ระหว่างอยู่บนรถ ทั้งสองคนคุยกันตลอดทางเหมือนสนิทกันมานานนับสิบปี
ครืดๆ ๆ มีสายโทรเข้ามา ชายหนุ่มทำหน้าหงุดหงิด ก่อนกดรับสาย
“มีไร”
“แค่นี้แหระ กำลังขับรถอยู่” แล้วกดวางสายนั้นไป
ชมพูไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรบ้าง และไม่กล้าถามด้วย แต่หลังจากกดวางสายไปแล้ว ก็มีสายใหม่โทรเข้ามาเรื่อยๆ แต่ชายหนุ่มก็ตัดสายทิ้งตลอด จนสุดท้าย ชายหนุ่มปิดเครื่องแล้วโยนไปไว้เบาะหลัง
โอ้ว... โยนซะเป็นของไม่มีค่าเลย
ชายตัวสูงทำหน้าหงุดหงิดจนหญิงสาวไม่กล้าพูดอะไรจนมาถึงที่พัก
"ขอบคุณนะคะ" พร้อมยกมือไหว้ ชายตัวสูงทำหน้าตกใจ ที่หญิงสาวยกมือไหว้ตน
"ไม่เป็นไร พี่ขอเอารถจอดแป๊บนะ เดี๋ยวเดินไปส่งที่ห้อง"
"ไม่เป็นไร ชมกลับถูก คุณกลับไปพักเถอะ วันนี้ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม พร้อมเดินกลับห้อง
ชายตัวสูง ทำเสียง “จิ๊” ในลำคอ
“จะขัดใจทุกเรื่องเลย ใช่มั้ย” ชายหนุ่มที่ยังอารมณ์หงุดหงิดค้างอยู่ เผลอพูดเสียงดังใส่หญิงสาว
หญิงสาวตกใจ ทำตาโตใส่ ชายตรงหน้า ทำให้เขารู้ว่า เผลอพูดเสียงดังใส่เธอเข้าแล้ว
“ขอโทษที” จ้องหน้าหญิงสาวที่กำลังจะอ้าปากพูด แต่ไม่ทันชายหนุ่มที่ชิงพูดก่อน
“อย่าขยับ แล้วรออยู่ตรงนี้” รอบนี้ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ จากนั้นเขาขับรถเพื่อไปจอด แล้วรีบก้าวขายาวๆ ของเขามาหาหญิงสาว
ด้านหญิงสาวยังคงงงกับคำสั่งที่ชายหนุ่มทิ้งไว้ จึงยังยืนนิ่งๆ รออยู่ที่เดิม จนชายหนุ่มเดินกลับมา แล้วพาหญิงสาวมาส่งที่ห้อง ระหว่างทางทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน
หน้าห้องพักหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณอีกครั้ง แล้วใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเข้าห้องพัก
“เดี๋ยว...สิ”
“มีอะไรอีกคะ?”
“พรุ่งนี้อยากไปไหน” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบ
“ทำไมหรอ”
“ถามก็ตอบสิ !”
“ยังไม่ได้คิด แค่นี้ใช่ไหม”
“ยัง”
“มีอะไรอีก”
“พรุ่งนี้ ไปไหว้พระที่วัดห้วยมงคลกัน 10 โมงมารับ”
หญิงสาวกำลังจะอ้าปากบอกว่า ไม่ไป แต่ก็โดนเขาพูดสวนมาก่อน
“อย่าทำให้หงุดหงิด อย่าเถียง 10 โมงนะ” แล้วก็เดินจากไป ทิ้งความมึนงงไว้ให้กับเธอ
หญิงสาวอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เปิดทีวีดู แล้วรีบโทรรายงานแม่
“โทรมาหาแม่มืดเลยนะยายชม วันนี้ไปเที่ยวไหนมาบ้าง”
“ไปเขาเต่ามาค่ะ สวยเหมือนเดิมเลยแล้วพ่อกับแม่ทำอะไรอยู่คะ”
“พ่ออาบน้ำอยู่จ๊ะ ส่วนแม่ดูซีรีย์เกาหลี พระเอกหล่อมากกก” กัญญาลากเสียงยาว
“ระวังพ่อหึงเอานะ” หญิงสาวพูดกระเซ้าแม่
กัญญาคุยกับลูกสาวไปสักพัก คนเป็นแม่อย่างเธอรับรู้ได้ว่า วันนี้ลูกสาวของตน เสียงสดใสขึ้นมาก...
