ปุลวัชรออกอาการเซ็ง เขายกแก้วเหล้าขึ้นดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า จนออกอาการเมาคอพับ
“กูว่าพวกมึงใครก็ได้ ไปส่งไอ้ปุ่นเข้าห้องหอ ขืนมันแดกมากแบบนี้ มันไม่ได้แอ้มเจ้าสาวในคืนแรกของการแต่งงานแน่” เพื่อนคนหนึ่งจึงเอ่ยว่า
“ใช่ กูว่าพวกเราย้ายไปต่อกันที่ผับกันเถอะว่ะ กูนัดน้องสาวเอาไว้”
“น้องสาวคนไหนวะ”
“น้องสาวท้องติดกันหรือเปล่า” ทุกคนหยอกเย้ากันสนุกสนาน
ปุลวัชรทำท่าจะลุกขึ้นยืน เพื่อนคนนั้นก็เอามือแตะไปที่หน้าอกของเขา
“ส่วนมึง เดี๋ยวกูจะให้ไอ้พีกับไอ้เคไปส่งที่หน้าห้องหอ มึงจะได้ไปขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ส่วนพวกกูจะไปต่อกันข้างนอกเลย อ้าว… เพื่อนฝูงยก แก้วสุดท้ายอวยพรให้ไอ้ปุ่น” ชูแก้วขึ้น พร้อมกับดื่มเป็นคนแรก
“พวกมึงไปเจอกันที่หกเก้าฟิตฟิตนะโว้ย ไปเมาแบบหมากัน” เรียกเสียงหัวเราะได้อีกครั้ง
“ok”
“ตกลงว่ะ”
“Let's go”
แล้วหนุ่ม ๆ ก็พากันแยกย้าย
พีพีกับเควินเดินเข้ามาหิ้วปีกของปุลวัชร
“มึงเมาหรือเปล่าเนี่ยไอ้ปุ่น ทำไมตัวหนักจัง” เควินถาม
“กูไม่เมา”
“เอ่อ… เขาว่าคนเมามักจะตอบว่าตัวเองไม่เมา”
“กูไม่เมา” ปุลวัชรเถียง
“โอเค… ไม่เมาก็ไม่เมา ผมขอให้ไอ้คุณปุ่นมีความสุขในคืนเข้าหอนะครับ แล้วมาเล่าให้กูฟังด้วยนะเว้ยว่า สวรรค์ตรงโน้นเป็นอย่างไรบ้าง”
“ถ้ามันดีสุดยอด มึงจะแต่งหรือไง”
“เปล่า ก็แค่อยากรู้ความรู้สึกฟิต ๆ”
“ไอ้เชี่ย”
ทั้งสองคนมาส่งปุลวัชรที่หน้าห้องหอ พีพีเคาะไปที่ประตูห้อง นุชพินตาที่อยู่ในห้องรอคอยการมาของปุลวัชรอยู่แล้ว เธอรีบกระชับเสื้อคลุม แล้วเดินมาที่ประตูห้อง
“ใครคะ”
“ผมมาส่งเจ้าบ่าวครับ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ
เธอรีบเปิดประตูออกมาในทันที ตอนนี้ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางจ้องมองชายแปลกหน้า ดูการแต่งตัวเธอก็รู้ว่าเป็นเพื่อนของปุลวัชร นุชพินตารีบยกมือไหว้ ก่อนจะรีบรับร่างของปุลวัชรเอาไว้
“ขอบคุณมากค่ะที่มาส่งพี่ปุ่น”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ผมขออวยพรให้คุณกับปุ่นมีความสุขกันมาก ๆ นะครับ” ตั้งใจกล่าวอวยพร
“กลับนะครับ” ทั้งพีพีและเควินพากันโบกมือ
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” เธอรีบพาเข้าไปด้านใน
พีพีช่วยปิดประตู แถมล็อกกลอนให้ด้วย
นุชพินตาได้ทั้งกลิ่นเหล้าหึ่ง และได้เห็นสภาพของเขาที่ยืนแทบไม่ได้
‘ทำไมเมามากอย่างนี้นะ ดื่มไม่บันยะบันยัง ดื่มแบบไม่รู้ตัว วันนี้วันแต่งงานแท้ ๆ เขาก็ยังเอานิสัยเดิม ๆ มาใช้’ เธอบ่นเขาอยู่ในใจ
หญิงสาวประคองเขาไปนั่งที่เตียง
“พี่ปุ่นจะอาบน้ำก่อนไหมคะ”
“อาบสิถามได้ เหนียวตัวจะแย่แล้ว” คนที่เมาลุกขึ้นแล้วเดินโซซัดโซเซตรงไปที่ห้องน้ำ นุชพินตามองตาม เขาเดินไปอย่างชำนาญ
นี่คงจะเป็นห้องนอนของเขา เพราะเธอเปิดดูตู้เสื้อผ้าดูแล้ว ของในนั้นส่วนใหญ่เป็นของปุลวัชรเธอมีส่วนหนึ่งเล็ก ๆ ที่เขาคงจะบอกให้คนใช้แบ่งให้เธอเพื่อใช้เก็บเสื้อผ้า หญิงสาวเดินตามหลังปุลวัชรไปหมายจะช่วย
“ไม่ต้องหรอก ฉันเดินเองได้ ไม่ต้องมายุ่ง” ตวาดพร้อมกับหันมาจ้องเธอตาเขียว เธอนึกงอนเหมือนกัน หวังดีจะช่วยพยุง แต่กลับโดนเขาตวาด ‘ฉันไปทำอะไรให้คุณโกรธนะ ทำไมต้องมองแบบนี้ด้วย คนจะช่วยแท้ ๆ’
