[INTRO]
[INTRO]
“ขอบคุณครับลุง”
ผมยื่นเงินให้คนขับแล้วก้าวขาลงจากรถเอามือปาดเหงื่อที่ไหลย้อยตามกรอบหน้า ด้วยความที่เป็นรถรับจ้างใน ชนบท รถกระบะจึงมีเพียงแค่พัดลมตัวเล็กที่ติดอยู่ตรงเพดานเท่านั้น มีรถนั่งเข้ามาส่งถือว่าเป็นบุญแค่ไหนแล้ว
ผมมองไปที่บ้านไม้สองชั้นหลังเก่าที่ตั้งตระหง่านตรงหน้า โดยรอบโอบล้อมไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี มีศาลาเล็ก ๆ ตั้งอยู่ข้าง ๆ บ่อปลาที่ตอนนี้มีตะไคร่น้ำแห้งกรัง หย่อมหญ้าหน้าบ้านมีแต่ใบไม้แห้งเกลื่อนเต็มไปหมด
‘แกร่ก’
ผมค่อย ๆ เลื่อนรั้วไม้ออกทันทีที่ก้าวเข้ามา บรรยากาศโดยรอบกลับเย็นชืดขึ้นมาเสียอย่างนั้น เดินสำรวจรอบ ๆ เหมือนว่า หลังบ้านจะเป็นป่า เพราะรั้วไม้มันสิ้นสุดอยู่แค่ข้างบ้าน ไม่ได้ล้อมรอบทั้งหมด ผมเดินสำรวจไปเรื่อย ๆ เพื่อ...ถ่วงเวลา ใช่ครับ ผมกำลังถ่วงเวลา ทุกคนอาจจะสงสัยทำไมถึงไม่ยอมเดินเข้าบ้านสักที ผมขอทำใจก่อนครับ ผมขอทำใจก่อน...
พลั่ก
เมื่อทำใจได้แล้วผมจึงใช้มือผลักประตูแล้วเดินเข้ามา มองไปรอบ ๆ ภายในบ้านเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นมันยังใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านหลังนี้ไม่เก่าเหมือนบ้านที่สร้างมาแล้วเมื่อหกสิบปีเลย ผมเริ่มสำรวจภายในบ้านทีละห้อง ทีละห้อง ก็ยังไม่เจอสิ่งที่ผมเตรียมใจไว้ก่อนหน้านี้ เฮ้อ โล่งไปทีเซนส์ผมมันคงเพี้ยนสินะ
‘เหนื่อยเหรอ’
ผมตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหู ทำเอาก้าวขาไม่ออก ผมแสร้งทำเป็นวางกระเป๋าและถอนหายใจอีกรอบพร้อมบิดตัวไปมา แต่ยังไม่กล้าที่จะมองไปข้างหลัง เมื่อหางตาเหลือบไปมองกลับไม่มีอะไร...
สำรวจจนครบแล้วจึงเลือกห้องนอน โดยเลือกห้องที่ใหญ่ที่สุด ไม่รู้ว่าทำไม แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมันจะได้มีพื้นที่ให้วิ่งหนี ผมจัดแต่งข้าวของในห้องจนเสร็จ โผล่หน้าออกมาดูตรงระเบียงเห็นว่าพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว จึงลงมาทำกับข้าวง่าย ๆ เลยคือเมนูไข่ จริง ๆ แล้วผมทำอาหารเป็นนะครับ เพราะโตมากับคุณย่า ท่านสอนผมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานบ้านงานเรือน ทำอาหาร แต่ตอนนี้ท่านเสียไปแล้ว และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องมาอยู่ที่นี่ ก่อนเสียท่านขอให้ผมมาดูแลที่นี่จริง ๆ แล้วคุณแม่ผมก็ไม่ได้อยากให้มา เพราะไม่เคยรู้มาก่อนด้วยซ้ำว่าย่ามีบ้านหลังนี้ แต่ก็นะ ไหน ๆ ก็มานั่งอยู่ตรงนี้แล้วบ่นไปจะได้อะไรเล่า