“กลับมาเป็นยัยชมคนเดิมของแม่เร็วๆ นะ” กัญญาพูดเสียงเบา
หลังจากวางสายจากแม่ หญิงสาวจะทักไปหาเพื่อนสนิท แต่นึกขึ้นได้ว่า วันนี้กั้งไปเดทกับแฟน เธอเลยไม่อยากโทรไปเป็น กขค จึงนอนดูทีวีต่อ
ติ๊ง.. เสียงข้อความไลน์ดังขึ้น เป็นข้อความจากคนที่ไม่ได้เป็นเพื่อนกันในไลน์ ภาพโปรไฟล์เป็นรูปวิวทะเล
“นอนยัง”
“…”
“หยิ่งหรอ”
“รู้จักกันหรอ”
“ไม่รู้จัก”
“อ้าว”
อีกฝ่ายส่งสติ๊กเกอร์หัวเราะ มารัวๆ
“ขำอะไร”
“ยัยบื้อเอ้ย” หญิงสาวเริ่มคุ้นกับวิธีการพูด
“ใคร? ไม่บอกจะบล็อกหละนะ”
เขาส่งภาพด้านหลังของเธอ เป็นภาพกำลังเดินริมชายหาด พอเธอกดดูภาพ หญิงสาวแน่ใจเลยว่า มาจากชายตัวสูงที่ไปกับเธอวันนี้แน่ๆ
“เอาไลน์เรามาจากไหน”
“เจออยู่ข้างถังขยะครับ”
“เจอตอนไปหาอะไรกินหรือคะ”
ชายหนุ่ม ส่งสติ๊กเกอร์ กำลังโมโหมา ต่อปากต่อคำเก่งจริงๆ ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกโมโหจริงๆ แต่กลับชอบความทะเล้นของหญิงสาว มันทำให้ชีวิตของเขามีสีสันขึ้นมาก
“ถามจริงเอามาจากไหน”
“ไม่บอก”
“บอกมา!”
“พูดเพราะๆ เป็นไหม ทำไมชอบพูดห้วนๆ”
“ก็แล้วแต่ว่าคุยกะใคร”
“ถ้าอยากรู้ก็พูดเพราะๆ ก่อนสิ”
“ไม่อยากรู้แหระ”
“ก็แล้วแต่ ไม่บังคับ” แล้วก็ส่งสติ๊กเกอร์ยิ้มมา ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวอยากรู้เลยแกล้ง
“อย่าเผลอบอกหระกัน”
“ไม่แน่นอน” หญิงสาวเห็นข้อความ แล้วพึมพำเบาๆ คนเดียว เดี๋ยวก็รู้
(หญิงสาว เปิดอ่านแต่ไม่ตอบ)
“จะนอนแล้วหรอครับ” ชายหนุ่มถาม หลังจากเห็นหญิงสาวเงียบไป
(หญิงสาว เปิดอ่านแต่ไม่ตอบ)
“เป็นอะไรอีกนี่”
(หญิงสาว เปิดอ่านแต่ไม่ตอบ เหมือนเดิม)
“ตอนเธอหลับไง หลับจนคิดว่าตายไปแล้ว พอดีเห็นโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋า” ในที่สุดชายหนุ่มก็ยอมแพ้ยอมบอกเธอ
“โทรศัพท์มันต้องสแกนนิ้วนะ”
“รู้ ก็ใช้นิ้วเธอสแกน”
หญิงสาวตกใจ ทำไมเธอไม่รู้สึกตัวเลย ต้องหลับลึกขนาดไหน
“เลยหยิบมาโทรเข้า พอบันทึกชื่อ ไลน์ก็ขึ้นมาเลย” ชายหนุ่มอธิบายต่อ
เงียบ...เธอกำลังรู้สึกช็อก....
