หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
"เอายังไงดี สัปดาห์นี้เราไม่มีสักงานเลย" มิกิผู้จัดการส่วนตัวบอกกับร่างเล็กด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยต้องวิ่งงานเองก็มีแต่คนแก่งแย่งชิงจ้างงานรุ่นน้องสาวมาตลอดไม่ขาดสายแต่ตอนนี้มันกลับไม่ใช่แบบนั้น ลูกค้ารายเก่าที่เคยชื่นชอบในฝีมือและผลงานของเธอกลับหายไปเงียบไปเสียทุกคนนั้นมันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเอะใจเลยสักนิดเพราะเธอรู้ดีว่าทั้งหมดนั้นคือฝีมือของพ่อรุ่นน้องสาวทั้งหมด
"..." มีแต่ความเงียบจากหญิงสาวที่ปกคลุมไปทั่วห้องของคอนโดหรู
พรึ่บ!
"ฉันไปเป็นเพื่อน" ว่าแล้วรุ่นพี่ผู้จัดการเมื่อเห็นว่าเธอลุกขึ้นยืนพรวดเตรียมจะออกไปข้างนอกก็เอ่ยบอกอย่างรู้ทันว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไร
"อืม" ร่างเล็กตอบเธอเสียงเรียบก่อนที่หยิบกระเป๋าแล้วออกจากห้องไป
"ว่าไงคะคนสวย ทำไมถึงกลับมาได้ล่ะหื้ม..." กรรณิการ์เมื่อเห็นลูกสาวเพียงคนเดียวเดินเข้ามาก็เดินมาหาเธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผิดกับร่างเล็กอีกคนที่ยืนนิ่งด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
"น้ากานต์สวัสดีค่ะ" มิกิเอ่ย
"หนูมิกิสบายดีนะลูก..."
"สบายดีค่ะ"
"วันนี้หนูสองคนว่างกันเหรอถึงกลับมาพร้อมกันได้"
"ค่ะแม่ ว่าง!...ว่างทั้งอาทิตย์เลยค่ะ" ร่างเล็กตอบผู้เป็นแม่แล้วตวัดสายตากลับหันไปจ้องมองกับผู้เป็นพ่อที่ได้จังหวะเดินเข้ามาพอดีเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ประชดประชัน
"ทำไมเป็นอย่างนั้นได้ล่ะ..." กรรณิการ์ถามอย่างไม่เข้าใจ
"แม่ก็ลองถามพ่อดูสิคะ ว่าพ่อทำอะไรกับงานหนูไปบ้าง"
"คุณคะ...นี่คุณอย่าบอกนะว่าคุณทำลายงานลูกจริงๆ"
"..." กรก็เงียบไม่ยอมตอบแต่กลับเปิดหนังสือพิมพ์อ่านด้วยท่าทางที่ไม่เดือดร้อนหรือสนใจอะไร
"พ่อทำไปได้ยังไง...พะ...พ่อทำลายงานหนูทำไม" ร่างเล็กถามผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพยายามสะกดกลั้นความอ่อนแอของตัวเอง
"แกก็รู้นี่...จำเป็นต้องถามฉันอีกเหรอ" กรตอบโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง
"แค่ที่ผ่านมาพ่อยังบังคับหนูไม่พอเหรอ!?..." เธอมองหน้าผู้เป็นพ่อแววตาตัดพ้อ
"เกวลิน! ทั้งหมดฉันทำเพื่อแกนะ"
"แต่หนูไม่ต้องการ พ่อเข้าใจไหมคะว่าหนู...ไม่ต้องการ...ฮึก" ก่อนที่น้ำใสๆ จะไหลออกมาจากดวงตากลมโตอย่างอดกลั้นไม่ได้อีกต่อไป ได้แต่น้อยใจที่ผู้เป็นพ่อเอาแต่บังคับให้เธอทำตามใจเขาทั้งที่เธอไม่ได้ต้องการมันสักนิด
"ฉันว่าคุณหยุดสักที คุณควรจะฟังลูกบ้างนะคะ" สุดท้ายกรรณิการ์ที่ทนเห็นน้ำตาลูกไม่ได้จึงหันไปทางสามีแล้วเอ่ยขอร้องเขาก่อนที่มือเรียวจะดึงลูกสาวเข้ามาสวมกอดและปลอบใจด้วยความอ่อนโยน
"ผมบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้ผมจะไม่ยอม ยังไงลูกก็ต้องแต่งงานกับคนที่ผมเลือก" กรตอบภรรยาเสียงราบเรียบก่อนที่ก้มหน้าไปบอกคนในอ้อมกอด
"ถ้าไม่อยากให้งานที่แกรักพังไปต่อหน้าต่อตาก็ทำตามที่ฉันสั่ง"
"..."
