู่ๆก็มีคนวิ่งผ่านมากระชากกระเป๋าของมินนาราไปแล้วก็รีบวิ่งไปทันที
“เฮ้ย! กระเป๋าฉัน...”
มินนารารีบวิ่งตามไปทันทีโดยที่มีส้มวิ่งตามไปด้วยอีกคน
“มิน ส้ม...”
น้ำหวานลงมาจากรถแท็กซี่พอดีตะโกนเรียกเพื่อนแต่อยู่ๆ เพื่อนเธอก็วิ่งไปอีกทางเธอเลยต้องวิ่งตามไปเพราะสงสัยว่าพวกเธอไปไหนกัน
“หยุดนะ..ไอ้ขี้ขโมย ฉันบอกให้หยุด”
มินนาราวิ่งมาอย่างไม่ลดละโดยไม่ได้รู้เลยว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับเธอต่อจากนี้ เพราะมันคือกับดักที่ล่อเธอเข้ามา
“มิน รอด้วย ช้าๆ ดิวะ”
ส้มวิ่งตามมาแต่ก็ไม่ทันแล้วแล้วอยู่ดีๆมินนาราก็หายตัวไป จนน้ำหวานวิ่งตามมาทัน
“แฮ็กๆๆๆ ...พวกแกวิ่งมาทำไมกันวะ..ฉันเหนื่อยนะเนี้ย..?”
“น้ำหวานมินหายไปไหนวะ เมื่อกี้ฉันยังวิ่งตามมันมาอยู่เลยนะ..?"
น้ำหวานหันไปมองรอบๆ แต่นี่มันที่ไหนละเนี้ย
“แล้วพวกแกวิ่งเข้ามากันที่นี่ทำไมวะ แล้วที่นี่ที่ไหน..?”
“ก็กระเป๋าไอ้มินโดนโจรกระชากอะดิ นี่ฉันวิ่งตามมันมาติดๆเลยนะแต่ว่าตอนนี้มันหายไปไหนแล้วไม่รู้อะ”
น้ำหวานมองส้มตาโตที่รู้ว่ามินนาราวิ่งตามโจรมามือเปล่า
“พวกแกเนี้ยนะวิ่งตามโจรมา จะบ้าหรือเปล่าถ้าพวกมันมีอาวุธจะทำยังไง..แล้วนี่มินหายไปด้วย ก่อนจะวิ่งมาทำไมพวกแกไม่ตะโกนให้คนช่วยหรือโทรเรียกตำรวจกันก่อนวะ..?”
น้ำหวานมองหน้าเพื่อนดุๆ แต่ก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาพ่อกับแม่ของมินนาราเพื่อแจ้งให้ทราบ
“ระหว่างที่เรารอพ่อแม่ของมินแล้วก็ตำรวจ เราคงต้องหามินไปเรื่อยๆ ก่อนแล้วกัน”
“แกลองโทรหามินดิว่าติดมั้ย..?”
น้ำหวานสั่งให้ส้มโทรหามินนาราทันทีแต่ก็ไม่มีคนรับสาย
“ไม่รับวะ...มินอยู่ไหนของมันวะ ทำไมมันไม่รับสายเลย”
ส้มเริ่มใจไม่ดีเพราะความเป็นห่วงเพื่อน
“ใจเย็นๆ แก มินมันอาจจะวิ่งตามโจรไปที่ไหนสักแห่งก็ได้ ฉันว่าเราลองไปดูทางนู้นกันมั้ย”
น้ำหวานชี้ไปทางขวาที่ดูโล่งๆแต่มันเงียบแล้วก็มืดมาก ถึงมันจะดูน่ากลัวแต่พวกเธอก็เป็นห่วงมินนารามาก จึงยอมเสี่ยงเดินเข้าไป
>>>> กริ๊งงง
"กรี๊ดดดด"
ทั้ง 2 คนสะดุ้งพร้อมกัน แล้วน้ำหวานที่ตั้งสติได้ก่อนก็หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมารับ
“ตกใจหมดเลย..”
