มือแข็งแรงของบุรุษรูปงามขยำกระดาษในมือเป็นกลมก้อน ก่อนจะปามันทิ้งไปลงบนพื้นอย่างไม่สบอารมณ์ หลังจากที่อ่านประวัติของนารถวลัยว่าที่ภรรยาใหม่ของกำธรผู้เป็นบิดา และเป็นว่าที่แม่เลี้ยงของตนเอง ความเกลียดชังที่มีต่อนารถวลัยไม่ได้ลดหย่อนลงเลยแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหนึ่งปีหลังจากที่มารดาของเขาเสียชีวิต มันกลับทวีคูณมากขึ้นทุกวัน
วันนั้นเขายังจำได้ดี บิดาของเขามีความสุขอยู่กับนารถวลัยในต่างประเทศ ปล่อยให้มารดาต้องจบชีวิตลงตามลำพังอย่างเดียวดาย ไร้บิดาอยู่เคียงข้างอย่างที่สมควรจะเป็น และยิ่งความจริงที่เขารับรู้มาจากมารตรีผู้เป็นป้าว่า พ่อบังเกิดเกล้าได้คบหากับนารถวลัยอย่างเปิดเผยในขณะที่มารศรีมารดาของเขาเจ็บหนัก และอาการป่วยทรุดลงเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีอาการตรอมใจที่สามีมีหญิงอื่นไม่มาดูดำดูดีคู่ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น ส่งผลให้ความเกลียดชังที่มีต่อนารถวลัยเพิ่มพูน อัดแน่นอยู่ในจิตใจของเขาจนอยากจะลบเลือน แล้วความรู้สึกนั้นก็เผื่อแผ่มายังอัลลิยา ลูกสาวของนางอีกด้วย
“เธอกับลูกจะต้องเจ็บปวดกว่าแม่ของฉัน...เจ็บอย่างที่ไม่เคยเจ็บมาก่อน”
กล้าตะวัน วรพิมุข ชายหนุ่มวัยสามสิบสี่ปี เจ้าของดวงตาสีนิลเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อย่างร้ายเหลือ เคราที่ขึ้นบางเบาช่วยทำให้ใบหน้าของเขาโดดเด่นมากยิ่งขึ้น จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูปหยักสวย เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนประกายทอง ส่วนสูงที่เกินมาตรฐานชายไทย ทำให้เขาเป็นที่หมายปองของสาวๆ ได้อย่างไม่ยาก
น้ำเสียงของชายสง่างามเต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้นที่ฝังรากลึกในจิตใจ มีทางเดียวที่จะทำให้รากแห่งความแค้นหลุดออกไปคือเห็นต้นเหตุของความรู้สึกที่ได้รับเจ็บปวดอย่างทรมานทั้งกายและใจ แล้ววิธีการชำระแค้นของเขาก็ไม่เหมือนใคร รับรองได้ว่า สองแม่ลูกจะต้องเจ็บและจำไปจนวันตาย
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
รถตู้คันใหญ่โก้หรูแล่นมาหน้าประตูบ้านวรพิมุข กำธรเจ้าของรถและเจ้าของบ้านก้าวลงมาจากรถเป็นคนแรก ตามด้วยนารถวลัยภรรยาใหม่ คนสุดท้ายที่ลงมาคือหญิงสาววัยสะพรั่งนามว่าอัลลิยาที่เดินลงมาเป็นคนสุดท้าย
หญิงสาววัยยี่สิบสองปีมองบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ด้วยความตื่นตาตื่นใจ บ้านหลังนี้ใหญ่มากมีเนื้อที่กว่าห้าไร่ ตัวบ้านปลูกกินเนื้อที่กว่าครึ่ง ส่วนอีกครึ่งล้อมรอบด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ มีสนามหญ้าขนาดใหญ่ที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยงามเป็นระเบียบ
อัลลิยากวาดสายตาไปทั่ว จนกระทั่งมองเห็นบุรุษที่เดินออกมาจากตัวบ้าน หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ ระส่ำจนเธออยากจะเอามือล้วงเข้าไปในร่างกาย เพื่อไปจับหัวใจไม่ให้มันเต้นแรง ความหล่อของเขาโดดเด่นมาก อาจจะพูดได้ว่าหล่อกว่าพระเอกบางคนที่กำลังโด่งดังในขณะนี้เสียอีก เขามีรูปร่างสูงใหญ่ ร่างกายบึกบึน เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่แม้จะเป็นเพียงเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ธรรมดา แต่มันไม่ธรรมดาเลยเมื่ออยู่บนร่างกายของชายตรงหน้า
กล้าตะวันเองก็เช่นกัน สาวน้อยที่อยู่ในสายตาของเขา เธอสวยใสกว่าในรูปมาก ผิวพรรณของเธอขาวนวลเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล น่าลูบไล้ ใบหน้าสวยหวานมันทำให้เขาเคลิ้มเมื่อได้เห็น ดวงตาใสซื่ออ่อนโยนทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงไม่แพ้กัน จะดีไม่น้อยหากผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ลูกสาวของคนที่ทำให้มารดาของเขาต้องจบชีวิตลง ฉะนั้นเธอจะเป็นเพียงอากาศธาตุในสายตาของเขาเท่านั้น แม้ว่าจะสวยจับจิตมากแค่ไหนก็ตาม
“กล้า...พ่อจะแนะนำให้รู้จักกับน้าวลัยกับหนูยา ทั้งสองคนจะมาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านหลังนี้”
กำธรแนะนำให้ลูกชายรู้จักกับนารถวลัยและอัลลิยาอย่างเป็นทางการ หลังจากที่เมื่อคืนเขาเปิดใจกับลูกชายเรื่องนี้ บอกจุดประสงค์ที่เขาต้องการให้กล้าตะวันฟังทุกอย่าง รวมทั้งเรื่องที่เขากับนารถวลัยจะจดทะเบียนสมรสกันในวันมะรืนนี้ด้วย
ครั้นบอกเล่าเรื่องให้กล้าตะวันฟังจบ แทนที่เขาจะได้รับคำตอบหรือวาจาใดๆ จากปากของลูกชาย กำธรกลับได้เพียงความเงียบเท่านั้น กำธรจึงถือว่าความเงียบที่กล้าตะวันมีให้คือคำตอบตกลงที่จะให้ทั้งสองเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้
แต่ในความเงียบของกล้าตะวัน คือชนวนระเบิดที่เริ่มจุด
“สวัสดีค่ะ พี่กล้า”
อัลลิยาพนมมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างนอบน้อม รู้สึกประหม่าและหวาดกลัวในเวลาเดียวกันกับสายตาของกล้าตะวัน แล้วเธอยังสามารถสัมผัสกับรังสีบางอย่างที่อยู่รายล้อมร่างหนานี้ มันเป็นรังสีที่ร้อนวูบวาบ น่ากลัว
กล้าตะวันไม่มีปฏิกิริยาใดๆ โต้ตอบ ไม่ทัก ไม่รับไหว้ เขาเดินผ่านไปราวกับว่าไม่เห็นบุคคลทั้งสอง ทำให้สองแม่ลูกอึ้งเล็กน้อยกับท่าทีเฉยชาของกล้าตะวัน
“กล้า น้องทักไม่ทักน้องตอบสักหน่อยหรือลูก”
กำธรเอ่ยขึ้นก่อนที่ร่างของลูกชายจะเดินเลยผ่านตนไป กล้าตะวันหันมามองหน้าบิดาก่อนจะตอบคำถามที่ทำให้คนฟังถึงกับสะอึก พูดไม่ออก
“ในสายตาของผมตอนนี้ไม่เห็นมีใครยืนอยู่ตรงนี้นอกจากคุณพ่อ และผมก็ไม่มีน้องด้วยแค่นี้ใช่ไหมครับที่คุณพ่อจะพูดกับผม ถ้ามีแค่นี้ผมขอตัวนะครับ” เขาโต้บิดาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะหันไปหาหญิงสาวที่เรียกเขาว่า พี่กล้า “อ้อ...แล้วเธอก็อย่ามาเรียกฉันว่าพี่ เพราะฉันไม่ใช่พี่ของเธอและไม่มีวันใช่ด้วย”
กล้าตะวันพูดจบก็เดินตรงไปยังโรงรถทันที ไม่สนใจว่าคำพูดของตนจะทำร้ายจิตใจใครบ้าง เขาถือว่าเวลานี้กำธรทำร้ายจิตใจตนอย่างหนัก ฉะนั้นชายหนุ่มจึงไม่จำเป็นต้องใส่ใจใครเช่นกัน