Ep7 : การเสแสร้งที่เสมือนจริง (จบบท)

2987 คำ
เช้านี้เป็นวันเสาร์งามเด่นไม่มีกิจกรรมทางมหาวิทยาลัย หญิงสาวจึงนั่งรถประจำทางกลับบ้าน ส่วนพ่อยังต้องทำงานต่ออีกหนึ่งวัน พรุ่งนี้ถึงเป็นวันหยุดของท่าน เธอกับพ่อเลยนัดกันจะไปเดินเลือกซื้อต้นไม้ที่ตลาดนัดจตุจักร อาหารเช้าแบบง่ายๆเป็นข้าวต้มหมูเนื้อเด้งของชอบของงามเด่น กลิ่นหอมลอยอวลชนปลายจมูกเล็กรั้น ช่วยเรียกน้ำลายให้สอเป็นอย่างดี ใบหน้าขาวเพิ่งผ่านการเช็ดจนแห้งมาหมาดๆโดยปราศจากแม้กระทั่งแป้งฝุ่นฉีกยิ้มกว้าง ผมหน้าม้ามัดรวมเป็นกระจุกลวกๆยังเปียกน้ำชื้นๆ บ่งบอกว่าคงรีบจริง พ่อเงยหน้าขึ้นมองลูกสาว แล้วก็ส่งยิ้มกว้างตอบรับ ดวงตาของท่านยิบหยี คล้ายกับดวงตาของลูกสาวไม่ผิดเพี้ยน “ดูผอมไปหน่อยนะเรา...เงินไม่พอใช้หรือไง พ่อจะได้เพิ่มค่าขนมให้...” ลูกสาวหมุนตัวโชว์ หัวเราะคิดคัก “ช่วงนี้เด่นทำกิจกรรมเยอะค่ะพ่อ มีเงินแต่ไม่ค่อยมีเวลาใช้ อีกอย่างพี่มิ่งก็ชอบขนงานมาให้เด่นทำอยู่บ่อยๆ พ่อไม่ต้องเพิ่มค่าขนมให้เด่นหรอกนะคะ เด่นพอใช้” เธอตอบพ่อเสียงใส เดินอ้อมโต๊ะอาหารมานั่งยังเก้าอี้ประจำ โน้มศีรษะสูดกลิ่นหอมของข้าวต้มในชามตรงหน้า ดูเหมือนว่าจะมีส่วนผสมของเม็ดข้าวน้อยกว่าส่วนของเนื้อหมูเด้ง ยามเธอกลับบ้านมาทีไร บนโต๊ะอาหารล้วนแล้วมีแต่ของโปรดของชอบของเธอทั้งนั้น พ่อชอบเข้าครัวทำอาหารให้เธอทานเกือบทุกมื้อมาตั้งแต่เธอยังเล็ก ตอนงามเด่นพอรู้ความงามเด่นยังพอจำได้ว่ารสมือพ่อไม่ค่อยน่าพิสมัยเท่าไหร่นักหรอก แต่เธอก็ชมพ่อว่าอร่อยกว่าซื้อป้าแม่ค้ากินเป็นไหนๆ พ่อมักเดินมายีหัวเธอแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะชอบใจ ‘ ถ้าอร่อยเด่นก็ต้องกินให้เยอะๆนะลูก...’ แล้วข้าวอีกหนึ่งทัพพีจะถูกเพิ่มเข้ามาในจานพูนๆ ต่อจากนั้นเสียงหัวเราะของพ่อก็จะดังขึ้นอีกเป็นเท่าตัว การใช้ชีวิตสองคนพ่อลูกค่อนข้างที่จะราบเรียบ ไม่ได้ลำบากหรือมีปัญหามากมาย เพราะพ่อยังมีครอบครัวที่คอยหนุนหลัง คอยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเสมอ และถึงแม้นว่าตอนยังเด็กเธอจะไม่มีแม่คอยดูแลเอาใจใส่ แต่เธอก็ไม่เคยขาดแคลนความรักเมื่อสิ่งนั้นถูกเติมเต็มจากผู้ชายวัยกลางคนตรงหน้า ชนิดไม่มีขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย ความจำตอนวัยเยาว์หวนกลับเข้ามา ตอนเธอยังไม่เข้าโรงเรียนแล้วพ่อต้องออกไปทำงานนอกบ้านทุกวัน เธอก็จะมีคุณปู่กับคุณย่าในวัยเกษียณ คอยสลับสับเปลี่ยน ขับรถมารับเธอไปเลี้ยงที่บ้านของพวกท่าน ซึ่งอยู่กับคุณอาผู้หญิง ตอนนี้ท่านเป็นสาวโสดที่มีความสุขที่สุด บ้านปู่กับย่าอยู่ถัดห่างจากบ้านเธอกับพ่อไปอีกสองซอย ตอนเช้าก่อนพ่อจะออกไปทำงาน ก็จะเป็นปู่หรือไม่ก็ย่าคอยขับรถมารับหลานตัวน้อยถึงหน้าบ้านพ่อ ส่วนตอนเย็นพ่อจะเป็นคนแวะไปรับเธอที่บ้านปู่กับย่าเอง เนื่องจากบางวันพ่อต้องอยู่ทำโอทีที่ทำงานจึงไม่ค่อยมีเวลาแน่นอน... รถของพ่อแล่นออกไปไม่ถึงนาที เป็นช่วงเวลางามเด่นกำลังหมุนตัวเองกลับเข้าบ้าน กลับมีรถไม่คุ้นตาแล่นเข้ามาจอดชิดริมถนนใกล้กับประตูรั้วบ้านของเธอ งามเด่นหันกลับไปมองก่อนหัวคิ้วเรียงตัวสวยจะกดลงต่ำ เธอว่าเธอเห็นคนตัวสูงๆหุ่นนักกีฬา กับแว่นตากันแดดสวมทับใบหน้าขาวเกลี้ยงเกล้าราวกับหนุ่มนักเรียนนอกจบใหม่ เขากำลังก้าวลงมาจากรถเก๋งคันสวยด้วยท่วงท่าแสนจะธรรมชาติ ทว่ากลับตรึงขาทั้งสองข้างของงามเด่นให้หยุดอยู่กับที่ ใครคนนั้นเหมือนจะเป็นนายกรกนก... งามเด่นยกมือขยี้ตามองให้ชัด เป็นนายกรจริงๆเสียด้วย พลันขาทั้งสองข้างจึงค่อยๆเปลี่ยนทิศทาง เธอเดินย้อนกลับมาตรงประตูรั้วหน้าบ้านด้วยสีหน้าเหวอๆอีกหน...หนแรกเธอเดินมาส่งพ่อ ส่วนหนนี้เธอเดินย้อนมาหาใครที่ไม่คิดว่าชาตินี้ทั้งชาติเขาจะพาตัวเองมาหาเธอถึงบ้าน มันคงต้องมีเหตุผลกลใดนั่นแหละ และเหตุผลกลนั้นจะต้องสำคัญสำหรับนายกรเอามากๆ “สวัสดี...” คนตัวสูงนอกรั้วยกมือพร้อมเอ่ยทักก่อน สีหน้าเขาดูกระอักกระอ่วน งามเด่นมองเขาเพียงครู่แล้วจึงก้มลงถอนกลอนประตัวรั้วผลักให้มันเปิดกว้าง “เข้ามาข้างในก่อนสิ” “ขอบใจ...” คนตัวสูงรอดผ่านประตูรั้วเข้ามายืนฝั่งของตัวบ้านปูนสองชั้นแนวโมเดิร์น หลุบสายตามองเจ้าของบ้าน “แล้วนี่นายมาบ้านฉันถูกได้ยังไง...” “แล้วมันยากตรงไหน? ถ้าฉันมีไอ้นี่ พร้อมเบอร์ของเพื่อนทุกคนในคณะ...” เพราะว่าสายตาจับจ้องคนถามอยู่ก่อน กรกนกเลยสวนตอบทันควัน เขายกโทรศัพท์มือถือให้ดู สายตาคมกริบเหลือบสำรวจบ้านหลังกะทัดรัดที่บริเวณส่วนมากร่มรื่นด้วยขนาดของต้นไม้ใหญ่ผลิใบหนา ที่ว่างระหว่างกลางมีแปลสำหรับนอนเล่น รอบข้างยังมีดอกเข้มสีแดงสดรายล้อมด้วยกระถางดอกคาร์เนชั่นสีชมพูอมขาว บ้านไม่ถึงกับหรูหราก็จริงทว่าก็น่าอยู่ไปอีกแบบ “ก็ยากตรงที่นายมาหาฉันถึงบ้านนี่แหละ เอาจริงๆตอบมาตรงๆ นายมาหาฉันทำไม?...” งามเด่นเท้าสะเอวหันไปเผชิญหน้ากับคนตัวสูงกว่าพร้อมเงยหน้ามองคนที่เมินเฉยต่อเธอทุกครั้งที่พบเจอ แต่แล้วจู่ๆเขากลับโผล่มาหาเธอถึงบ้านด้วยสายตาครุ่นคิด “ถ้าบอกว่ามาหาเพราะความคิดถึง เธอจะเชื่อฉันไหมล่ะ?” “ไม่เชื่อ และไม่มีวันจะเชื่อนายด้วย” “นั่นไง...