“ฉันจะให้คุณทรัมป์ปลดแกออกเอง” เมญ่าอ้างทยุตหรือทรัมป์ และเธอก็มั่นใจว่าชายหนุ่มต้องเลือกเธอมาร่วมงานอย่างแน่นอน
“ฉันก็ไม่ทราบหรอกนะว่าเธอกับเจ้าของพีเอเอ็นสนิทกันมากแค่ไหน แต่ที่ฉันได้รับเลือกแทนที่เธอก็บ่งบอกได้แล้วว่าพีเอเอ็นต้องการใคร…” พิมพ์ประไพรบอกอย่างใจเย็น ยิ่งทำให้เมญ่าอารมณ์เดือดพล่านมากกว่าเดิม
“ไม่มีทาง ถ้าคุณทรัมป์เขารู้เขาต้องปลดแกออกแน่!”
“งั้นเธอก็ควรจะรีบคุยกับเขาให้รู้เรื่อง ก่อนที่ฉันกับพี่เคทจะไปคุยเรื่องรายละเอียดกับพีเอเอ็นตอนบ่ายนี้นะเมญ่า” พิมพ์ประไพรยิ้มให้น้อยๆ “ขอโทษนะ ฉันต้องเปลี่ยนชุดเพื่อที่จะรีบไป” ร่างโปร่งระหงเดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ยังไม่ทันเปิดประตูก็ต้องหยุด
“อย่าคิดว่านางแบบไฮโซแต่เปลือกอย่างแกจะชนะฉันได้นะ เตรียมรับโทรศัพท์แจ้งปลดได้เลย” เมญ่าจ้องใบหน้าสวยอย่างอิจฉาและชิงชัง พิมพ์ประไพรถอนหายใจเบาๆ อย่างอ่อนใจกับความอิจฉาของอีกฝ่าย เมื่อเมญ่าและเจ้ดาเดินจากไปแล้ว เคทก็ค่อยๆ จับมือบางมาบีบเบาๆ อย่างต้องการปลอบใจ
“นี่แหละวงการนางแบบ ไหวหรือเปล่าน้องไพร” เคทเห็นใบหน้านวลหม่นเศร้าลงก็อดสงสารไม่ได้ “นายพีชจะรู้ไหมว่าพี่สาวต้องทำงานหนักแค่ไหนกว่าจะได้เงินส่งไปให้เขาน่ะ” เคทเอ่ยถึงน้องชายเพียงคนเดียวของหญิงสาวที่เรียนอยู่เมืองนอก
“ชั่งเถอะค่ะพี่เคท อีกเทอมเดียวนายพีชก็จะจบแล้ว คุณย่าจะได้ภูมิใจ”
เคทรั้งร่างกลมกลึงมากอดแล้วลูบแผ่นหลังไปมาเบาๆ พิมพ์ประไพรน้ำตาคลออย่างตื้นตัน อย่างน้อยในวันที่อ่อนล้าเธอยังมีคนที่รักเธอถึงสามคน นั่นก็คือคุณย่า เคทและน้องชายของเธอ แม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อยแค่ไหนเธอก็พร้อมจะทำ เพื่อให้คนที่เธอรักมีความสุข
“สู้ๆ นะน้องไพร”
“ขอบคุณค่ะพี่เคท ถ้าไม่มีพี่ ไพรคงแย่กว่านี้” หญิงสาวเอนตัวออกมามองเคทอย่างขอบคุณ เคทยกมือประคองแก้มนวลยิ้มๆ
“พี่ก็ขอบคุณน้องไพรที่ไว้ใจให้พี่ดูแล แต่บ่ายนี้คงต้องดูแลตัวเองนะจ้ะ เพราะพี่ต้องพาเด็กใหม่ไปแคสท์หน้ากล้อง”
“ได้ค่ะ พี่เคทไม่ต้องห่วงนะคะ ไพรจะอ่านสัญญาให้ละเอียดยิบเลยค่ะ” เธอรับคำอย่างแข่งขัน เคทจับจมูกเล็กบีบเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว
สองชั่วโมงต่อมา พิมพ์ประไพรก็มายืนอยู่หน้าตึกทำการของพีเอเอ็น ใบหน้างามแหงนขึ้นมองตึกสูงเสียดฟ้าแล้วสูดอากาศเข้าไปในปอดลึกอย่างเรียกขวัญกำลังใจ
“สู้ๆ นะไพร เพื่อน้องและเพื่อย่า” หลังเรียกกำลังใจให้ตัวเองเสร็จ พิมพ์ประไพรก็ก้าวเดินผ่านประตูเข้าไปในห้องโถงอันโอ่อ่า คนที่เดินผ่านเธอต่างก็หันมามองเป็นสายตาเดียวกัน เพราะจำได้ว่าหญิงสาวคือนางแบบสุดฮอต พิมพ์ประไพรเดินเข้าไปในลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังชั้นสิบ ขณะเดินเข้าไปเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แต่เพราะเธอมัวแต่ควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าจนไม่ทันสังเกตว่าลิฟท์ตัวที่เธอจะเดินเข้าไปนั้นเป็นลิฟท์ในส่วนของผู้บริหาร ดิเรกบอดี้การ์ดของทยุตเตรียมจะออกปากเตือนแต่คนเป็นนายกลับยกมือขึ้นห้าม
“อยู่ไหนนะ” เมื่อพิมพ์ประไพรใช้มือคว้านหาโทรศัพท์เจอเธอก็รีบกดรับสายทันที “สวัสดีค่ะคุณพจน์ จะนัดเจรจาเย็นวันนี้เหรอคะ แต่ฉันอยากจะขอต่อรองราคาเพิ่มราคาขึ้นอีกนิดได้ไหมคะ?”