"ค่ะ! แล้วหนูได้ทำงานนี้ต่อ หนูก็จะแต่ง" ร่างบางผละออกจากอ้อมกอดของแม่แล้วเช็ดน้ำตาตัวเองลวกๆ ก่อนที่จะตอบผู้เป็นพ่อเสียงแข็ง ใช่...ตอนนี้เธอยอมแพ้แล้ว พ่อของเธอบีบบังคับจนเธอหาทางออกไม่ได้ยกเว้นการแต่งงานกับเขาคนนั้นที่จะทำให้เธอสามารถทำอาชีพที่รักต่อไปได้
"เกรซ..." มิกิรุ่นพี่ผู้จัดการที่ยืนเงียบอยู่นานก็เปล่งเรียกเธอเสียงแผ่วเบาด้วยความตกใจตื่น
"พอใจพ่อแล้วใช่ไหมคะ...งั้นหนูขอตัวค่ะ" ริมฝีปากบางได้รูปตอบก่อนที่จะหมุนตัวเดินหนีออกไปจากบ้านหลังใหญ่
"เอ่อ...คุณน้าคุณอาคะ หนูขอตัวก่อนนะคะ" มิกิเอ่ย
"จ่ะลูก น้าฝากดูแลน้องด้วยนะ" กรรณิการ์มองตามร่างเล็กของลูกสาวด้วยความเป็นห่วงที่เต็มทรวงอกแต่เธอก็เลือกที่จะทำอะไรไม่ได้ เพราะเธอรู้นิสัยของสามีตัวเองดี...
"ค่ะคุณน้า"
อีกด้าน
"ตาสิงห์! ฉันให้โอกาสแกครั้งสุดท้ายถ้าวันนี้แกไม่กลับมาหาฉัน ก็อย่ามาเรียกฉันว่าแม่อีก" คำพูดประโยคสุดท้ายของลินินยังคงดังก้องอยู่ในหัวของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหลังจากที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเจอผู้เป็นแม่มาตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็มแต่มันก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีได้อีกต่อไปเมื่อผู้เป็นแม่นั้นกระหน่ำโทรเข้าจนเขาต้องจำใจที่จะรับสาย
ริมฝีปากหนาพ้นควันขาวลอยฟุ้งไปในอากาศสูบอัดบุหรี่ราคาแพงเพื่อบรรเทาความเครียดในตอนนี้แล้วจมอยู่กับความคิดของตัวเองนึกหาทางออก
"ทำไมวันนี้มึงแปลกไป" หลังจากที่เขาเดินเข้ามานั่งรวมกับผู้เป็นเพื่อนในห้องวีไอพีของผับหรูไม่วายที่เพื่อนสนิทจะเอ่ยทักทันที
"…" ร่างหนาไม่ตอบกลับยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกดื่มแทน
"เรื่องแต่งงาน?" คีรินเอ่ยถาม
"อืม กูว่าคราวนี้คงไม่น่ารอด" ปากหนาขยับตอบเพื่อนไปตามความจริง แน่นอนว่าถ้าลินินขู่ขนาดนั้นเขาคงปฏิเสธอะไรไม่ได้
"เกรซก็ไม่ได้แย่ ทำไมไม่ลองดู"
"มึงก็รู้ว่าทำไม…" ไลอ้อนตอบ
"มึงยังไม่ลืม?"