ว่าแล้วเธอต้องไม่เชื่อ รู้ไหมฉันต้องเรียกความกล้ามากแค่ไหนถึงจะขับรถมาหาเธอถึงบ้านได้สำเร็จ...” “ไม่รู้...” งามเด่นตอบเสียงกระแทก ตายังจ้องกรกนกเขม็ง “แต่ที่รู้ๆ เหตุผลที่ทำให้นายกล้ามาหาฉันถึงที่นี่ ต้องเกี่ยวข้องกับพี่มิ่ง” “เธอรู้?...” กรกนกถามพลางโน้มศีรษะลงต่ำ ดวงตาเขาสบกับนัยน์ตาลูกกลมโตที่รู้ทัน ใช่...เขาอยากรู้รายละเอียดของหมอนั่นเพิ่ม หลายวันมานี้เขาเอาแต่ใฝ่คิดถึงเรื่องแม่กับผู้ชายคนนั้นจนหัวแทบระเบิด “ฉันจะเล่าให้นายฟังทั้งหมด แต่ฉันมีเงื่อนไข...” กรกนกขมวดคิ้ว สายตาดูกังขา “คงไม่ใช่...ให้ฉันยอมรับเธอเป็นแฟนหรอกนะ” “บ้า...ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย แล้วโปรดจงเข้าใจให้ถูกต้องด้วยนะตอนนี้ฉันไม่ได้พิศวาสในตัวนายอีกแล้วย่ะ นายไม่ได้อยู่ในสายตาฉันนับตั้งแต่วันที่นายบอกปฏิเสธ...” งามเด่นย้ำเสียงหนักพลางส่งค้อนควัก หัวใจเธอเต้นตึกตัก เหมือนถูกนิ้วที่มองไม่เห็นสะกิดโดนแผลตกสะเก็ด ทำให้รู้สึกเจ็บๆคันๆ อยู่เหมือนกันจะบอกว่าไม่รู้สึกเลยก็คงไม่ใช่ ในความคิดงามเด่นตอนนี้เธออยากมีเครื่องไทม์ แมชชินจัง...จะได้นั่งย้อนเวลากลับไปวันที่น่าอับอาย...แล้วจัดการแก้ไขโดยการเชิดหน้าใส่หมอนี่แทนการสารภาพรัก “งั้นเหรอ?...” กรกนกส่งเสียงหึในลำคอ มุมปากเขากระตุกยิก แกล้งขยับเท้าเข้ามาใกล้ เขาว่าเขาเห็นแววตาของคนโกหก “แน่นอนพันเปอร์เซ็นต์...” “ก็ดี...ฉันจะได้ไม่ต้องคอยระแวงเธอ” “เวอร์เกินไปแล้วนายกร ถึงฉันจะเคยบอกว่าชอบนายแต่นั่นมันก็เมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นฉันยังไม่ประสีประสาเรื่องความรัก แต่ตอนนี้ไม่ใช่ไง ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ เวลาตั้งนานขนาดนั้น ทำไมฉันจะต้องมาจมปลักกับคนที่บอกว่าไม่ชอบด้วยเล่า แล้วอีกอย่างเลยนะ...บนโลกกว้างๆใบนี้นายก็ไม่ใช่ผู้ชายคนเดียวสักหน่อย” งามเด่นพูดยาวแต่ดวงตากลับหลุบมองเพียงพื้นปูน มือทั้งสองข้างกำอยู่ข้างลำตัว ความชอบในตัวเขาอาจจะลดลงตามกาลเวลาก็จริงแต่ก็ยังมีความรู้สึกพิเศษบางอย่างเหลือเป็นใยบางๆปกคลุมล้อมรอบดวงใจของเธอเอาไว้ กรกนกไหวไหล่ไม่ยอมรับ เขาก็ไม่เดือดร้อนสักหน่อย “ฉันมีข้าวต้มหมู นายสนใจไหม? ท้องอิ่มแล้วค่อยมาว่ากันอีกที” “ก็น่าสนใจ...