“เป็นอะไรอีกนี่ ก็ตอบหมดแล้ว”
“นายน่ากลัวกว่าที่คิด”
“แล้วกลัวไหม ?”
“กลัว เพราะฉะนั้น พรุ่งนี้ไม่ต้องมารับแล้วนะ” หญิงสาวตอบกลับไป
“อ้าวเห้ย ไม่ได้ เธอรับปากแล้ว พรุ่งนี้ 10 โมงเจอกัน บ๊ายๆ ยัยบื้อ”
“ไม่ต้องมารับ” หญิงสาวตอบกลับไป แต่ชายหนุ่ม ไม่เปิดอ่าน
ชมพูนอนเล่นอยู่ในห้อง ความเงียบที่เกิดขึ้น ทำให้ในหัวของหญิงสาวกลับมานึกถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุครั้งนั้นอีกครั้ง
“ถ้าวันนั้น เราไม่ไปตลาดก็คงดี” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง พลันน้ำตาก็ไหลออกมา.....จนเธอหลับไป
น่อง แน่ง กริ๊ง ก๊อง ๆๆ เสียงโทรศัพท์หญิงสาวดังขึ้น
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เป็นเบอร์แปลกๆ ไม่ได้บันทึกชื่อไว้ จึงกดตัดสาย แล้วนอนต่อ จากนั้นเสียงไลน์ดังขึ้น ติ้ง!
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์”
“ก็ไม่รู้เบอร์ใคร”
“ตอนนี้รู้แล้วก็รับสิ” ชายหนุ่มกดโทรออกอีกครั้ง
“ฮัลโลลลล” เสียงงัวเงีย
“ยังไม่ตื่นอีกหรอ”
“ยังอะ”
“ขี้เซา นี่มัน 8 โมงแล้วนะ” ชายหนุ่มบอกเวลา
“แล้วมีอะไรหรอ” หญิงสาวยังง่วงอยู่ เพราะเมื่อคืนกว่าจะนอนหลับก็ดึกมากแล้ว ที่สำคัญ ลืมนัดคนปลายสาย...
“จะโทรมาบอกว่า วันนี้พอดีติดธุระด่วนนะ คงพาไปไม่ได้แล้ว”
“ ไม่เป็นไร คุณไปทำธุระเถอะ”
“ไม่งอนนะ” ชายหนุ่มพูดกระเซ้าหญิงสาว
“จะบ้าหรอ เราจะไปงอนเธอทำไมหร่ะ” แต่หญิงสาวก็เบะปากใส่โทรศัพท์ไปหนึ่งที
“ไว้พาไปคราวหน้านะ อ่อ แล้วนี่เบอร์ผม บันทึกไว้ด้วย โทรไปก็รับด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยสั่งหญิงสาว
ตอนนั้นหญิงสาวเพิ่งตื่น จึงเออ ออ รับคำชายหนุ่มไปแบบงงๆๆ แล้ววางสายไป
พอวางสายหญิงสาวก็รู้สึกใจหาย ที่วันนี้ชายหนุ่มหายไป เค้าไปไหนกันนะ หรือจะไปกับคนที่โทรมาหาเมื่อวาน... หญิงสาวได้แต่คิดอยู่คนเดียว
ตอนแรกหญิงสาวจะนอนต่อ แต่ดันนอนไม่หลับ เลยเอาไอแพดมาหาข้อมูล ว่าใกล้ๆ ที่พักมีที่เที่ยวอะไรบ้าง แต่หาไปสักพัก ก็ไปเจอข้อมูลวัดห้วยมงคล ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลมาก
“ไม่พาไป ไปเองก็ได้” แต่จะไปยังไงนี่แหระ จึงไปค้นหาเบอร์คาร์เซอร์วิจ (คือ บริการรถยนต์ให้เช่า เป็นบริการของทางรีสอร์ต ที่มีไว้บริการนักท่องเที่ยว) ที่ติดไว้ที่โต๊ะข้างที่นอน หญิงสาวนั่งคิดอยู่สักพักว่าจะเช่าดีไหม เพราะตั้งแต่เกิดเรื่อง หญิงสาวก็ไม่กล้าขับรถอีกเลย หลังจากนั่งขบคิดอยู่พักหนึ่ง
“ถ้าไม่กล้าขับวันนี้ แล้วเมื่อไหร่จะกล้า พอไปทำงาน จะเดินทางยังไง"
หญิงสาวตัดสินใจโทรไปเช่ารถ หลังโทรเช่ารถเรียบร้อย จึงโทรรายงานพ่อกับแม่ว่าจะไปไหว้พระที่วัดห้วยมงคล
หญิงสาวขึ้นไปนั่งบนรถ ใช้เวลาทำใจนานเกือบ 10 นาที ในหัวเถียงกัน ขับหรือไม่ขับ จะเอาไงดี ใจนึงก็ยังกลัว แต่อีกใจก็อยากก้าวผ่านมันให้ได้ สุดท้ายหญิงสาวเอาชนะใจตัวเอง เธอเลือกที่จะขับรถอีกครั้ง แต่คราวนี้หญิงสาวขับแบบช้ามาก จนจักรยานปั่นแซงได้ความเร็ว 30-40 กม./ชม. เธอเปิด gps ในไอแพดฟังการบอกทางไปด้วย
เธอขับไปเรื่อยๆ เข้าซอยบ้าง ออกถนนใหญ่บ้าง แล้วเลี้ยวเข้าทางเปลี่ยว ไม่มีบ้านคน ในใจก็คิดแต่ว่า ขับหลงรึป่าว จนในที่สุดก็เห็นป้ายทางเข้าวัด หญิงสาวดีใจมาก ดูเวลาใกล้เที่ยงแล้ว หาที่จอดรถได้ ควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพาย เพื่อจะโทรบอกกัญญาว่าถึงแล้ว แต่หามือถือไม่เจอสักที นึกอยู่สักพัก
“สงสัยตอนโทรหาแม่ก่อนออกมาจะไม่ได้เอาใส่กระเป๋ามาด้วยแน่เลย” หญิงสาวจึงไลน์ไปบอกกัญญาแทน รวมทั้งบอกกัญญาเรื่องที่ลืมเอาโทรศัพท์ติดตัวมาด้วย
บรรยากาศในวัด มีผู้คนมากมาย หญิงสาวขึ้นไปไหว้หลวงพ่อโตและทำบุญตามจุดต่างๆ ที่วัดตั้งจุดไว้ โดยไม่ลืมอุทิศผลบุญให้ผู้ที่เสียชีวิตด้วย
วันนี้อากาศค่อนข้างร้อนมาก หญิงสาวจึงเดินมาหลบร้อน นั่งพักตรงศาลาริมน้ำในบริเวณวัด แล้วค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ ว่ามีตรงไหนน่าเที่ยวอีกบ้าง สุดท้ายหญิงสาวเลือกไปเที่ยวไร่องุ่น ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดมากนัก เธอเปิด gps ดูเส้นทาง ซึ่งไม่น่าจะหายาก พอพักหายร้อน จึงออกเดินทางไปไร่องุ่นต่อ ส่วนชายหนุ่มที่ตามติดเธอเมื่อวานทั้งวัน ตั้งแต่วางสายไปตอนเช้า ก็เงียบไปเลย...หายไปไหนกันนะ หญิงสาวบ่น
ระหว่างทางผ่านร้านสะดวกซื้อ หญิงสาวแวะซื้อน้ำและขนมกินแทนข้าวมื้อกลางวัน