ถ้าจะมา..ขอแบบสภาพสมบูรณ์ที่สุดแล้วกัน ผมทำใจไว้บ้างแล้วเพราะเห็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กเห็นเป็นเพียงเงาดำ ๆ เท่านั้น พอโตขึ้นจึงเริ่มได้ยินเสียงและภาพก็ชัดขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย ทางที่ดีที่สุดสำหรับผมเลยก็คือทางลาดยาง....ไม่ใช่จังหวะสินะ อะแฮ่ม ๆ ขออีกรอบ ทางที่ดีที่สุดสำหรับผมคือการทำเป็นมองไม่เห็น ผมเคยไปสบตากับผีตายโหงข้างทางครั้งหนึ่ง เท่านั้นแหละครับ เกาะกระจกรถกลับบ้านมาด้วยเลย จนแม่ผมวิ่งวุ่นพาไปรดน้ำมนต์แทบทุกวัด ฉะนั้นถ้าบ้านนี้มีผีจริง ๆ แบบที่ผมสัมผัสได้ ก็แค่ทำเป็นมองไม่เห็นแบบที่ผ่าน ๆ มาแล้วกัน
Rrrrrrrrrrrrrrrr
“ครับแม่”
[[อินเอยอยู่ไหนแล้วลูก?] ]
“ผมถึงบ้านแล้วครับ”
[[หนูทานข้าวหรือยัง] ]
“เรียบร้อยแล้วครับ เมนูไข่ ฮ่าๆๆ”
[[ฮือ ลูกแม่ แม่ไม่น่าปล่อยให้หนูต้องไปลำบากเลย] ]
“เอ่อ แม่ใจเย็น ๆ นะครับ คือผมขี้เกียจทำอาหารเลยทำอะไรง่าย ๆ ทานน่ะครับ”
[[เอ่อแล้ว...ไม่มีอะไร แบบว่า..น่าเป็นห่วงใช่ไหม] ]
“ไม่มีอะไรครับแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ” ผมไม่ได้โกหกนะแบบว่ามันอาจจะไม่มีอะไรจริง ๆ ถ้าบอกว่ามีแม่ผมต้องถ่อมาถึงที่นี่แน่ ๆ
[[ได้ยินแบบนั้นก็โล่งใจ เพราะแม่เห็นสร้อยพระยังวางไว้บนโต๊ะอยู่เลย] ]
“เชี่ย..” จริงด้วย ผมเอามือลูบคอตัวเอง ลืมสร้อยพระ ลืมได้ไงเนี่ย!
[[อินเอย อย่าพูดคำหยาบสิลูก] ]
“ขอโทษครับ ผมตกใจนิดหน่อย”
[[โอเคลูก พักผ่อนเถอะ ถ้ามีอะไรโทรหาแม่นะ] ]
“ครับแม่ ฝันดีครับ”
[[ฝันดีลูก หวังว่าหนูจะไม่ลืม] ]
“ไม่ลืมครับ ผมจะสวดมนต์ทุกคืนนะ”
‘อย่าสวดกูไม่ชอบ!’
เมื่อสวดมนต์เรียบร้อยตามที่สัญญากับมารดาไว้ ชายตัวเล็กจึงเอนกายลงและเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างง่ายดาย เพราะความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง
‘อือ’ เสียงเล็กในลำคอครางออกมาอย่างขัดใจเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรทับลงบนร่างกายเขา หนักจนแทบหายใจไม่ ออก คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันเบา ๆ ครางอือขึ้นมาอีกรอบ เมื่อเป็นเช่นนั้นร่างกายเริ่มเบาลง แต่กลับรู้สึกถึงสัมผัสแปลก ๆ ไปทั่วร่าง
สัมผัสเหมือนขนนกลูบไล้ไปทั่วตั้งแต่ลำคอขาว ลงมาถึงหน้าอกบางหยุดวนหยอกล้อกับยอดอกเล็กน้อย และลากผ่านหน้าท้องแบนราบมาหยุดตรงแก่นกายของคนตัวเล็ก สัมผัสเบาหวิวนั้นลูบขึ้นลูบลงเบา ๆ ผ่านชุดนอนเนื้อผ้าชั้นดี เรียกเสียงครางต่ำในลำคอของคนที่อยู่ในห้วงนิทราไม่ขาดสาย แต่เหมือนจะมีอีกสองมือที่ยังไม่ยอมละออกจากยอดอกเล็ก ๆ สีชมพูนั่น มือนั้นเริ่มสอดเข้าใต้ชุดนอน
‘หน้าตาเหมือนกันไม่มีผิด’
‘แล้วมึงจะทำยังไง’
‘ยังไม่รู้’
‘ไว้ชีวิตดีไหม’
‘ให้มันชดใช้แทนเธอคนนั้นก่อน’