(ค่ะ หนูทราบค่ะ ได้ค่ะคุณพ่อ...หนูจะรออยู่ที่เดิมนะคะ...)
น้ำหวานวางโทรศัพท์แล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป
“เกิดอะไรขึ้นวะแก..?”
ส้มถามน้ำหวานขึ้นหลังจากที่เธอดูเงียบไป
“พ่อมินโทรมาบอกว่า ไอ้คนที่ขโมยกระเป๋ามินไปจับตัวมินไปเรียกค่าไถ่ 30 ล้าน”
“อะไรนะ..เรียกค่าไถ่หรอ..?”
“อืมมม พ่อของไอ้มินบอกว่ากำลังไปเตรียมเงินแล้วให้พวกเรารออยู่ที่เดิมอย่าเพิ่งไปไหน จะให้ตำรวจมาหาที่นี่แต่ให้ส่งโลเคชั่นไปให้แล้วพวกท่านจะรีบมา”
“นี่อะไรกันวะ ทำไมอยู่ดีๆ มินถึงโดนจับตัวไปเรียกค่าไถ่ได้ นี่ฉันนึกว่ามันจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแล้วสะอีกนะ”
ส้มที่ทำหน้าหนักใจเพราะเธอจำได้ว่ามินนาราเคยโดนจับตัวไปแบบนี้แล้วถึง 2 ครั้ง จนพ่อของเธอต้องจ้างบอดี้การ์ดส่วนตัวมาดูแล แต่พอเรื่องมันซาไปแล้วดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มินนาราก็ใช้ชีวิตปกติมาตลอด 2 ปี แต่ตอนนี้เหตุการณ์พวกนั้นมันกลับมาอีกแล้ว
“แล้วเราจะรอกันแบบนี้อะหรอ ไม่รู้มินเป็นยังไงบ้าง ทำไมพวกมันถึงต้องจับตัวมินไปด้วยวะ..?”
พวกเธอมองหน้ากันอย่างสงสัยว่าทำไมมินนาราถึงถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ
....
ธุรกิจสายการบินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศและความมีชื่อเสียงของตระกูลศิริวัฒนาไพศาล มีเจ้าของเพียงคนเดียวคือคุณมนตรี ศิริวัฒนาไพศาล พ่อของมินนารา ศิริวัฒนาไพศาล ซึ่งเขามีเธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว และเธอก็คือผู้สืบทอดธุรกิจหลายพันล้านที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อให้เธอแต่เพียงผู้เดียว เขาจึงรักและตามใจเธอทุกอย่าง
และไม่ว่าเขาจะหยิบจับอะไรก็เป็นที่จับตามองไปหมด นี่จึงเป็นต้นเหตุที่ทำให้มินนาราต้องโดนจับไปเรียกค่าไถ่ถึง 2 ครั้ง และครั้งนี้ก็ด้วยเช่นกันแต่สุดท้ายเธอก็รอดกลับมาได้ทุกครั้งโดยไม่มีอันตรายไดๆ
“มิน...”
ส้มและน้ำหวานยิ้มดีใจที่มินนาราถูกช่วยมาได้อย่างปลอดภัย
“แกเป็นยังไงบ้าง..แกปลอดภัยใช่มั้ย พวกมันทำอะไรแกหรือเปล่า..?”
ส้มถามขึ้นทันทีที่เห็นมินนาราเดินออกมาจากจุดที่โจรจับตัวเธอไป
“ฉันไม่เป็นรัยแก ..พวกมันไม่ได้ทำอะไรฉันเลย”
มินนาราหันมายิ้มให้เพื่อนทั้ง 2 คน จนพวกเธอสบายใจ
“มิน กลับบ้านไปคุยกับพ่อเดี๋ยวนี้”
มินนาราหันไปหาพ่อของเธออย่างกลัวๆ เพราเธอรู้ดีว่าพ่อคงโกรธเธอมากที่เธอขัดคำสั่งออกมาเที่ยวแบบนี้
“ฉันไปก่อนนะแก แล้วเดี๋ยวฉันโทรหานะ”
มินนาราหันไปลาเพื่อนๆของเธอ แล้วก็เดินตามหลังผู้เป็นพ่อขึ้นรถออกไป
“แกคิดว่าไอ้มินมันจะรอดปะวะ..เวลาพ่อมันโกรธนะโคตรดุเลย มันต้องโดนพ่อกักบริเวณไปอีกหลายวันแน่ๆเลยวะ”
น้ำหวานมองตามไปรถไปด้วยความเป็นห่วงมินนารา
มินนารานั่งรถมาเงียบๆตลอดทางโดยในรถมีพ่อของเธอนั่งอยู่ด้วย รถขับมาจอดหน้าบ้านเธอลงรถแล้วก็กำลังจะเดินเข้าบ้านแม่ของเธอก็วิ่งเข้ามากอดเธอไว้ทันทีด้วยความเป็นห่วง
“มิน ลูก..ปลอดภัยใช่มั้ย พวกมันทำอะไรลูกหรือเปล่า..เจ็บตรงไหนมั้ยไหนแม่ดูซิ..?”
แม่จับตัวเธอหมุนไปมาด้วยความเป็นห่วงลูกสาว
“มินไม่เป็นอะไรค่ะแม่ มินปลอดภัยดี”
“ทำไมถึงออกไปเที่ยวแบบนั้น แม่เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้ามินจะไปไหนต้องมีบอดี้การ์ดไปด้วย มินจะเดินออกไปคนเดียวแบบนี้ไม่ได้”
“ก็มินไม่อยากให้ใครมาคอยตามมินนี่คะ มินต้องการอิสระบ้างมินเบื่อที่จะต้องมีคนคอยตามตลอดเวลา”
พ่อเธอหันมามองด้วยความโมโห
“ก็เพราะแกเป็นแบบนี้งัยแกถึงได้โดนไอ้พวกโจรจับตัวไปอยู่เรื่อย..จะต้องให้ฉันเสียเงินอีกกี่สิบล้านเพื่อไปไถ่ตัวแก เด็กที่ไม่รู้จักคิดอย่างแก”
มินนารามองพ่อด้วยความโกรธ
“แล้วทำไมมินจะต้องโดนพวกโจรมันจับตัวไปตลอดเวลาเลยละคะ งานของคุณพ่อมันมีอะไรที่ทำให้มินต้องมาถูกจับตัวไปแบบนี้ละคะ..?”
“มินนารา...”
พ่อเสียงดังใส่จนเธอเงียบขึ้นมาทันที
“มิน แม่ว่าเราขึ้นไปข้างบนกันดีกว่านะลูก กลับมาเหนื่อยๆ”
แม่รีบพูดแทรกพ่อของเธอขึ้นมาทันทีที่เห็นทั้ง 2 คนเริ่มจะทะเลาะกัน
“หลังจากนี้แกห้ามออกไปไหนทั้งนั้น อยู่ที่บ้านจนกว่าฉันจะอนุญาต...”
พ่อพูดในระหว่างที่เธอกำลังจะเดินไปแต่เธอก็ชะงักหันมามองพ่อด้วยความไม่พอใจ
“พ่อ...”
เธอกำลังจะพูดเถียงออกไป แต่ก็โดนแม่ดึงแขนไว้เพื่อปราม
“คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะดูแลลูกเอง..”
แล้วแม่ก็พาเธอเดินขึ้นห้องไป โดยที่เธอทำอะไรไม่ได้ ได้แต่คิดว่านี่เธอจะต้องโดนกักบริเวณไปอีกนานแค่ไหน เธอเบื่อที่จะต้องเป็นแบบนี้