ท้องฉันกำลังหิวอยู่พอดี” อาคันตุกันผู้มาเยือนชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ยตอบรับ “งั้นก็เชิญคะคุณชาย...” ----------------------------- นอกจากเมื่อวานกรกนกจะทำให้หัวใจเธอวายตายตั้งหลายรอบ พอรุ่งเช้าของวันอาทิตย์เขาก็ขับรถมาจอดนอกรั้วบ้านตรงจุดเดิม เขายืนส่งยิ้มกว้างจนแลเห็นฟันขาวเกือบครบทุกซี่ รอให้เธอที่เดินออกมาด้วยสภาพสีหน้างุนงงมาเปิดประตูรั้วเล็กให้ “สวัสดี...” เขายกมือทักทาย ก้มตัวลอดประตูรั้วเข้ามา คนยืนรออีกฝั่งกอดอกพร้อมเอียงคอมอง “นายมาบ้านฉันทำไมอีก?...” เธอถามเขาตรงๆ เข้าใจว่าเมื่อวานเธอตอบคำถามในสิ่งที่เขาอยากรู้เกี่ยวกับตัวของพี่มิ่งจนหมดเปลือก คาดว่ายังไงซะงานนี้ถ้าพี่มิ่งไม่ได้งานก็คงได้แฟนบอยเพิ่มมาอีกคน ยังติดแต่เงื่อนไขต่อรองเธอยังไม่ใช้สิทธิ์นั้น ยังไม่รู้จะให้เขาทำอะไร “ฉันแวะซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาฝาก วันนี้พ่อเธอหยุดอยู่บ้านใช่ไหม พาไปไหว้พ่อหน่อยสิ อยากฝากเนื้อฝากตัว...” เขาโชว์ถุงของกินในมือพร้อมกับคำพูดเปล่งๆ ทำให้หัวใจคนฟังกระตุก งามเด่นจ้องหน้าคนพูดไม่คิด คันปากอยากจะพูดแต่ก็ยั้งไว้...เขามาฝากตัวผิดคนหรือเปล่า พ่อเธอเป็นคนละคนกับพ่อของพี่มิ่ง แต่ก็เอาเถอะ...ไหนๆก็มาแล้วจะไล่กลับก็ดูจะใจร้าย งามเด่นจึงพยักหน้า “ตามมาสิ พ่อทำกับข้าวอยู่ในห้องครัว เช้านี้พ่อจะทำราดหน้าทะเลให้กิน ถือว่านายโชคดีสุดๆ” “ดีเลยฉันจะได้ขอบคุณท่านเรื่องข้าวต้มเมื่อวานนี้ หมูเด้งรสชาติอร่อยกว่าร้านในห้างที่ฉันเคยกินมาเสียอีก” “พ่อได้ยินคงดีใจแย่ละ.. แต่ตอนสายๆฉันกับพ่อจะออกไปซื้อต้นไม้ที่ตลาดนัดจตุจักร นายจะไปด้วยกันไหมล่ะ” คล้ายจะพลั้งปากมากกว่าชวนจริงจัง พอถามออกไปแล้วงามเดนก็หน้านิ่วคิ้วขมวด อยากจะตบปากตัวเองสักที “ไปสิ...ไม่ได้เดินที่นั่นนานแล้วเหมือนกัน ไม่รู้เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน งั้น...เอารถฉันไปก็แล้วกัน พ่อเธอจะได้นั่งสบายๆหน่อย” คนถูกชวนขันอาสาด้วยท่าทางกระตือรือร้น “วันนี้นายจะมาหาข่าวอะไรอีก หรือจะให้ฉันพาไปหาพี่มิ่งเลยดีไหม นายจะได้ไม่เสียเวลา...” “ฉันมาหาเธอ ไม่ได้มาหาข่าว” “ก็อยากจะเชื่อหรอกนะ ถ้าสองปีมานี้นายไม่เอาแต่ทำหน้าบึ้ง แล้วก็พร้อมจะเมินใส่ฉันตลอดเวลา” กรกนกหัวเราะ เขายกมือข้างไม่ได้ถือของกินยีหัวหญิงสาว งามเด่นเอียงศีรษะหลบ ส่งค้อนเขาตาคว่ำ “ก็ใครใช้ให้เธอมาสารภาพรักฉันล่ะ ฉันก็เลยระแวงกลัวจะถูกเธอจับปล้ำไง” “ฉันนี่นะ จะกล้าไล่ปล้ำผู้ชาย” งามเด่นทำตาโต อุทานเสียงสูง “ก็หัดส่องกระจกตอนเธอจ้องหน้าฉันบ้างสิ จะได้รู้...” “บ้า...” ทั้งสองพูดคุยหยอกล้อกันเข้ามาภายในบ้าน พิชัยยังสวมผ้ากันเปื้อนเดินใบหน้ายิ้มแป้นออกมาจากห้องครัวพอดี หนุ่มวัยกลางคนที่มีดวงตาคล้ายกับลูกสาวยิ้มจนตาหยี พลางยกมือรับไหว้เพื่อนของลูกสาวที่เพิ่งเคยเห็นหน้าวันนี้ “พ่อคะ...นี่กรค่ะ” “สวัสดีครับคุณลุง” “จ้ะ...สวัสดี ตามสบายนะลูก เดี๋ยวมาทานราดหน้ารสเด็ด ฝีมือพ่อครัวหัวป่าอย่างลุงด้วยกัน ตอนนี้เหลือแค่ผัดเส้นก็เป็นอันเสร็จกระบวนการผลิต รอไม่นานรับรองได้กิน...” คุณพิชัยพูดติดตลก “ขอบคุณมากครับ ผมซื้อน้ำเต้าหู้มาฝากคุณลุงด้วย” กรกนกตอบรับเสียงนอบน้อม เขายื่นถุงของกินในมือส่งให้งามเด่นเอาไปตั้งโต๊ะเป็นมื้อเช้า พิชัยยิ้มเอ็นดู...รู้จักมีของติดไม้ติดมือมาฝากผู้ใหญ่ ดูบุคลิกท่าทางก็ไม่เลว แบบนี้พ่อให้ผ่าน... “ขอบใจมากลูก เด่นเอามาให้พ่อจัดการเองดีกว่า ส่วนหนูไปเอาน้ำมาเลี้ยงเพื่อนหน่อยๆไป แล้วก็คุยกันตามสบายนะ...” พิชัยแย่งถุงน้ำเต้าหู้จากมือลูกสาวมาจัดการต่อให้เอง พร้อมกับสั่งให้ลูกสาวไปหาน้ำมาให้เพื่อนดื่ม แล้วก็นั่งคุยกันไปตามสบายได้เลย ทำราดหน้าเสร็จเมื่อไหร่แล้วพ่อจะออกมาเรียก งามเด่นได้แต่พยักหน้างึกงัก เพราะว่าเขินกับสายตารู้ทันของพ่อนั่นเอง... -------------------------------- ตั้งแต่ตอนนั้นข่าวซุบซิบเกี่ยวกับเดือนมหาวิทยาลัยสุดปังกับเพื่อนสาวร่วมห้อง…ทั้งคู่กำลังปลูกต้นรักกันอย่างหวานชื่น ก็แพร่สะพัดออกเป็นวงกว้าง งามเด่นถูกจับตามองจากบรรดารุ่นน้องแล้วก็เพื่อนรุ่นเดียวกันรวมไปถึงรุ่นพี่ จนเธอรู้สึกอึดอัดกับการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างบอกไม่ถูก “อะไรยังไงไหนเล่ามาให้ฟังหน่อยสิ...ข่าวที่ว่าแกกับนายกรกำลังคบหากันอยู่มันคืออะไรกันแน่ ไหนแกบอกกับพวกฉันว่านายกรมันชอบพี่ชายแกไง? ทำไมถึงมีข่าวกับแกออกมาได้...” วินทาลากรูมเมทมานั่งบนเตียงนอน ยื่นหน้าขาวเข้ามาใกล้ คาดคั้นด้วยแววตาเอาจริงเอาจัง “ว่ายังไง...ยังตัดใจไม่ขาดจนต้องยอมเป็นตัวหลอกให้หมอนั่นหรือไง” ไม่ใช่หัวสมองเธอลืมง่ายจนจำไม่ได้สักหน่อยครึ่งหนึ่งแม่นี่ก็เคยถูกหมอนั่นหักอกมาก่อนแล้วแท้ๆ “แล้วแกจะเชื่ออะไรกับอีแค่ข่าวลือ ทั้งที่แกก็เห็นว่ามันไม่มีอะไร...” งามเด่นดันหน้าเพื่อนถอยห่างพร้อมกับถอนหายใจเสียงหนัก ตอนนี้เธอเองก็กลุ้มใจ เริ่มเดาท่าทีของกรกนกไม่ออก...