ตอนที่ 1
“ไท่จื่อเฟยเหตุใดถึงทำเช่นนี้เพคะ” เสียงนางกำนัลตัวน้อยเอ่ยเคล้าเสียงสะอื้น มองร่างผู้เป็นนายนอนแน่นิ่งใบหน้าซีดเซียวบนเตียง สามวันแล้วที่นางนั่งเฝ้าไท่จื่อเฟยอยู่แบบนี้
เสี่ยวลี่ได้แต่โทษตัวเองที่ดูแลไท่จื่อเฟยไม่ดี มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่าไท่จื่อเฟยตั้งใจกระโดดลงไปในสระบัว หาใช่พลัดตกลงไปอย่างที่ทุกคนเข้าใจ
...
เสียงสะอื้นไห้ปานจะขาดใจที่ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท ปลุกคนที่นอนแน่นิ่งให้รู้สึกตัว หว่างคิ้วขมวดเข้ากันเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ ด้วยความสะลึมสะลือ ในขณะที่เจ้าของร่างบอบบางยังไม่ได้สติดี หางตาก็เหลือบไปเห็นเจ้าของเสียงสะอื้นไห้ที่ปลุกนางให้ตื่นขึ้นมา
สาวน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มผิวพรรณเกลี้ยงเกลา ที่ตอนนี้ขอบตาเปียกชื้นไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตากลมโตคู่หวานบวมเปล่งบ่งบอกว่าเจ้าตัวผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แต่ถึงอย่างนั้นนัยน์ตาสว่างสดใสที่มองมายังนางตอนนี้เปี่ยมไปด้วยความยินดีเหลือคณนา
“ไท่จื่อเฟยฟื้นแล้ว ฟื้นแล้วจริงๆ...” เสี่ยวลี่กล่าวทั้งน้ำตา ทว่าครั้งนี้เป็นน้ำตาแห่งความปรีติยินดี
‘ไท่จื่อเฟย’ ลู่หนิงเหมยทวนสรรพนามที่สาวน้อยตรงหน้าเรียกนางในใจอีกครั้ง นางคือนายหญิงแห่งองค์กรลับ เหตุใดสาวน้อยคนนี้ถึงเรียกนางว่าไท่จื่อเฟย
“เจ้าเป็นใคร...”
เมื่อได้ยินคำถามนั้นจากผู้เป็นนาย เสี่ยวลี่ก็ปล่อยโฮออกมาทันที ความหวาดกลัวถาโถมเข้ามาในจิตใจ
“หม่อมฉันเสี่ยวลี่สาวใช้ข้างกายไท่จื่อเฟยเพคะ” เสี่ยวลี่บอกออกไปเสียงสั่นเครือ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่านางควรรีบไปตามหมอหลวง คิดได้ดังนั้นก็วิ่งตัวปลิวออกไปอย่างรวดเร็ว ลู่หนิงเหมยคิดจะถามเพิ่มอีกสักประโยคยังไม่ทัน
ไม่นานสาวน้อยที่บอกว่าตนเองเป็นสาวใช้ ก็กลับมาพร้อมกับชายชราท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง ชายชราค้อมกายทำความเคารพนางอย่างนอบน้อม ก่อนจะนำผ้าผืนบางวางบนข้อมือนางแล้วตรวจวัดชีพจร ลู่หนิงเหมยถึงได้รู้ว่าชายชราผู้นี้เป็นหมอ หญิงสาวปล่อยให้หมอชราตรวจวัดชีพจรไม่พูดอะไร เพราะยังมึนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น กระทั่งหมอชราออกไปแล้วนางถึงได้สติกลับมา
และตอนนั้นเองที่ความทรงจำของใครบางคนหลั่งไหลเข้ามา ชั่วขณะนั้นลู่หนิงเหมยถึงกับเบิกตากว้างตกตะลึงกับสิ่งที่ได้รับรู้
หลังจากได้รับชุดความทรงจำนั้นมา ลู่หนิงเหมยมองสำรวจพื้นที่โดยรอบ กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปส่องกระจกทองเหลืองที่ตั้งอยู่ในห้อง คนในกระจกใบหน้าเหมือนนางไม่ผิดเพี้ยน ทว่าชุดที่เงาร่างในกระจกสวมอยู่กลับเป็นชุดจีนโบราณที่นางไม่เคยสวมใส่มาก่อน นางไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะข้ามภพข้ามมิติมาอยู่ในร่างคนอื่น อีกทั้งเจ้าของร่างนี้ยังมีตำแหน่งเป็นถึง ‘ไท่จื่อเฟยแห่งแผ่นดินเทียนเสิน’ ที่มีเพียงตำแหน่งแต่ไร้ซึ่งความรักและความโปรดปราน เป็นเพียงดอกไม้งามประดับแจกันเท่านั้น
