[Pikkang Talk]
หลังจากที่ฉันฝึกซ้อมยิงปืนเสร็จฉันก็ได้ขึ้นไปบนห้องของฉันเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย เอาจริงๆ นะชีวิตนี้ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีสามีตอนอยู่ปีสี่และที่ไม่เคยมีอยู่ในสมองเลยก็คือฉันต้องมาจับปืน ยิงปืนแบบนี้
แต่เอาเถอะมีคุณสามีเป็นถึงมาเฟียก็ต้องทำตัวเหมือนเขาสิ ยิ่งจ้องจะฆ่าฉันอยู่ทุกวัน
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูห้องของฉันดังขึ้นฉันจึงลุกออกจากเตียงเดินไปเปิดประตู และคนที่ยืนอยู่หน้าห้องของฉันคือไมเคิล ยืนยันคำเดิมนะว่าหล่อ หล่อมากๆ
“คะ?” ฉันเอียงคอถามสุดหล่อตรงหน้าไป
“คุณพริกแกงจะทานข้าวเลยไหมครับ”
“แล้วฟรานซิสจะทานเลยไหม?” ที่ฉันถามก็ไม่ได้อยากจะรู้ขนาดนั้นหรอกนะ แต่ฉันควรถามเพราะถ้าฉันไปนั่งทานก่อนเขาจะว่าฉันเอาได้ นายนั่นยิ่งมีหน้าเดียวอยู่ด้วย
“นายไปผับครับ”
“เขาเที่ยวเก่งแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ”
“เปล่าครับ นายไปเคลียร์งานและบางทีก็นั่งดื่มกับเพื่อน” อย่าบอกนะผับหรูๆ ที่ยัยน้ำหวานเคยบอกฉันว่าเป็นผับของมาเฟียคือผับของนายหน้าโหดคนนี้
“ฟรานซิสเป็นเจ้าของผับ?” ฉันถามออกไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ครับ ว่าแต่คุณพริกแกงจะลงไปทานเลยไหมผมจะได้เตรียมไว้ให้” ไมเคิลถามฉันอีกครั้งเมื่อเห็นว่าฉันยืนเงียบอยู่
“เกรงใจไมเคิลจัง ให้แม่บ้านคนอื่นเตรียมก็ได้ค่ะ” ฉันเกรงใจเขามากเลยเพราะไมเคิลไม่น่าจะใช่ลูกน้องธรรมดาๆ ของฟรานซิสนะ น่าจะสนิทกันมากเพราะฉันสังเกตเห็นว่าไมเคิลก็มีห้องนอนอยู่ชั้นสองของบ้านด้วยต่างจากลูกน้องคนอื่นๆ
“มันหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ อีกอย่างที่นี่ไม่มีแม่บ้าน คุณพริกแกงเป็นผู้หญิงคนเดียวของบ้าน”
ฮะ!? อะไรนะ ฉันคือผู้หญิงคนเดียวในบ้านงั้นเหรอ นี่น่ะเหรอที่เขาว่ากันว่าเป็นบ้านของมาเฟีย
“งั้นก็ได้จ๊ะ” ฉันตอบออกไปพร้อมยิ้มแห้งๆ
วันต่อมา
แกร๊ก~
ฉันเปิดประตูห้องออกมาด้วยชุดนักศึกษารัดรูปและกระโปรงทรงเอที่มีความยาวเพียงสิบสี่เพราะฉันมีเรียนวันนี้และจังหวะที่ฉันเปิดประตูออกมา ฟรานซิสก็เปิดออกมาเช่นกัน ซึ่งเขาก็มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาและใบหน้าที่ฉันเดาไม่ออกเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่
แล้วฉันควรทักทายไหม ฉันว่าควรนะเพราะอยู่บ้านเดียวกันและฉันควรจะสร้างความสนิทสนมกับเขาไว้ จะได้อยู่ง่ายๆ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณสามี” หลังจากที่ฉันตบตีกับความคิดในสมองของฉันเสร็จฉันก็ทักทายเขาออกไปด้วยรอยยิ้ม
“….”
