อยากโอบกอด

1203 คำ
        รามวางช้อนลงกับจาน         “ มึงไม่สงสารน้องเหรอวะ ” อีกฝ่ายไม่ตอบ จ้องหน้าเพื่อนอยู่พักหนึ่งแล้วดีดนิ้วดังเป๊าะ         “ กูคิดออกแล้ว ไอ้ราม ถ้ามึงสงสารน้ำหนึ่งนะ มึงรีบมาทำงานให้กูเลย ที่นี่ พรุ่งนี้ได้ยิ่งดี จะเรียกเงินเท่าไร ห้องทำงานสไตล์ไหนกูสู้ไม่อั้น แต่มีข้อแม้ว่ามึงต้องคอยรับหน้าน้ำหนึ่งให้เวลาที่กูจะหายแว้บไปหาเศษหาเลย แค่นี้น้ำหนึ่งก็ไม่สงสัยกูแล้ว ไม่ต้องเสียใจอะไรทั้งนั้น สบายใจกันทุกฝ่าย ตกลงตามนี้นะ ”         “ เดี๋ยว ๆๆ อะไรของมึงเนี่ย นี่กูแค่จะออกแบบโรงแรมให้มึงนะ ไม่ได้เป็นแม่บ้านขึงผ้าปูที่นอนตามห้องพักแขกจะได้ต้องมานั่งทำงานประจำทุกวัน ”         “ เออน่า ตามนี้แหละ ถือว่าช่วยเพื่อนให้รอดพ้นจากการกักขังหน่วงเหนี่ยว นะเพื่อนนะ ”         ยังไม่ทันตอบตกลง น้ำหนึ่งก็เดินกลับมา         “ คุณแม่สั่งให้ซื้อผลไม้กลับไปให้ด้วยค่ะ ตอนเย็นพี่บดินทร์มีธุระหรือเปล่าคะ คุณแม่ฝากเชิญไปทานมื้อเย็น ”         “ พี่มีประชุมเย็นน่ะค่ะน้ำหนึ่ง เสียดายจังเลย ไว้วันหลังนะ ฝากกราบขอโทษคุณแม่ด้วยนะคะ ”         หญิงสาวยิ้มเจื่อน ๆ         “ น้ำหนึ่งเข้าใจค่ะ ทานข้าวกันต่อเถอะค่ะ ”         ทั้งสามลงมือรับประทานอาหารต่อ ยังไม่เท่าไรโทรศัพท์มือถือของนฤบดินทร์ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มหยิบมาดู         “ ลูกค้าโทรมา พี่ขอตัวสักครู่นะ ” จากนั้นก็รีบลุกเดินออกไปทันที น้ำหนึ่งชะงักแล้วมองตามเขาไปด้วยแววตาน้อยอกน้อยใจ รามจึงชวนเธอคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้เธอคิดมาก         “ อาหารอร่อยทุกอย่างเลยนะครับ น้ำหนึ่งทานต่อเถอะ ไม่ต้องรอบดินทร์ มาครับ พี่ตักให้ ”         เขาว่าพลางตักอาหารใส่จานให้เธอที่ยิ้มรับและกล่าวขอบคุณ แววตาละห้อยเหมือนลูกแมวน้อยเศร้ากลับกลายเป็นสดชื่นดังเดิม รับประทานไปคุยไป สักพักโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเช่นกัน เมื่อหยิบมาดูปรากฏว่าเป็นนฤบดินทร์โทรเข้ามา ชายหนุ่มขมวดคิ้ว นึกสงสัยว่าอยู่แค่นี้ทำไมต้องโทรมา ต้องทำเรื่องไม่ชอบมาพากลอีกแน่ ๆ เขากดรับ         “ เฮ้ย ราม มึงรู้จักน้องเซย่าที่เป็นนางแบบหรือเปล่า ที่เป็นลูกครึ่ง ขาว ๆ อึ๋ม ๆ น่ะ กูนัดกับเธอวันนี้ตอนบ่ายสามที่นี่ แล้วแม่งเสือกมาเซอร์ไพร้ส์กู ตอนนี้อยู่ที่ล็อบบี้ ” รามตกใจในคำพูดของเพื่อนแต่พยายามนิ่ง กลัวน้ำหนึ่งได้ยินใจจะขาดทั้งที่โทรศัพท์แนบอยู่กับหูเขาแท้ ๆ         “ อืม แล้วไง ”         “ มึงรีบกินให้เสร็จแล้วช่วยพาน้ำหนึ่งไปส่งบ้านอย่างด่วนที่สุดเลยนะ บอกเธอให้ทีว่ากูติดเคสลูกค้ารายใหญ่อย่างด่วน นะ กูขอร้อง แค่นี้ ขอบใจมากเพื่อน เรื่องงานเดี๋ยวกูโทรไปคุยนะ ” แล้วปลายสายก็กดวางไปโดยที่รามไม่มีโอกาสตอบรับหรือปฏิเสธใด ๆ ทั้งสิ้น         จากนั้นเพื่อนตัวแสบก็โทรเข้าเครื่องน้ำหนึ่งอีกที หญิงสาวกดรับ คุยสักครู่แล้ววางสายพร้อมทำหน้าตาเหมือนลูกแมวน้อยผู้พลัดหลงกับแม่ ดูน่าสงสารขึ้นไปอีก         ผู้หญิงคนนี้ไม่สามารถปกปิดอารมณ์ใดได้เพราะมันแสดงออกทางสีหน้าแววตาทุกอย่างจริง ๆ และตอนนี้ใบหน้าหวาน ๆ นัยน์ตาเศร้านั้นมันทำให้เขาสะเทือนใจเหลือเกิน         “ พี่บดินทร์ติดลูกค้ารายสำคัญค่ะ พอดีมีปัญหาเรื่องบริการนิดหน่อยก็เลยให้น้ำหนึ่งกลับเอง เมื่อเช้าน้ำหนึ่งให้ คนรถมาส่งแล้วก็ให้กลับไปแล้ว กะว่าจะให้พี่บดินทร์ไปส่งและทานข้าวกับที่บ้านมื้อเย็นบ้าง แต่ว่า.. ”         “ เมื่อกี้ไอ้ดินก็โทรมาบอกให้พี่ไปส่งน้ำหนึ่งให้ คงเป็นห่วง แต่มันไม่รู้ว่าวันนี้พี่ขี่ดูคาติมาเกรงว่าจะไม่เหมาะ เอาแบบนี้ดีกว่าไหม พี่เดินไปเรียกแท็กซี่มาให้น้ำหนึ่ง หลังจากนั้นพี่จะขี่ตามแท็กซี่ไปจนถึงบ้าน ดีไหมครับ ”         เธอได้ยินดังนั้นก็ทำตาโตก่อนยิ้มกว้างอย่างเบิกบาน นั่นทำให้รามตกใจว่าทำไมเธอเปลี่ยนอารมณ์เร็วจริง         “ น้ำหนึ่งไม่อยากนั่งแท็กซี่ค่ะ เพราะเคยฝันอยากลองนั่งมอเตอร์ไซค์คันใหญ่มานานแล้ว พี่รามจะไปส่งน้ำหนึ่งจริง ๆ ใช่ไหมคะ ” เขาพยักหน้างง ๆ แล้วรับคำ         “ ถ้าน้ำหนึ่งไม่รังเกียจก็ได้ครับ สวมกระโปรงนั่งไขว้ขาไปคงได้ ”         “ ถ้าอย่างนั้นรีบทานกันดีกว่าค่ะ น้ำหนึ่งอยากไปแว้นแล้ว ”         แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนจะรับประทานอาหารพลางสนทนากันไปพลาง โดยมีสายตาคม ๆ ของรามที่แอบมองอีกฝ่ายอยู่เรื่อย พลางคิดในใจเบา ๆ           “ น่ารักจะตาย ทำไมไอ้ดินไม่ชอบวะเนี่ย ”         จนกระทั่งรับประทานอาหารเสร็จ รามช่วยเธอเก็บของบนโต๊ะแล้วอาสาถือตะกร้าอาหารให้ จากนั้นเป็นฝ่าย           เดินนำไปที่รถ ระหว่างนั้นก็สนทนาสอบถามเรื่องเส้นทางจนเข้าใจและไปถึงที่รถจักรยานยนต์พอดี เธออุทานด้วยความตื่นเต้น         “ ว้าว สวยจังเลยค่ะ ปกติน้ำหนึ่งเคยเห็นแต่ที่ขับอยู่บนถนน ก็ได้แต่แอบมองและเพ้อฝันว่าอยากลองขับบ้าง แต่คุณพ่อคุณแม่คงอนุญาตเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแน่ ๆ ” พูดจบก็ทำตาละห้อย รามหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างเอ็นดู         “ พี่เห็นน้ำหนึ่งเป็นผู้หญิงหวาน ๆ ไม่คิดว่าจะชอบอะไรแบบนี้ ”         “ จริง ๆ แล้วน้ำหนึ่งชอบอะไรที่มันหวาดเสียว อยากลองทำ แต่ไม่เคยมีโอกาสเลยค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ห้ามทุกอย่าง ” เธอว่าด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ รามเลยพูดปลอบใจ         “ นั่นก็เพราะท่านรักและห่วงน้ำหนึ่งมาก ๆ ยังไงล่ะครับ มาครับ สวมหมวกกันน็อคก่อนนะ ” เขาว่าพลางหยิบหมวกกันน็อคสำรองที่ซ่อนอยู่ในตัวถังอีกใบหนึ่งขึ้นมายื่นให้ เธอพยักหน้าแล้วรับมา แต่ล็อคด้านล่างก็สวมยากเหลือเกิน เขามองเธอพยายามอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจเข้าไปช่วย         “ พี่ใส่ให้ดีกว่านะครับ ” มือใหญ่เอื้อมไปสวมหมวกกันน็อคให้เธอเรียบร้อย จากนั้นก็หยิบแจ็คเก็ตของตนมายื่นให้เธอ         “ สวมเสื้อคลุมนะครับ แดดมันร้อน ”         “ อ้าว แล้วพี่รามไม่สวมเหรอคะ ”         “ พี่มีเสื้อแค่ตัวเดียว ให้น้ำหนึ่งสวมดีกว่า ส่วนพี่ไม่สวมก็ได้ เพราะผิวพี่ทนแดดทนฝน ” หญิงสาวหัวเราะ ยกมือไหว้แล้วรับเสื้อมาสวม รามยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว         ผู้หญิงคนนี้นอกจากจะสวยน่ารักและเป็นกุลสตรีแล้ว นอกจากนั้นเธอยังมีสัมมาคารวะที่ดีมาก รามจ้องมองเธออยู่จนลืมตัว ภาพที่เธอสวมเสื้อหนังของตัวเอง มันทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าได้โอบกอดปกป้องร่างบอบบางนั้นด้วยอ้อมแขนจริง ๆ         มึงบ้าไปแล้วราม บ้าไปแล้ว..
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม