“ว่าธุระของมึงมาไอ้เสริม” เมื่อมาอยู่ในห้องทำงาน เขาก็ถามเสริมทันที
“คือเรื่องที่คุณยักษ์ให้ผมไปจัดการตอนนี้เรียบร้อยแล้วนะครับ เงินทุกอย่างผมโอนโยกไปยังบัญชีที่สเปนหมดแล้วครับ”
“ดีมาก”
“แล้วลูกเลี้ยงของคุณนายลุลา นายจะทำยังไงกับเธอครับ เธอยังเด็กอยู่เลยนะครับ” เมื่อกี้มันสังเกตเห็นหน้านวลเนียนของเด็กสาวมีรอยฟกช้ำที่แก้มเนียนต่างจากตอนที่เขาเจอเมื่อตอนเช้า
“เด็กระยำนั่นเหรอ กูจะจัดการเอง มึงไม่ต้องเสือก แล้วเอาประวัติของมันมาให้กูด้วย แม่งสวยแต่ตบหน้ากู กูจะจัดให้หนัก ให้จำกูไปจนตายเลยคอยดู”
คำพูดของนายทำให้เสริมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอด้วยความยากลำบาก ด้วยรู้ดีว่าตอนนี้ยักษ์กำลังโกรธ เพราะว่าตั้งแต่ทำงานกับชายหนุ่มมา ไม่เคยเห็นเขาโกรธเท่าวันนี้มาก่อน อาจเพราะเด็กสาวตบหน้าก็ได้ถึงโกรธ เพราะยักษ์ไม่เคยโดนผู้หญิงคนไหนทำร้ายเลยสักครั้ง นอกจากรอยเล็บข่วนของพวกหล่อนยามเริงสวาทบนเตียงเท่านั้น ที่เขาอนุญาตให้ผู้หญิงฝากไว้ที่ร่างกายของเขา
“คุณยักษ์ปรานีเด็กมันบ้างเถอะครับ แค่โดนแม่เลี้ยงเอามาใช้หนี้ขัดดอกเราก็น่าสงสารมากแล้วครับ”
“มึงควรไปบวชไอ้เสริม ไม่ควรมาทำงานกับกู”
“ขอโทษครับ”
“ไปได้แล้ว อย่าลืมเอาประวัติอีเด็กเวรนั่นมาให้กูด้วยล่ะ” เขาเอ่ยไล่พร้อมกับสั่ง จริงๆ เขารู้ดีว่ามือซ้ายของเขาเป็นพวกใจอ่อน ขี้สงสารคน ต่างจากมือขวาอย่างไอ้ช้อย รายนั้นไม่มีความสงสารเหยื่อเหมือนอย่างที่ไอ้เสริมกำลังเป็นอยู่ตอนนี้
“และอย่าลืมจัดการเรื่องหนี้สินของแม่เลี้ยงมันด้วยล่ะ ตอนนี้มันติดกูเท่าไหร่ก็บวกเพิ่มไปอีกสองแสน ไม่ต้องลดให้มัน เพราะลูกเลี้ยงของมันตบหน้ากู แถมถุยน้ำลายใส่หน้ากูอีก” พูดจบก็ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองที่ยังมีน้ำลายของเธอเปื้อนอยู่ เพราะเมื่อกี้เขามัวแต่โกรธจึงไม่ได้ลูบเช็ดน้ำลายที่โดนหน้าออก ตอนนี้อารมณ์ของเขาพอจะทุเลาลงแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลดความอยากฉีกร่างเล็กๆ ของเจ้าหล่อนลงไปเลยสักนิด
“ครับคุณยักษ์” เสริมรับคำโค้งคำนับแล้วเดินจากไปพร้อมกับได้แต่นึกสงสารชะตาชีวิตของมายาวีที่ต้องมามีแม่เลี้ยงแบบคุณนายลุลา
หึหึ
“ตบหน้ากูเหรอ อีเด็กเหี้ย!”
