‘ถ้าไม่อยากให้คนในบริษัทรู้ว่าผมเป็นใคร คุณเรียกผมว่าไรอันก็ได้นะครับ’
‘ครับคุณไรอัน ที่อยากให้มาพบกันก่อนเริ่มงานวันนี้เพราะผมจะอธิบายงานในส่วนที่คุณต้องรับผิดชอบให้ฟังครับ’ ชนกนันท์เอนหลังนิดหน่อยแล้วร่ายยาวเหยียด ‘บริษัทของคุณพ่อคุณมีงานหลายฝ่ายหลายแผนกที่คุณต้องศึกษา คุณต้องเริ่มจากการเป็นพนักงานธรรมดาในแผนกก่อน ถ้าจู่ ๆ คุณเข้ามาเป็นผู้จัดการเอย อะไรเอยเลยละก็ มันจะทำให้คนอื่นคิดว่าคุณใช้เส้นสายในการเข้ามาทำงานนะครับ’
ไรอันพยักหน้าเข้าใจ ชนกนันท์จึงพูดต่อ
‘แผนกแรกที่ผมกับท่านประธานลงความเห็นร่วมกันว่าจะให้คุณไปทำงานคือแผนกการตลาดครับ คุณจะได้ทำงานในฝ่ายขาย เพราะฝ่ายนี้เป็นฝ่ายที่สำคัญมาก ๆ ของบริษัทครับ เรื่องคุณภาพเราไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้วแต่เรื่องการโพรโมตสินค้านี่ต้องยกให้แผนกนี้เลยครับ ผลประกอบการของเราขึ้นอยู่กับพวกเขาจริง ๆ’
‘ผมจะพยายามทำงานตามที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดครับ’ ไรอันตอบรับและตั้งใจที่จะทำตามคำสอนของมารดาเพื่อพิสูจน์ตัวเองกับผู้เป็นพ่อให้ได้
‘อีกประมาณสิบนาทีก็ถึงเวลางานแล้ว เดี๋ยวผมพาคุณออกไปทำความรู้จักกับพวกเขาเลยดีกว่า ปกติแล้วแผนกนี้จะมาเร็วกลับช้ากันอยู่เสมอ ไฟค่อนข้างแรงกันเลยทีเดียว’
‘เอากาแฟหน่อยไหม ถ้าเธอยังไม่ได้คาเฟอีนเข้าร่างตอนนี้ฉันว่าหน้าผากเธอได้โหม่งทักทายเอกสารบนเครื่องพิมพ์แน่ ๆ’ เสียงของชายหนุ่มหน้าตี๋ในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มดังยียวนกวนประสาทขึ้น บริเวณหน้าอกมีบัตรพนักงานใส่เคสใสหนีบไว้ อ่านชื่อได้ว่า ‘สรศักดิ์’
‘นี่ ถ้าฉันจะเอาหัวโหม่งนะ ฉันเอาหัวโหม่งนายดีกว่า ไม่ช่วยแล้วยังจะมายืนกวนอีก จะไปไหนก็ไปเลยไป’ หญิงสาวใบหน้าสวยเฉี่ยวตอบกลับ เธอถอดป้ายพนักงานแบบห้อยคอไว้บนโต๊ะ อ่านชื่อได้ว่า ‘สุกัญญา’
‘อะไร ๆ นี่ฉันอุตส่าห์ถามด้วยความเป็นห่วงนะเนี่ยไม่รักษาน้ำใจกันเลย น่าเศร้าจัง’ สรศักดิ์ยกมือขึ้นสองข้างแล้วกำไว้ข้างดวงตา ขยับขึ้นลงทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมาอย่างไรอย่างนั้น สุกัญญาเห็นท่าทีของเพื่อนแบบนั้นแล้วก็กลอกตามองบนอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
‘นี่เมื่อคืนฉันต้องจ้องจอเคลียร์งานจนเส้นเลือดฝอยในตาแตก ต้องหยอดตาแทบตายกว่ามันจะหายเพื่อมาดูนายทำท่าทางน่าเกลียดแบบนี้น่ะเหรอ’