"…" ชายหนุ่มก็เงียบไป
"มึงต้องเปิดใจ บางทีเธออาจะช่วยมึงได้"
"กูเห็นด้วยกับไอคีย์" พร้อมตอบเสริมทัพ
"กูไม่ได้ชอบแบบเธอ"
"หึ!…แล้วกูจะคอยดู…" ธาวินที่นั่งฟังเงียบๆ อยู่นานเอ่ยตอบก่อนที่จะหันมาแสยะยิ้มให้เขา
"…" ก่อนที่ร่างสูงโปร่งนั้นจะนิ่งเงียบแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกดื่มต่อ
"กลับมาได้สักทีนะ" เสียงทรงพลังของลินินที่นั่งนิ่งราวกับรอลูกชายคนโตอยู่ก่อนแล้วก่อนที่ชายหนุ่มที่พึ่งเข้ามาใหม่จะนั่งลงบนโซฟากว้างด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา
"ฉันได้ฤกษ์วันแต่งงานของแกกับหนูเกรซแล้ว"
"แม่ครับ แม่เลิกบังคับให้ผมแต่งงานสักที"
"ทางนั้นเขาตอบตกลงมาแล้ว แกต้องพาหนูเกรซไปตัดชุดได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันวันงาน" ลินินยังคงอธิบายโดยที่ไม่ได้สนใจคำทักท้วงของลูกชาย
"แต่ผมไม่ตกลง ถ้าทางนั้นอยากแต่งก็ให้เธอแต่งไปคนเดียว ผม ไม่ แต่ง!" ก่อนที่เสียงทุ้มจะเน้นย้ำทีละคำกับผู้เป็นแม่สีหน้าแววตาเริ่มแข็งกร้าวขึ้น
"อย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ!…"
"เป็นอะไรอีกล่ะคุณ" ก่อนที่เสียงทุ้มของอลันหรือสามีของเธอจะดังขึ้นแล้วเดินเร่งฝีเท้าเข้ามานั่งลงใกล้ภรรยาสาว
"ก็ลูกชายคนโตของคุณ ทำให้ฉันต้องปวดหัวไมเกรนทุกวัน" ลินินก็รีบหันไปฟ้องทันที
"พ่อผมไม่อยากแต่ง สมัยนี้ไม่มีใครเขาคลุมถุงชนกันแล้ว พ่อช่วยผมหน่อยดิ" ไลอ้อนรีบหันเหฟ้องอลันอีกคนก่อนที่ใบหน้าคมของผู้เป็นพ่อจะเอ่ยตอบ…
"แกก็ทำเพื่อเมียฉันหน่อย แค่แต่งงาน ไม่เห็นจะเป็นอะไร" และคำตอบของอดีตมาเฟียอย่างพ่อเขาก็ยิ่งทำให้มาเฟียหนุ่มถอนหายใจยาวเพิ่มความหนักใจมากยิ่งขึ้น เผลอนึกคิดว่าพ่อของเขาจะเข้าข้างและยอมช่วย…แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาคงผิดไป
"หึ!…แกไม่ต้องมาหาตัวช่วย พ่อแกก็ช่วยอะไรแกไม่ได้" ลินินยกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ
"… ยังไงแม่ก็จะให้ผมแต่งกับเธอให้ได้ใช่ไหม" มาเฟียหนุ่มนิ่งเงียบไปสักพักก่อนที่จะถามผู้เป็นแม่เสียงเรียบ
"ใช่…สะใภ้ใหญ่ของบ้านต้องเป็นหนูเกรซเท่านั้น"
"ครับ ผมจะยอมแต่ง" ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะตอบผู้เป็นแม่พร้อมกับยกยิ้มมุมปาก ในเมื่อเขาเลี่ยงที่จะหนีไม่ได้ ทางเดียวที่จะเป็นอิสระได้ก็คงมีแค่หนทางเดียว
"ได้! แล้วเธอจะได้รู้ว่านรกบนดินมันเป็นยังไง…"