‘เฮ้อ… เขาคงจะดื่มเป็นประจำ ก็คงจะพาตัวเองรอดได้หรอก’ นุชพินตาจึงเดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง เธอบอกกับตัวเองว่าไม่กล้าลงไปนอนที่เตียง
ถึงแม้ว่าเธอจะเก็บเอาดอกบานไม่รู้โรย ดอกดาวเรือง ดอกกุหลาบ ถั่วและงา ที่คุณย่ากับคุณแม่ของเขาโปรยลงไปบนเตียงออกไปแล้ว และเธอยังหาผ้าผืนใหม่มาเปลี่ยนอีกด้วย
หญิงสาวนั่งถอนหายใจทิ้ง ตอนนี้เธอกำลังรอคนที่อยู่ในห้องน้ำเปิดประตูออกมา นุชพินตามองหาที่นอนของเธอเอาไว้แล้ว ถ้าเขาไม่สะดวกในคืนนี้ เธอคิดว่าเธอจะยึดเอาโซฟาที่อยู่ข้างประตูตรงนั้นเป็นที่นอนของเธอ
ปุลวัชรใส่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ เขาหันซ้ายหันขวาก่อนจะเจอนุชพินตานั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
“ทำไมเธอไม่ไปนอนบนเตียง” เขามองเธอด้วยสายตาตำหนิ
“ฉันจะให้คุณนอนก่อนนะคะ” เอ่ยอย่างใจเย็น รวบรวมความกล้า ในสถานการณ์แบบนี้ ทั้งที่หัวใจเต้นคร่อมจังหวะไปหมดแล้ว
“หมายความว่าอย่างไร” เขาเดินเข้ามาใกล้ จนเธอได้กลิ่นสบู่หอมจาง ๆ และน้ำยาบ้วนปากมาจากร่างกายของเขา
“คุณย่าสอนว่า เราเป็นเมียต้องให้สามีนอนก่อน”
ปุลวัชรได้ยินแบบนั้น เขาถึงกับแสยะยิ้มออกมา แล้วหัวเราะเบา ๆ ชายหนุ่มช้อนสายตามองเธอแบบค้นหา
“คุณย่าของเธอสอนมาดีนะ ทั้งที่การแต่งงานครั้งนี้แลกมากับอะไร เธอก็น่าจะรู้ดีนี่” สายตาหยามหยันแสดงออกมาให้เห็น จนเธอเสียววูบ และรู้สึกใบหน้าชา เหมือนถูกเขาตบหน้า
นี่มันเรื่องอะไรกัน หัวคิ้วของเธอขมวดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว นุชพินตาไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาเอ่ยถึง
“ที่คุณพูดเมื่อกี้ว่า... มันหมายถึงอะไรหรือคะ ฉันแต่งงานกับคุณเพื่อแลกมากับอะไร”
“อย่ามาทำเป็นไก๋ ทำมาเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ค่าตัวของเธอ และค่าสินสอดของเธอไง เท่าไหร่? เธอไม่รู้เลยเหรอ คุณลุงสิงห์และคุณย่าสุไม่ได้บอกตัวเลขกับเธอหรืออย่างไร”
ใบหน้าที่ชายิ่งชาหนัก เธอรู้สึกเหมือนอย่างกับถูกเขาตบหน้าอย่างรัว ๆ นุชพินตาส่ายหน้า “ดิฉันไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ”
“หึ แปลกนะ ทำไมเธอไม่รู้ เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันจะบอกเธอให้เอาบุญ พ่อของฉันให้เงินกับลุงสิงห์ไปถึงสิบสามล้านและยังมีอื่น ๆ อีกมากมายที่ไม่ได้ให้เป็นเงิน”
คำตอบของปุลวัชรเหมือนเขาชกหน้าเธอหลายหมัด ที่นุชพินตาต้องแต่งงานกับเขา เพียงเพราะคุณลุงรับเงินจากพวกเขาอย่างนั้นหรือ? เกิดคำถามขึ้นมาในใจของนุชพินตาอย่างมากมาย เธอไม่เคยรู้ และไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน
“ถึงกับอึ้งเหรอ เชอะ” ปลายเสียงทั้งดูถูกและหยามเกียรติ ใบหน้าสวย ๆ ของหญิงสาวเชิดขึ้น คอตั้งแข็ง มองสบตากับคนตรงหน้าแบบผิดหวัง
“ค่ะ” เธอรับคำสั้น ๆ นุชพินตารู้สึกหม่นเศร้าที่คืนแรกเธอก็ถูกเจ้าบ่าวของตัวเองดูถูกเอาเสียแล้ว มันเจ็บใจอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันมองว่า เธอเป็นพวกที่เห็นแก่เงิน หิวเงิน” เขาไม่รักษาน้ำใจ และพูดจาจงใจตอกหน้าเธอ