‘น่าเกลียดที่ไหน ฉันจะออกจะน่ารัก เธอน่ะอคติกับฉันมากกว่า ทำไม แค่ฉันไม่เรียกพี่หนิงทั้งที่อายุน้อยกว่าก็ถึงขั้นจงเกลียดจงชังมาถึงวันนี้เลยหรือไง’ ชายหนุ่มยังคงเอ่ยแซวไม่เลิก
‘หุบปากไปเลย ต่อให้นายจะเรียกฉันว่าพี่หนิงหรือคุณหนิง ฉันก็เบื่อหน้านายอยู่ดี เลิกกวนฉันแล้วไปทำอย่างอื่นไป’ มือเรียวใช้เอกสารที่ถืออยู่ในมือโบกไล่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนที่กำลังกวนบาทาอยู่สลดลงแม้แต่น้อย
และก่อนที่ศึกครั้งนี้จะบานปลายออกไปจนกลายเป็นการฟาดกันด้วยเอกสาร ชนกนันท์ก็เปิดประตูเข้ามาในแผนกการตลาดพอดี ห้องทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบเพื่อรอฟังว่าเขามาพร้อมกับเรื่องอะไร
‘สวัสดีครับพนักงานในแผนกการตลาดทุกท่าน ในวันนี้ผมมีเด็กฝึกงานน้องใหม่มาฝากพวกคุณด้วย เขาชื่อไรอัน หนุ่มลูกครึ่งดีกรีจบนอก ยังไงก็ขอให้ทุกคนมอบความรู้และประสบการณ์ที่ดีให้กับเขาด้วยนะครับ’ ชายอาวุโสพูดชัดถ้อยชัดคำ ในตอนนั้นเองไรอันถึงได้เดินตามเข้ามาข้างในใบหน้าหล่อเหลาของเขาโดดเด่นขึ้นราวกับมีใครสักคนเอาสปอร์ตไลต์มาคอยฉายแสงให้ ชายหนุ่มค้อมศีรษะให้กับทุกคนพร้อมกับรอยยิ้มที่เรียกได้ว่าสาว ๆ เกือบทั้งแผนกแทบจะเป็นลมล้มตายกับความหล่อที่เด้งกระแทกตาในตอนนั้น
‘ตาย ตาย ตาย นี่ฉันฝันไปอยู่หรือเปล่า คนบ้าอะไรหล่อขนาดนั้นเนี่ย’
‘ไม่ไหว ฉันรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังเข้ามาอยู่ในหัวใจฉันเลย’
‘บ้าจริง ทำไมน้องเขาหล่อจัง หน้าตาแบบนี้เป็นนายแบบเป็นดารารุ่งกว่ามาทำงานออฟฟิศเยอะ!’
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเซ็งแซ่ทั่วทั้งห้อง ชนกนันท์จึงเลือกเอ่ยถามสุกัญญาที่ไม่ได้หลงเพ้อพกไปกับความหล่อของเด็กฝึกงานคนใหม่แทน เพราะในหัวใจของเธอนั้นมีใครคนหนึ่งเข้ามาอยู่แบบลับ ๆ นานแล้ว
‘คุณกัณณ์ยังไม่มาอีกเหรอครับคุณหนิง’
‘วันนี้คุณกัณณ์มีพบลูกค้าด่วนแต่เช้าค่ะ ช่วงสาย ๆ น่าจะเข้าบริษัท’ สุกัญญาตอบฉะฉานอย่างคนที่พร้อมทำงานตลอดเวลา
‘งั้นผมขอฝากคุณก่อนแล้วกัน ถ้าคุณกัณณ์มาแล้วช่วยบอกให้เขาไปพบผมด้วย ตอนนี้คุณก็แจงงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ไรอันก็พอนะ’
‘รับทราบค่ะคุณโรม เดี๋ยวดิฉันจะดูแลให้ค่ะ’ สุกัญญายกมือขึ้นไหว้ตามมารยาท รอจนคนตำแหน่งสูงกว่าคล้อยหลังไป เธอจึงหันหน้ามาตั้งท่าที่จะแจงงานให้เต็มที่ ทว่าเสียงของใครคนหนึ่งก็ดังแหวกอากาศออกมาเสียก่อน