หญิงสาวขับรถตามเสียงบอกทางจาก gps แต่ด้วยความไม่ชำนาญทาง คราวนี้หญิงสาวขับหลงจนไปถึงบริเวณที่ไม่มีสัญญานอินเตอร์เน็ต ทำให้ไอแพดใช้บอกทางไม่ได้แล้ว ข้างทางก็มีแต่ป่า เธอเริ่มใจคอไม่ดี ด้วยความที่ไม่ได้จำทางเพราะฟังเสียงจาก gps เท่านั้น ไม่คิดว่าแถวนี้จะมีจุดไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ด้วย
เธอพยายามขับรถวนกลับทางเดิม แต่เธอยิ่งหลงทาง เธอขับรถไปต่อ แล้วบอกกับตัวเอง เดี๋ยวต้องเจอบ้านคน แต่ยิ่งขับก็ยิ่งหลง จะจอดก็กลัว ไม่รู้จะทำยังไงดี ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง น้ำตาคลอเบ้าด้วยความรู้สึกกลัว ถ้าน้ำมันหมดเธอจะทำยังไงดี จะมีใครรู้บ้างไหมว่าเธออยู่ตรงนี้ เธอคิดไปต่างๆนานา จนเวลาล่วงเลยไปทุ่มกว่าแล้ว ในที่สุดหญิงสาวก็เจอบ้านคนจริงๆ เธอยิ้ม รู้สึกดีใจมาก ขับไปจอดหน้าบ้าน แต่ยังไม่กล้าลงไป สักพักมีหญิงวัยกลางคนเดินออกมาดู หญิงสาวรีบลดกระจกลง
“สวัสดีค่ะคุณป้า หนูขับรถหลงทางมาค่ะ จะกลับไปถนนใหญ่ยังไงค่ะ” หญิงสาวรีบถาม
หญิงวัยกลางคนพยายามบอกทางให้เพราะเห็นว่ามืดแล้ว แต่หญิงสาวกลัวว่าจะหลงอีก และงงกับเส้นทางที่หญิงกลางคนอธิบาย ด้วยหญิงวัยกลางคนอาบน้ำร้อนมาก่อน เห็นอาการของหญิงสาว จึงเข้าใจได้ทันทีว่า เธอกำลังกลัวอยู่ จึงแนะนำที่พักให้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้
"เลยบ้านป้าไป ประมาณ 1 กม. จะเป็นไร่องุ่น มีที่พักด้วยนะ คืนนี้หนู ไปพักที่นั่นก่อนดีมั้ย พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับนี่มันก็มืดแล้ว” หญิง วัยกลางคนเอ่ยบอกด้วยใบหน้าอบอุ่น
“ที่จริงหนูเองตั้งใจมาไร่องุ่นนี่แหระค่ะ แต่ดันหลงซะก่อน” หญิงสาวยิ้มแห้งๆ ให้ป้า
“แล้วกล้าขับไปเองไหมลูก”
“หนูกลัวจะอีกหลงค่ะ” หญิงสาวตอบออกไปตามจริง
“เดี๋ยวป้าให้หลาน ขี่รถเครื่องนำทางไปให้นะ” หญิงสาวทำหน้างง
“รถอะไรนะคะคุณป้า” หญิงสาวถามออกไป
“รถเครื่องไง อ่อๆ หนูมาจากที่อื่น ใช่ไหม ป้าหมายถึง รถมอเตอร์ไซค์จ๊ะ” หญิงวัยกลางคนอธิบาย
“หนูมาจากจังหวัดน่านค่ะ” หญิงสาวยิ้มพร้อมไหว้ขอบคุณหญิงวัย กลางคน
หญิงวัยกลางคน จึงบอกหลานชาย ให้มานำทางให้หญิงสาว จนถึงไร่องุ่น ....