“งั้นมาคุยกันเย็นนี้นะครับ ผมจะถือโอกาสเลี้ยงมื้อค่ำคุณด้วยเลย” ปลายสายทำให้หญิงสาวรู้สึกลังเล แต่เธอก็ไม่มีทางที่จะเลี่ยงได้
“ได้ค่ะ เจอกันคืนนี้ที่โรงแรมของคุณนะคะ” พอพูดเสร็จหญิงสาวก็รีบวางสายและเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าถือทันที เมื่อไม่มีภาระใดๆ แล้วพิมพ์ประไพรจึงมีเวลาได้สังเกตรอบๆ ตัวของเธอ
“จะไปชั้นไหน?”
พิมพ์ประไพรหันไปมองต้นเสียง เมื่อเห็นเจ้าของเสียงหญิงสาวก็ถึงกับถอยหลังไปชิดผนังเย็นๆ ของลิฟท์ หากแต่สายตายังจับที่ใบหน้าคมเข้มที่มีแว่นกันแดดปิดบังดวงตาไว้
“เอ่อ…คุณทยุต สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อย ทำเอาคิ้วหนาเหนือกรอบแว่นกันแดดยกขึ้น ดิเรกเอนตัวไปกระซิบบอกเจ้านาย
“สวัสดี จะไปชั้นสิบใช่ไหม?”
“ค่ะ…”
สายตาภายใต้แว่นกันแดดของชายหนุ่มมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พิมพ์ประไพรรู้ว่าเขากำลังมองก็ขยับตัวหันข้างให้ ทยุตเสมองไปอีกทางหากสุดท้ายก็หันกลับมามองเธอเช่นเดิม พิมพ์ประไพรมองตัวเลขบอกชั้นและภาวนาให้ถึงชั้นสิบเร็วๆ
เมื่อมาถึงชั้นสิบประตูลิฟท์ก็พลันเปิด ไม่รอช้าหญิงสาวรีบก้าวออกมาแทบจะในทันที พอประตูลิฟท์ปิดลงเท่านั้นแหละ เธอก็ถอนหายใจยาวๆ อย่างโล่งอก
“แค่อยู่ใกล้ใจก็แทบจะขาด ถ้าทำงานด้วยจะรอดไหมแม่ไพร” หญิงสาวอดพึมพำกับตัวเองไม่ได้ ก่อนจะรีบเดินไปที่ฝ่ายการตลาด พอมาถึงพิมพ์ประไพรก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าผู้จัดการมายืนรอเธออยู่ที่หน้าประตู
“สวัสดีค่ะคุณประเสริฐ ฉันมาคุยรายละเอียดเรื่องงานโฆษณาตัวใหม่ค่ะ” เธอยิ้มหวานส่งไปให้ ประเสริฐขยับแว่น คิดถึงคำสั่งเมื่อห้านาทีที่ผ่านมา
“เรื่องพรีเซ็นเตอร์โฆษณา คุณทยุตจะคุยรายละเอียดด้วยตัวเองครับ” นั่นเป็นคำสั่งของดิเรกที่รับมาถ่ายทอดอีกครั้ง
“เดี๋ยวผมจะพาคุณไปคุยรายละเอียดกับคุณทยุตนะครับ พอดีท่านอยากคุยกับคุณด้วยตัวเองครับ”
พิมพ์ประไพรขมวดคิ้วมุ่นเป็นโบว์ ปกติเรื่องรายละเอียดสัญญาฝ่ายการตลาดจะเป็นฝ่ายให้ข้อมูลก็น่าจะพอ ทำไมเขาต้องคุยกับเธอด้วยตัวเอง หรือว่าสิ่งที่เมญ่าบอกเธอก่อนหน้านี้จะเป็นเรื่องจริง
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปเองได้ คุณบอกชั้นมาก็พอค่ะ” พิมพ์ประไพรบอกด้วยน้ำเสียงแข็งนิดๆ เพราะผิดหวังที่จะพลาดงานใหญ่รายได้ดีแบบนี้
“ชั้นจีครับ”
เมื่อได้ตำแหน่งห้องทำงานของบอสใหญ่แห่งพีเอเอ็นแล้ว ร่างโปร่งระหงก็เดินกลับไปที่ลิฟท์เพื่อขึ้นไปชั้นจี ในใจของหญิงสาวพลันคุกรุ่นไปด้วยความไม่พอใจที่มีคนใช้เส้นแทนที่จะใช้ความสามารถ ไม่ถึงห้านาทีพิมพ์ประไพรก็มาหยุดยืนอยู่หน้าห้องทำงานที่มีป้ายบอกตำแหน่งเจ้าของห้องอย่างชัดเจน
“ฉันมาพบคุณทยุตค่ะ”
“เชิญครับ เจ้านายรออยู่” ดิเรกเคาะประตูสามครั้งก็เปิดออกกว้างเพื่อให้เธอเดินผ่านเข้าไป เมื่อถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าของงาน เท้าเรียวก็ลังเลไม่ยอมขยับไปข้างหน้า จนดิเรกต้องเชิญอีกครั้ง
“เชิญครับ”