เพล้ง! เสียงหน้าของฉันแตกเอง ก็เพราะฉันทักทายออกไปเขาก็มองฉันแวบหนึ่งก่อนจะเดินลงบันไดไป
กรี๊ดดดดดด! อยากจะกรี้ดให้บ้านแตกไปเลย ฉันหยิ่งใส่ผู้ชายที่มาจีบฉันทุกคนแต่ดันมาเสียหน้าให้นายหน้าโหดคนนี้น่ะเหรอ
“ไม่มีมารยาท” ฉันเดินตามลงไปพร้อมพูดขึ้นจนฟรานซิสหยุดชะงักหันมามองหน้าฉันนิ่งๆ
“….” เขามองฉันด้วยสายตาฆ่าคนได้อะ พอมองเสร็จก็เดินลงไปทันทีไม่มีคำกล่าวอะไรทั้งสิ้น อย่านะฟรานซิสอย่าให้ฉันหยิ่งบ้างเหอะ
“คุณพริกแกงไม่ทานข้าวเหรอครับ” จังหวะที่ฉันจะเดินออกจากบ้านไมเคิลก็เดินเข้ามาหาฉัน ใครมันจะอยากทานข้าวกับมนุษย์รูปปั้นหน้าเดียวล่ะ
“ไม่ดีกว่าค่ะ...ไม่มีอารมณ์” ฉันพูดประโยคแรกด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปพูดประโยคสุดท้ายใส่ฟรานซิสที่ยืนหันหน้ามาทางฉัน
“ครับ” ไมเคิลหันไปมองตามฉันก่อนจะหันมาตอบ
“งั้นฉันไปเรียนนะคะสุดหล่อ” ฉันหันไปยิ้มให้ไมเคิลด้วยรอยยิ้ม
“ไอ้ไมเคิล มึงไม่มีงานมีการทำรึไง มายืนบื้ออะไรตรงนี้” พอฉันพูดประโยคนั้นจบเสียงของฟรานซิสก็ตะโกนขึ้นมาทันที
นี่เขาจะเผด็จการกับลูกน้องมากไปแล้วนะ!
“ผมทำเสร็จแล้วนะ” แต่ดูเหมือนไมเคิลจะไม่ได้กลัวอะไรฟรานซิสเท่าไหร่ เขากลับหันไปตอบฟรานซิสด้วยรอยยิ้ม
“มึงช่วยเอาหน้าหล่อๆ ของมึงออกไปให้พ้นหน้ากูที”
เอ๊ะ ฉันว่าเขาพาลแล้วนะ แต่ช่างเถอะฉันไม่ควรมายืนอยู่ตรงนี้ฉันควรไปเรียน ว่าแล้วฉันก็หันหลังเดินออกจากบ้านไปที่รถของฉันทันที
ครื๊ดดดด! ครื๊ดดดด!
“อะไรเนี่ย” ฉันพึมพำออกมาเบาๆ เมื่ออยู่ๆ รถของฉันก็สตาร์ตไม่ติดซะงั้น แต่มันจะเป็นไปได้ไงเนี่ยทั้งๆ ที่มันไม่เคยมีปัญหาแบบนี้เลยนะ รถฉันออกจะรุ่นใหม่
ครื๊ดดดด! ครื๊ดดดด!
ฉันสตาร์ตอีกครั้งและครั้งนี้ก็ไม่ติดอีกเช่นเคย แล้วฉันจะไปเรียนยังไงเนี่ยอีกครึ่งชั่วโมงต้องขึ้นเรียนแล้วอีกอย่างอาจารย์วิชานี้โหดมาก
“แท็กซี่ก็ได้วะ” ฉันตัดสินใจเปิดประตูลงรถก่อนจะรีบวิ่งไปที่หน้าบ้านแต่ลูกน้องของฟรานซิสที่ยืนอยู่แถวนั้นก็ทักฉันขึ้นก่อน
“รถเสียเหรอครับคุณพริกแกง”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมซ่อมให้ครับ”
“ขอบคุณนะ แต่ฉันรีบ” ฉันบอกออกไปด้วยใบหน้ารีบร้อน
“เดี๋ยวผมขับรถไปส่งครับ”
โอ๊ยขอบคุณสวรรค์ที่ส่งคนหน้าตาดีและนิสัยดีมาให้ลูก
“งั้นไปเลยดีกว่าค่ะ ฉันรีบ” ฉันหันไปบอกเขาก่อนที่เขาจะพยักหน้าแล้วเดินนำฉันมาที่ลานจอดรถและทุกอย่างกำลังจะไปได้สวยแต่ก็ต้องมีมารผจญจนได้