อย่าเจ้าค่ะเฟื่องยอมแล้ว...ยอมแล้วเฟื่องจะยอมตามไปตอนนี้แหละเจ้าค่ะขอเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บเสื้อผ้าก่อนนะเจ้าคะ”
“พูดง่ายๆแบบนี้ค่อยน่าเอ็นดูหน่อยทำตัวดีๆให้นายท่าน รักจะได้สบายอย่าดื้อไม่เยี่ยงนั้นเอ็งจะได้ไปอยู่หอโคมเขียว”
เฟื่องไม่เข้าใจว่าหอโคมเขียวคืออะไรแต่เธอรู้สึกว่ามันคงไม่น่าอยู่แน่ๆเพราะเขาขู่เธอมาแล้วสองครั้งแล้วเฟื่องเดินตามบ่าวสองคนที่มารับเฟื่องเพื่อไปส่งให้นายท่าน...
“นายท่านขอรับเด็กเฟื่องมาแล้วขอรับ”
นายท่านที่ใครๆในระแวกนี้เขาชื่อสินมีอาชีพเปิดบ่อนและหอนางโลมแต่แรกเริ่มเดิมทีเขาเป็นแค่ทาสที่พ่อนำมาขายให้กับนายทุนชาวจีนที่มาทำการค้าขายในสยามประเทศนายทุนชาวจีนคนนี้เปิดบ่อนและสร้างหอนางโลมไว้บริการเหล่าบุรุษเพศในสยามประเทศแห่งนี้ต่อมาไม่นานนายทุนชาวจีนได้รักและไว้ใจสินเป็นอย่างมากเพราะไม่มีเครือญาติที่นี่เมื่อถึงเวลาที่นายทุนจีนสิ้นอายุขัยด้วยโรคชราเขายกทุกอย่างให้กับสินถึงแม้ว่าสินจะไม่ชอบอาชีพนี้ก็ตามนายทุนชาวจีนได้พูดก่อนตายไว้ว่า
“หากมิมีโรงชำเราจะมีผู้หญิงที่ต้องโดนฉุดฆ่าและข่มเหงอีกมากเพราะความต้องการของบุรุษเพศนั้นน่ากลัวนัก”
สินจึงต้องจำยอมรับช่วงต่ออาชีพนี้
“เอ็งหนีข้าไปทำไม?...อยากย้ายไปอยู่หอโคมเขียวหรืออย่างไร?”
“ไม่เจ้าค่ะไม่ได้หนี..เจ้าค่ะ..แค่..แค่ไปเก็บเสื้อผ้ามาอยู่กับนายท่านเจ้าค่ะ กระไร?..คือหอโคมเขียวหรือเจ้าคะ?”
“พ่อเอ็งทำงานให้ข้าไม่เคยบอกหรือเล่าให้ฟังบ้างหรืออย่างไรว่าหอโคมเขียวโคมแดงมันคือกระไร?...แต่จะบอกให้ก็ได้หอโคมแดงมีไว้ให้ผู้ชายมาดื่มสุรากับนารีแต่มิได้มีการร่วมรักกันหากแต่ว่าหอโคมเขียวก็มีไว้ให้ผู้หญิงขายตัวรับใช้ผู้ชายวันละหลายคนบางคนรับลูกค้าได้เป็นสิบคนต่อวันเอ็งจะไหวรึไม่ล่ะแค่ข้าคนเดียวก็...”
ชายหนุ่มมองร่างบางด้วยสายตาที่แทะโลมจากใบหน้าจนถึงของสงวนของเธอเด็กสาวรีบหลบสายตาและเอามือปิดตรงนั้นอย่างอายๆและหวาดกลัว
“นี่คือเรือนของข้าและนี่คือห้องของเอ็งมิต้องกลัวเพราะข้าคงไม่มีแรงร่วมรักกับเอ็งรอบสองดอกนะข้าต้องไปทำงานคืนนี้นอนให้สบายแล้วอย่าคิดหนีหล่ะมิเช่นนั้นข้าจะสั่งบ่าวไปบั่นคอพ่อเอ็งแน่...วันรุ่งเจอกันเตรียมตัวเตรียมใจไว้นะเพราะข้าหิวทุกวัน”
เฟื่องมองร่างใหญ่เดินออกไปจากห้อง...ภายในห้องที่กว้างใหญ่เฟื่องเดินดูรอบๆเธอสามารเดินหนีออกไปได้ง่ายๆแต่ว่าเธอไปไม่ได้และไม่สามารถหนีผู้ชายที่มีอิทธิผลมากมายผู้นี้ไปได้เฟื่องกลัวว่าเขาคนนั้นที่ชื่อสินจะฆ่าพ่อของเธอ เด็กสาวร้องไห้จนหลับไปเสียงไก่ขันทำให้เฟื่องรู้ว่าเช้าแล้ว เฟื่องพลิกตัวไปชนกับแผ่นหลังแน่นและแข็งด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆเด็กสาวสะดุงตกใจสุดตัวเมื่อเห็นสินมานอนอยู่ข้างๆใบหน้าคมคายผิวสีแทนคิ้วดกและดำเฟื่องจ้องมองหน้าของเขาเมื่อเวลาเขาหลับก็ดูงดงามดีแต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาทำกับเธอไว้เมื่อคืนทำให้เฟื่องรู้สึกขยาดหวาดกลัวขึ้นมาทันทีเฟื่องยังคงเจ็บปวดและละบมตรงจุดที่สินกระแทกเมื่อวานยังไม่ทันได้หายดี เฟื่องค่อยๆลุกลงจากเตียงให้เบาที่สุดคำพูดของเขายังก้องอยู่ในหัวเมื่อวานว่า
“วันพรุ่งเตรียมตัวเตรียมใจไว้นะเพราะข้าหิวทุกวัน”
เพียงแค่คิดเฟื่องก็ขนหัวลุกเพราะความกลัว เธอลงเรือนไปอาบน้ำ ข้างล่างตรงริมน้ำ บ่าวหนุ่มๆในบริเวณนั้นมองเฟื่องตาเป็นมันด้วยเรือนร่างและใบหน้าที่งดงามผิวพรรณผุดผ่อง เมื่อผ้าซิ่นเปียกน้ำขณะที่เฟื่องตักน้ำราดลงบนกายผ้าเปียกแนบรีบบนเรือนกายสาว
“เอ็งมาทำกระไรที่นี่...?”
เสียงดังทุ้มกังวาลมีอำนาจและน่ากลัวทำให้เฟื่องสะดุ้งสุดตัวสายตาของเขาจับจ้องของสงวนของเด็กสาวด้วยดวงตาที่คุกรุ่นเพราะความโกรธซึ่งเฟื่องก็ไม่เข้าใจว่าเขาโกรธเธอด้วยเรื่องอันใด?
“เอ็งมีข้าเป็นผัวคนเดียวไม่ชอบชอบออกมาชำระกายล่อสายตาไอ้พวกบ่าวพวกนี้อยากมีผัวเพิ่มอีกเป็นขโยงรึ?ตามมานี่ประเดี๋ยวนี้ข้าทำห้องไว้ชำระร่างกายให้เอ็งแล้วชอบล่อเสือล่อจรเข้ วันรุ่งเอ็งต้องไปทำงานที่หอโคมแดงถ้าทำตัวไม่ดีอย่างเช่นวันนี้ข้าจะส่งเจ้าไปหอโคมเขียวไปเป็นหญิงงามเมืองให้ชายเชยชมเป็นร้อยเป็นพันเยี่ยงนั้นคงจะสมใจอยากของเอ็ง”
เฟื่องขึ้นเรือนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเธอก็ทำท่าจะออกจากเรือนไปเพื่อไปหุงหาอาหารตามหน้าที่ผู้หญิงต้องพึงกระทำเมื่อครั้งที่เธออยู่กับพ่อและแม่เฟื่องก็ทำทุกวัน
“นั่นเอ็งจะไปที่ใดอีกเล่า?”
“เฟื่องจะเข้าโรงครัวเจ้าค่ะท่าน”
“ไม่ต้องบ่าวข้ามีเยอะแยะหน้าที่ของเอ็งคือข้าและต้องเรียกข้าว่าพี่สิน...”
“เจ้าค่ะพี่สินไม่ให้เฟื่องลงครัวแล้วให้เฟื่องทำงานกระไรเจ้าคะเฟื่องไม่ทำงานในโรงชำเรานะเจ้าคะ”
สายตาของเฟื่องที่มองหน้าสินด้วยสายตาอ้อนวอนในตามีน้ำตาคลอเป้าอย่างน่าสงสารชายหนุ่มรู้สึกสะเทือนใจไม่น้อยทั้งดุและเสียงดังจนเธอกลัวแต่เพราะด้วยหน้าที่การงานและอุปนิสัยของเขาเป็นเช่นนี้แต่อันที่จริงสินเป็นคนใจดีหญิงงามเมืองที่โรงชำเราก็มีแต่คนที่สมัคใจไม่ได้บังคับมาแต่อย่างใดเลยสักคน ชายหนุ่มเอื้อมมือเกรี่ยหยาดน้ำตาของเฟื่องที่มันทำท่าจะไหลหยดลงมา
“หน้าที่ของเอ็งมี่อย่างเดียวคือนี่...”
สินจับมือของเฟื่องมากุมสัมผัสตรงเป้าที่มันแข็งตุงอยู่ภายใต้ร่มผ้าของเขาเฟื่องตกใจรีบชักมือออกแต่ไม่ทันสินขยับเรือนกายเข้ามาประชิดริมฝีปากประกบดูดกัดริมฝีปากเล็กบางของเฟื่องเบาๆปลายลิ้นชอนไชความหาความหวานในโพลงปากของเด็กสาวเฟื่องตัวสั่นสะท้านครั้งนี้ไม่ใช่เป็นความหวาดกลัวเหมือนครั้งก่อนแล้วแต่เป็นความรู้สึกวาบหวิวตื่นเต้นหัวใจเต้นแรงไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนเขาได้เลยร่างกายเฟื่องอ่อนระทวยไร้การควบคุมมือใหญและสากดึงผ้าพันอกของเด็กสาวหลุดออกผ้านุ่งจูงกระเบนชายหนุ่มกระชากออกเบาๆมิได้รุนแรงเหมือนเมื่อวานปทุมเนื้อนุ่มทั้งสองถูกเคล้าคลึงบีบเค้นริมฝีปากอุ่นๆปลายนิ้วเกรี่ยคลึงเมล็ดตรงกลางระหว่างร่องสงวนของเธอเสียงครางของเด็กสาว “อืม...อา...” ในลำคอทำให้หัวใจของสินพองโตเฟื่องมีความต้องการเช่นเดียวกันกับเขายิ่งทำให้สินรู้สึกฮึกเหิมเขาก้มลงเบื้องล่างเห็นรอยบวมช้ำจากการกระทำของเขาเมื่อคืนเขายิ่งโมโหตัวเองที่ปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำจึงเผลอทำอะไรที่รุนแรงไปกับเธอริมฝีปากพรมจูบรอยช้ำและบวมปลายลิ้นตวัดรัววนเวียนเมล็ดจนร่องแฉะฉ่ำเยิ้มด้วยน้ำรักที่เอ่อล้นเสียงครางกระเส่าสะโพกร่อนเร่าๆของเฟื่องสินกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความพอใจร่างกายชายหนุ่มกำยำกล้ามที่แน่นเป็นมัดมันวาวด้วยเหงื่ออวัยวะช่วงกลางตั้งตระหง่านแข็งชูชันเส้นเลือดที่ปูดโปนดูน่ากลัวและน่าลิ้มลองในเวลาเดียวกันเฟื่องยังนึกหวาดกลัวกับความเจ็บปวดเมื่อครั้งก่อน
“ไม่นะเจ้าคะเฟื่องเจ็บเจ้าค่ะ”
“ข้าจะทำให้เอ็งมีความสุขจะไม่รุนแรงกับเอ็งเหมือนเมื่อวานข้าสัญญา”
สินพรมจูบแก้มเด็กสาวเป็นการปลอบประโลมเขาค่อยๆดันเข้าไปช้าๆมันยังคงคับและแน่นอยู่เหมือนเดิมสินไม่กล้าขยับปล่อยให้มันคาอยู่อย่างนั้นชายหนุ่มยังคงโลมเลียยอดปทุมให้เธอ...นั้นเลือดในกายสาวพลุ้งพล่านอารมณ์กำหนัดพุ่งสูงทะยานสะโพกกลมส่ายร่อนสู้ท่อนแข็งอย่างต่องการสุดขีดสินค่อยๆขยับบั้นท้ายช้าๆและเร็วขึ้นแรงขึ้นในที่สุด “โอวว...อา..ข้าเสียวจริงแม่เฟื่อง”
“พี่สินเจ้าขา...เฟื่อง...เฟื่อง...อา...พี่สิน...”
“เรียกชื่อข้าอีกสิแม่เฟื่อง...อา...โอว..แม่ยอดยาหยีของพี่”
เมื่อครั้งร่วมรักก็เสียงอ่อนเสียงหวานแต่เมื่อครั้งมิได้ร่วมเตียงเขาก็กลับมาดุดันเหมือนเดิมเฟื่องได้แต่เก็บความน้อยเนื้อต่ำใจไว้ถายในใจลึกๆของเธอ
“เอ็งรู้ใช่หรือไม่ว่ามาอยู่กับข้าด้วยเหตุผลใด?”
“ไม่ทราบเจ้าค่ะ”