มือใหญ่ลูบสันกรามแกร่งตัวเองไปมาพร้อมกับขบกรามแน่นด้วยความโกรธพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนอีเมลเข้าที่หน้าจอแล็ปท็อปที่ใช้ทำงานดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นใครส่งมาก็รีบเปิดอ่านทันที เสริมทำงานได้เร็วดีทั้งๆ ที่เพิ่งเดินออกไปจากห้องเขายังไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำ
ยักษ์เปิดอ่านประวัติของมายาวีอย่างละเอียด พร้อมกับรูปถ่ายสดใสที่แนบมา เขามองรูปถ่ายในชุดนักเรียนมัธยมปลาย ผมยาวสลวยที่เห็นเมื่อกี้ถักเปียกสองข้างเป็นระเบียบ มีโบสีน้ำเงินผูกทั้งสองข้าง และยักษ์ก็เผลอยิ้มไปกับคนในรูป ที่กำลังยืนยิ้มให้ตัวเองอยู่โดยไม่รู้ตัว
“น่าสงสารจริงๆ มายาวี”
เขาอ่านประวัติของเธอแล้วก็ได้แต่พึมพำออกมากับเรื่องราวที่ได้รับรู้ แต่นี่แหละคือโชคชะตาของคน ที่พระเจ้ามักจัดสรรวางไว้รออยู่แล้ว ชีวิตที่ไม่มีอุปสรรคจะไม่เรียกว่าชีวิต เพราะอุปสรรคทุกอย่างล้วนสอนให้เรารู้จักเรียนรู้รักษาเอาตัวรอด เหมือนกับเขากว่าจะมีทุกวันนี้ได้ เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดตั้งหลายครั้ง
ยักษ์ตั้งใจว่าจะไปสั่งสอนเด็กน้อยในห้องสักหน่อย แต่ก็เกิดปัญหาที่กาสิโนเสียก่อนจนยักษ์ต้องลงมาเคลียร์เอง เพราะเสริมกับช้อยนั้นจัดการเองไม่ได้ ลูกค้ารายนี้รายใหญ่เสียด้วย อ้อ...สำหรับเขาแล้วเงินซื้อได้ทุกอย่างก็จริง แต่ไม่ใช่กับเขาทุกอย่างเสมอไป แม้เอาเงินพันล้านมากองตรงหน้าเขา ถ้าเขาโกรธ เงินที่กองตรงหน้าก็ไร้ค่า เหมือนลูกค้ารายใหญ่รายนี้ ที่มีเงินแล้วมากร่างในอาณาจักรของเขาจึงต้องโดนสั่งสอนด้วยเท้าของเขาอัดกระแทกเข้าหน้า
“แล้วเงินของเจ้าสัวนั่นล่ะครับคุณยักษ์” ไอ้ช้อยถามเจ้านายเมื่อเข้ามาในห้องทำงาน
“มึงก็จัดการทำให้มันเป็นของกูสิวะ”
“แล้วเด็กคนนั้น คุณยักษ์จะส่งลงไปรับแขกเลยไหมครับวันนี้” ไอ้ช้อยถามต่อ
“ยัง...กูจะสั่งสอนมันเอง เด็กเวรนั่นต้องเจอกูก่อน กูสะใจแล้วจะส่งไปรับแขกเอง” เขาตอบเสียงเข้ม
“แล้วจัดเรื่องเทคโอเวอร์บริษัทของไอ้เจ้าสัวนั่นด้วย ช่วงนี้การเงินของมันไม่ดี แถมธุรกิจของมันก็เหมือนจะไปไม่รอดด้วย” ยักษ์เอ่ยสั่งงานต่อ
“ครับคุณยักษ์” ไอ้เสริมเอ่ยรับคำสั่ง เรื่องงานใช้สมอง เสริมจะเป็นคนจัดการ แต่เรื่องงานใช้กำลังจะเป็นไอ้ช้อย
“ดีมาก พวกมึงออกไปได้ วันนี้กูอยากพักแล้ว กูเหนื่อย” ยักษ์โบกมือไล่มือซ้ายและมือขวาออกไปให้พ้นหน้า และทั้งสองก็โค้งตัวคำนับแล้วก็เดินจากไป