ไม่รู้หมอนั่นกำลังคิดทำอะไรอยู่ จากเดิมทีความเข้าใจของเธอคือเรื่องของพี่มิ่งขวัญ แต่หลังจากวันที่เขาบุกไปหาถึงบ้าน กรกนกก็ไม่เคยเอ่ยถามถึงอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในขณะที่เขายังพาตัวเองเข้ามาใกล้ชิดเธอสม่ำเสมอ “เปล่า...ฉันไม่ได้เชื่อข่าวลือมากกว่าสายตาที่ฉันเห็น” วินทายื่นหน้าเข้ามาใกล้ใหม่ กดเสียงต่ำอย่างคนได้เห็นอะไรดีๆมา งามเด่นรู้สึกร้อนๆหนาวๆกับแววตาเป็นประกายของแม่เพื่อนตัวดี “แกเห็นอะไร?” งามเด่นถามเสียงสูง เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนด้วยสายตาหลุกหลิก กลัวว่าเพื่อนจะเห็นตอนนายกรแอบขโมยจับมือเธอเดินข้ามถนนตอนกลับเข้าหอพัก แล้วไหนจะตอนเธอนั่งอ่านหนังสือตอนเย็น หมอนั่นก็เดินหน้าทะเล้นมานั่งเบียดข้างเธออีกด้วย “ก็เห็นว่านายกรมันทำตัวติดกับแกยิ่งกว่าเงาตามตัวเสียอีก อย่าบอกนะว่าแกสองคนไปถึงขั้น...” วินทาทำท่าประกอบ ด้วยการประกบฝ่ามือเข้าหากัน “บ้า...ไม่ใช่อย่างที่แกคิดหรอกน่า ฉันยังยืนยันคำเดิม เราสองคนไม่ได้เป็นกำลังคบหาดูใจหรือปลุกต้นรักอะไรทั้งนั้นด้วย” “ถ้าไม่คบกัน แล้วทำไมหน้าแกต้องแดงก่ำด้วยเล่า แบบนี้เขาเรียกว่ามีพิรุธเต็มๆ ” “ยัยโบว์! ถ้าแกไม่เชื่อที่ฉันพูด แล้วแกจะมาคาดคั้นเอาคำตอบกับฉันหาสวรรค์วิมานทำไมยะ ฉันไม่อยากคุยกับแกแล้วไปอาบน้ำแล้วออกไปหาข้าวข้างนอกกินกันดีกว่า ท้องฉันร้องตั้งนานแล้ว แกไม่ได้ยินหรือไง...” “นายกรจะมารับหรือเปล่า...” วินทาตะโกนถามคนที่รีบสะบัดก้นเปิดแน่บเดินหนีเข้าห้องน้ำ “เกี่ยวอะไรกับนายกร? “ คนในห้องน้ำทำเสียงจิ๊จ๊ะหงุดหงิด “หมู่นี้เห็นขี่รถมารับกันทุกเย็น” ข้างนอกยังตะโกนตอบกลับมา งามเด่นพิงแผ่นหลังลงกับประตู ผ่อนลมหายใจออกยืดยาว ต่อให้จะปฏิเสธเสียงแข็งยังไงว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงก็ไม่มีใครเชื่อหรอก ในเมื่อพ่อตัวดีไม่รู้ไปกินกาวตาช้างเป็นอาหารว่างหรือเปล่า หมอนั่นคอยทำตัวติดกับเธอตลอดเวลาซะขนาดนั้น จากอดีตที่ไม่เคยถือวิสาสะกันเกินสองสามประโยคหากไม่จำเป็น มาเดี๋ยวนี้เขากลับเป็นฝ่ายชวนเธอคุยสารพัด และมีเรื่องต้องให้เจอหน้ากันบ่อยขึ้น... ----------------------------------------
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม