กรุงเทพมหานคร , ประเทศไทย
รถตู้คันสีดำสนิทจอดเทียบเข้าที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลเฉิน ความโอ่อ่าของเคหสถานแห่งนี้เป็นที่เลื่องลือของใครหลายคน รวมถึงพวกบ้านใกล้เรือนเคียงด้วย ข่าวลือหนาหูว่าลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าของบ้านกำลังจะกลับมา แต่จะจริงเท็จอย่างไรนั้นคนนอกก็ไม่อาจทราบได้
เมื่อเครื่องยนต์ดับลง ร่างสูงของคนที่นั่งโดยสารอยู่ภายในก็ลงจากรถแล้วก้าวฉับ ๆ เข้าบ้านไปโดยไม่ได้สนใจกระเป๋าเดินทางที่ตนเองเก็บมาอย่างลวก ๆ เลยแม้แต่น้อย ไรอันสวมแว่นตากันแดดเดินตรงปรี่หมายจะขึ้นบันไดเพื่อไปพักผ่อนและวิดีโอคอลหาซาร่าเพื่อรายงานว่าตนถึงไทยแล้ว ทว่าเสียงกังวานไปด้วยอำนาจของใครคนหนึ่งได้รั้งเขาไว้
‘กลับมาบ้านทั้งที ลื้อไม่คิดจะไหว้เตี่ยกับม้าบ้างเลยเหรอ’ เฉิน ห่าวซานจ้องเขม็งไปยังลูกชายที่ตั้งท่าจะเดินหลบหน้าหนีขึ้นไปยังห้องนอน
ไรอันไม่มีหนทางให้หลบเลี่ยงจึงจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับผู้เป็นพ่อ เขายกมือไหว้ท่านแล้วเอี้ยวตัวไปไหว้แม่ที่ยืนอยู่ข้างหลังด้วยสีหน้าที่คาดเดาอารมณ์ไม่ออก
‘สวัสดีครับเตี่ย สวัสดีครับม้า’
‘เครื่องบินก็ลงจอดนานแล้ว ทำไมลื้อเพิ่งถึงบ้าน เตี่ยอุตส่าห์นัดคุณโรมเอาไว้ให้ชี้แจงงานที่ลื้อจะต้องทำทั้งหมด แล้วทำไมลื้อถึงได้มาสายแบบนี้ จนเขามีธุระต้องลากลับไปแล้วเนี่ย มัวแต่ไปเถลไถลที่ไหนอยู่ บอกเตี่ยมาเดี๋ยวนี้นะ’ ห่าวซานดูเหมือนจะไม่พอใจลูกชายเอามาก ๆ ทิพย์ลดาผู้เป็นภรรยาจึงส่งมือไปลูบแขนสามีเบา ๆ เป็นการปลอบให้ใจเย็นลง
‘เครื่องมันเลต พอมาถึงผมก็แค่แวะทานข้าวไม่นานเอง ทำไมเตี่ยต้องว่าผมขนาดนี้ด้วย’ ไรอันทำสีหน้าไม่พอใจบ้างเมื่อถูกพ่อตำหนิทั้งที่ตนมาถึงช้ากว่าเวลาที่ควรมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
‘หนึ่งนาที ถ้ามาสายก็นับว่าลื้อเป็นคนไม่ตรงต่อเวลาแล้ว ทำไมถึงยังทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตแบบนี้ ลื้ออายุตั้งเท่าไหร่แล้วไรอัน เตี่ยว่าลื้อควรจะมีความรับผิดชอบมากกว่านี้’
‘แค่ไหนถึงจะดีพอสำหรับเตี่ยกันแน่ เอาเบอร์คุณโรมอะไรนั่นของเตี่ยมาเลย ผมจะโทรไปหาเขาแล้วคุยกับเขาเองครับ’ ไรอันตัดบทด้วยไม่อยากทะเลาะเบาะแว้งกับบุพการี ห่าวซานส่ายหัวแล้วตอบกลับ
‘เตี่ยไม่ให้ พรุ่งนี้ลื้อต้องไปเจอกับสังคมการทำงานจริง ๆ เตี่ยจะให้ลื้อเริ่มต้นจากศูนย์ ไม่มีใครรู้แน่นอนว่าลื้อเป็นใครมาจากไหน หวังว่าลื้อคงไม่ถูกบอร์ดบริหารเขี่ยออกตั้งแต่วันแรกนะ’ ผู้เป็นบิดาทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป ทิพย์ลดาเห็นท่าทีของลูกชายไม่สู้ดีนัก จึงเดินเข้าไปแตะไหล่ไรอันเบา ๆ
‘เตี่ยเขากำลังอารมณ์ไม่ดี ไม่เป็นไรนะลูก ยังไงพรุ่งนี้เริ่มงานลูกก็ทำตัวดี ๆ ให้คนในบริษัทเขารักเขาเอ็นดูแล้วกัน เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง เชื่อม้านะลูก’
‘ผมจะต้องทำยังไงเตี่ยถึงจะพอใจสักทีครับม้า ผมเหนื่อยที่จะต้องทำตามคำสั่งของเตี่ยทุกอย่างแล้ว’ ไรอันหน้างอง้ำเหมือนตอนยังเด็กแล้วถูกเตี่ยดุจนต้องมาซบม้า เขากอดผู้เป็นแม่แล้วหลับตาลง
‘ไรอันของม้าจะต้องเข้มแข็ง สู้ และอดทนกับงาน เด็กดียิ้มง่ายของม้าตอนเด็ก ๆ จะต้องได้เพื่อนร่วมงานที่ดีแน่นอนม้ามั่นใจ มีอะไรก็บอกม้าได้เสมอนะ ม้ารักลูกที่สุดเลย’ เธอกอดตอบลูกชายและได้แต่ภาวนาในใจว่า ขอให้การฝึกงานของลูกชายในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยด้วยเถิด
เช้าวันแรกของการทำงาน ไรอันสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนไร้ลวดลายคู่กับกางเกงเนื้อผ้าดีสีดำและเข็มขัดสีน้ำตาลเป็นเสื้อผ้าที่ดูธรรมดาทว่าความเรียบง่ายนั้นกลับดูดีเมื่อผนวกเข้ากับใบหน้าที่หล่อเหลาระดับฟ้าประทานของเขา เส้นผมสีดำสั้นถูกเชตเป็นอย่างดีเพื่อให้มีภาพลักษณ์ที่พร้อมสำหรับการเริ่มงานวันแรก
ชายหนุ่มกอดผู้เป็นมารดาก่อนขึ้นรถเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ตัวเอง วันนี้เขาเลือกขับรถเก๋งญี่ปุ่นง่าย ๆ ไม่หรูหราเพื่ออำพรางสถานะที่แท้จริง
‘โชคดีนะลูก ไรอันของม้าจะต้องทำทุกอย่างออกมาได้ดีแน่ สู้ ๆ นะลูกรัก’ ทิพย์ลดาโบกมือให้ลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เครื่องยนต์คันเล็กจะทะยานออกสู่ท้องถนน
ไรอันใช้เวลาเดินทางมาถึงบริษัทเพียงสิบห้านาทีและนั่นหมายความว่าเขามาถึงก่อนเวลาเข้างานถึงครึ่งชั่วโมงชายหนุ่มเดินหาห้องของโรมหรือชนกนันท์ หัวหน้าฝ่ายคัดกรองบุคคล พนักงานอาวุโสคนเก่าคนแก่ซึ่งเป็นสหายกับเตี่ยของเขา
ก๊อก ก๊อก
‘ขออนุญาตครับ’ รอเพียงอึดใจเดียว ประตูกระจกทึบแสงก็ถูกเปิดออก ชายวัยชราดูท่าใกล้จะหกสิบปีแล้วยิ้มต้อนรับเขาอย่างใจดี ทำให้ความรู้สึกกังวลในตอนเช้าหายวับ ไรอันค้อมศีรษะให้เล็กน้อยอย่างมีมารยาทแล้วเดินเข้าไปภายใน ‘สวัสดีครับคุณโรม ผมไร… ไม่สิ ผมเฉิน ตง ลูกชายของคุณพ่อครับ’
ไรอันเลือกแนะนำตัวด้วยชื่อจีนของเขาเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเป็นลูกชายของเฉิน ห่าวซานจริง ๆ
‘ไม่ต้องมากพิธีกับผมหรอกครับ ผมอยากให้คุณเต็มที่กับงานมากกว่าการเคารพผู้อาวุโส’ ชนกนันท์ว่า พลางนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของตนแล้วผายมือให้ไรอันนั่งฝั่งตรงข้าม