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา บุรุษที่ขึ้นชื่อว่าสามีไม่เคยแตะต้องเจ้าของร่างนี้เลย ทว่าหญิงสาวก็ยังเชื่อว่าความดีของนางจะชนะใจเขาในสักวัน แต่นั่นก็เป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ เท่านั้น นอกจากเขาจะไม่เหลียวแลนาง เขายังแต่งชายารองและสนมเข้ามาเต็มตำหนัก แม้การแต่งชายารองและสนมถือเป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่ใครเลยจะรู้ว่านางนั้นเจ็บปวดกับเรื่องนี้มากเพียงใด
นางรักเขาจึงยอมกล้ำกลืนฝืนทน นานวันเข้าก็เริ่มนอนไม่หลับคิดไปต่างๆ นานา เหม่อลอยอยู่บ่อยๆ ชั่ววินาทีที่หญิงสาวตกอยู่ในภาวะดำดิ่งไปกับอารมณ์ซึมเศร้า จึงตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง เพราะไม่อยากแบกรับความเจ็บปวดและความอัปยศนี้ไปทั้งชีวิต
และนี่คือความทรงจำบางส่วนที่นางได้รับมา นั่นทำให้นางรู้ว่าเจ้าของร่างนี้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ส่วนนางเข้ามาอยู่ร่างนี้ได้อย่างไรนั้นมิอาจรู้ได้ รู้เพียงว่าตัวนางที่อยู่โลกปัจจุบันนั้นตายไปแล้ว
นางเป็นนายหญิงขององค์กรลับ แต่กลับตกตายอย่างน่าอนาถไม่เหลือแม้แต่ร่างให้ฝัง เหตุเกิดจากประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกลงปล่องภูเขาไฟ อย่าว่าแต่ร่างของนางแม้แต่ซากเครื่องบินก็ไม่เหลือ ไหนจะถังอิ๋นมือขวาของนางที่วันนั้นทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนักบินให้นางอีก แน่นอนว่าถังอิ๋นเองก็ไม่เหลือร่างให้ฝังเหมือนกัน เป็นครั้งแรกที่ลู่หนิงเหมยนึกเสียใจภายหลังกับความดื้อรั้นของตัวเอง ตายคนเดียวยังไม่พอยังพาถังอิ๋นไปตายด้วยอีก ทว่าธนูยิงออกไปแล้วหัวลูกศรมิอาจย้อนกลับ ทำได้เพียงก้มหน้ารับผลที่ตามมาเท่านั้น
ทว่าตายแล้วก็แล้วไปเถอะ! เหตุใดต้องให้นางมาอยู่ในร่างคนอื่นแบบนี้ นอกจากจะมีตำแหน่งเป็นถึงไท่จื่อเฟยแล้ว ยังเป็นไท่จื่อเฟยที่สามีไม่รักอีกต่างหาก ไหนจะบรรดาเมียเล็กเมียน้อยของเขานั่นอีก แค่คิดนางก็เห็นเค้าลางแห่งความวุ่นวายแล้ว
“ไท่จื่อเฟยเป็นอะไรไปเพคะ...” เสี่ยวลี่เอ่ยถามเสียงร้อนรน เมื่อเห็นสีหน้าผู้เป็นนายยุ่งเหยิงคล้ายมีเรื่องรบกวนจิตใจ พลันน้ำตาที่พึ่งแห้งเหือดก็คลอหน่วยขึ้นมาอีกครั้ง ท้ายที่สุดก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ นางกลัวว่าไท่จื่อเฟยจะทำเรื่องแบบวันนั้นอีก
ตอนนี้เองที่ลู่หนิงเหมยหันไปตามเสียงห่วงใยนั้น สาวน้อยตรงหน้าคือเสี่ยวลี่ เป็นสาวใช้ข้างกายของเจ้าของร่าง ซึ่งเป็นสาวใช้คนสนิทที่เจ้าของร่างให้ติดตามมารับใช้ในวัง
“ข้าไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าวางใจได้ เจ้าเอาแต่ร้องไห้อยู่แบบนี้ ข้าได้หิวตายแน่...” เพราะสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงของสาวน้อยตรงหน้า ลู่หนิงเหมยจึงเอ่ยเย้านางเพื่อปลอบขวัญ อีกทั้งนางเองก็รู้สึกหิวจริงๆ เพราะร่างกายนี้ไม่มีอะไรตกถึงท้องหลายวัน
“หม่อมฉันจะรีบไปบอกห้องเครื่องจัดสำรับเดี๋ยวนี้เพคะ ไท่จื่อเฟยรอสักครู่นะเพคะ” เสี่ยวลี่ใช้หลังมือปาดเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะวิ่งออกไปด้วยความดีใจ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไท่จื่อเฟยไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ
...
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว ลู่หนิงเหมยจึงให้เสี่ยวลี่ไปพัก เพราะดูจากรอยคล้ำใต้ตาแล้ว สาวใช้ตัวน้อยคงอดหลับอดนอนมาหลายวัน เห็นแล้วชวนให้ปวดใจยิ่งนัก
ตอนนี้ในห้องจึงเหลือแค่นางเพียงคนเดียว ขณะที่นางนั่งเอนหลังพิงพนักเตียง จู่ๆ ก็มีกล่องใบเล็กเท่าฝ่ามือที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนปรากฏขึ้น ลู่หนิงเหมยมองพิจารณาครู่หนึ่งถึงได้หยิบกล่องใบนั้นขึ้นมา ก่อนจะเปิดดูด้านในด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ไม่ว่าจะเปิดอย่างไรก็เปิดไม่ออก
ลู่หนิงเหมยพยายามงัดแงะหาวิธีเปิดอยู่นานสองนาน จังหวะที่นางพยายามงัดแงะสุดกำลัง นิ้วเรียวก็โดดสลักหูจับบาดจนได้เลือด ในตอนนั้นเองกล่องที่มีสภาพยับเยินก็ส่องสว่างจนแสบตาแล้วหายเข้าไปในฝ่ามือนางอย่างรวดเร็ว ลู่หนิงเหมยเบิกตากว้างนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ มองฝ่ามือข้างที่กล่องใบนั้นหายวับเข้าไปด้วยความตกตะลึง ก่อนจะเห็นสิ่งของที่นางคุ้นเคยมากมายปรากฏอยู่ในนั้น ทำเอานางเกือบควบคุมความตื่นเต้นของตัวเองไว้ไม่อยู่ เพราะของทุกอย่างที่อยู่ในนั้นเป็นของใช้ในยุคปัจจุบันทั้งหมด
ไวเท่าความคิดนางก็ลองหยิบของที่อยู่ในนั้นออกมา เมื่อเห็นว่านางสามารถหยิบของที่อยู่ในนั้นออกมาได้ ลู่หนิงเหมยก็ลองหยิบเข้าหยิบออกอยู่หลายครั้งเพื่อความแน่ใจ ทันใดนั้นนางก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี นอกจากนางจะหยิบของในนั้นออกมาได้แล้ว นางยังสามารถนำของจากด้านนอกเข้าไปเก็บไว้ในนั้นได้อีกด้วย และที่สำคัญทุกครั้งที่นางหยิบของออกมาจะมีของใหม่มาทดแทนเสมอ ‘นี่มันสุดยอดของวิเศษชัดๆ’
ลู่หนิงเหมยยิ้มกริ่มมองของในกล่องวิเศษ ในเมื่อสวรรค์มอบตัวช่วยสุดพิเศษนี้ให้นาง นางก็จะใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้ดี คิดเสียว่านางมาใช้ชีวิตหลังวัยเกษียณที่นี่ แม้อายุนางจะยังไม่ถึงวัยเกษียณก็ตาม...