[ มัดหมี่ ]
เช้าตรู่ของวันต่อมา…
ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกอ่อนเพลียราวกับไม่ได้พักผ่อนมาเป็นเวลานาน ทันทีที่ขยับร่างกายความเจ็บปวดก็แล่นเข้าสู่ใจกลางความสาว ฉันสะบัดหัวไปมาเล็กน้อยเพื่อเรียกสติก่อนจะไล่เรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
“ให้ตายเถอะ นี่ฉันทำอะไรลงไป” ฉันตบหน้าผากตัวเองแรง ๆ เมื่อเหตุการณ์เมื่อคืนยังวนเวียนอยู่ในหัว ภาพการกระทำป่าเถื่อนของผีเจ้าที่ใจร้ายยังทำให้ฉันนึกโกรธตัวเองที่พาร่างกายไปเจออะไรแบบนั้น พอก้มลงสำรวจร่างกายตัวเองก็พบว่าไร้ซึ่งเสื้อผ้าห่อหุ้ม แถมบนเตียงนอนยังมีคราบเลือดเปรอะอยู่
“มีวันไนท์สแตนด์กับผีเนี่ยนะ จะบ้าตาย” ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนั้นลงไป
“ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ดีกว่ามีกับคน มีกับผีก็ไม่มีใครรู้สักหน่อย” ฉันพึมพำก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองก่อนไปเรียน
วูบ~
“กรี๊ด!” แต่ก็ต้องกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากอ่างล้างหน้าแล้วพบว่ากระจกตรงหน้ามีภาพของใครบางคนยืนซ้อนหลังฉันอยู่
“มากลัวอะไรเอาป่านนี้ เมื่อคืนเธอยังท้าทายฉันอยู่เลย” เจ้าของแววตาดุดันเอ่ยขึ้นขณะจ้องมองฉันผ่านกระจก
“นี่! นายจะแว๊บไปแว็บมาแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าฉันตกใจจนหัวใจวายตายขึ้นมาจะทำยังไง” ฉันตวัดสายตาดุ ๆ ให้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผ่านกระจกก่อนจะตั้งใจแปรงฟันต่อ
“ตายก็กลายเป็นผีไง เดี๋ยวเรียกยมทูตมารับวิญญาณแล้วก็จะเรียกกู้ภัยมารับศพให้ด้วย” คนข้างหลังตอบ
“จะไปไหนก็ไปอย่ามายุ่งกับฉัน” ฉันบอกคนด้านหลังแบบไม่หันไปมองก่อนจะพูดต่อ “ไหนบอกว่าไม่ชอบเห็นใครเดินแก้ผ้าไง แล้วนี่มายืนมองคนอื่นยืนโป๊อยู่ทำไม คิดจะกลืนน้ำลายตัวเองเหรอ”
“ฉันมาทวงสัญญา”
“สัญญาบ้าบออะไรของนาย ฉันไปสัญญาอะไรกับนายไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“วันนี้เธอต้องออกไปจากบ้านหลังนี้”
“ไม่”
“อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ”
“ถ้าฉันย้ายออกแล้วฉันจะไปอยู่ไหน” ฉันตวัดสายตามองคนด้านหลังผ่านกระจกก่อนจะเปิดน้ำตรงอ่างล้างหน้าล้างตาต่อ
“นั่นมันเรื่องของเธอ”
“ฉันอยู่ที่นี่ ฉันจ่ายค่าเช่า ค่าน้ำค่าไฟ ไหนจะทำความสะอาดบ้านอีก ทำไมฉันจะอยู่ไม่ได้ นายนั่นแหละต้องย้ายออกไป อยู่มาตั้งนานแต่ไม่รู้จักบำรุงรักษาบ้าน”
“...”
“ถ้านายอยากอยู่ที่นี่ก็ต่างคนต่างอยู่ หรือถ้าอยู่แล้วลำบากใจนักก็ย้ายออกไปเองสิ”
“ตกลงจะออกไม่ออก” คนข้างหลังถามต่อไม่เลิกราวกับจะให้ฉันย้ายออกจากบ้านหลังนี้ให้ได้
“ไม่ออก นายจะทำไม”
“อยากลองดีงั้นเหรอ?”
“เมื่อคืนก็ลองแล้วนี่ นายคิดว่าดีไหมล่ะ” ฉันกระตุกยิ้มมุมปากใส่คนด้านหลังผ่านกระจก ก่อนจะเปิดน้ำจากฝักบัวให้ไหลรดตัวเพื่อทำความสะอาดร่างกายโดยไม่สนใจว่าเขาจะยืนอยู่
“แล้วจากนี้ไปอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“จ้าคุณผีเจ้าที่สุดหล่อ ฉันจะรอดูว่านายหรือฉันกันแน่ที่จะย้ายออกไปจากบ้านหลังนี้”
**********
ตกเย็นฉันกลับมาที่บ้านหลังจากไปเรียนเหมือนทุก ๆ วัน ทว่าเมื่อก้าวขาเข้ามาในบ้านฉันก็ต้องพบกับความผิดปกติบางอย่าง เสื้อผ้าและของใช้ทุกอย่างของฉันถูกแพ็คลงกระเป๋าไว้เรียบร้อยและกองอยู่ตรงห้องนั่งเล่นของบ้าน แผ่นกระดาษสีขาวที่แปะข้อความเอาไว้ทำให้ฉันถึงกับหัวร้อนขึ้นมา 'ออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ'
“อะ ไอ้ผีเจ้าที่บ้า!” ฉันขยำกระดาษทิ้งหลังจากอ่านข้อความข้างในจบพร้อมกับโวยวายเสียงดัง “นายไม่มีสิทธิ์ไล่ฉันออกจากบ้านหลังนี้นะ! นายอยู่ไม่ได้ก็ย้ายออกไปเองสิ!”
“...” ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ จากคนที่ฉันโวยวายถึง
“นายออกมาเดี๋ยวนี้นะ! อยู่ไหนออกมา!” ฉันโวยวายต่อ ก่อนจะเปิดทีวีแล้วเร่งเสียงให้ดังลั่นบ้าน เปิดไฟทุกดวงให้สว่างไสวทั่วบ้าน ทั้งยังเปิดเพลงในโทรศัพท์มือถือให้ดังสุดเสียงแข่งกับเสียงทีวี “ถ้านายยังไม่ออกมา ฉันจะซื้อบ้านหลังนี้แล้วสั่งทุบทิ้งซะ! มาดูกันว่าผีเจ้าที่อย่างนายจะไปอยู่ไหน!”
วูบ~
ทันทีที่ฉันพูดจบร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำก็มายืนอยู่ตรงหน้าฉัน ใบหน้าไร้อารมณ์ทว่าแววตาดุดันนั้นจ้องมองมาราวกับโกรธจัด
“ดูปากฉันนะ” ฉันชี้ปากตัวเองขณะที่สบตากับคนตรงหน้าก่อนจะเน้นคำชัด ๆ กับเขา “ฉัน-ไม่-ออก”
วูบ~
“ว๊าย! นี่ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!” ร่างสูงใหญ่ตรงหน้าไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา หากแต่ลอยเข้ามาใกล้พร้อมกับช้อนตัวฉันขึ้นจากพื้นในท่าเจ้าสาว แล้วพาฉันลอยออกมานอกรั้วบ้าน ข้าวของในกระเป๋าที่วางไว้กลางห้องนั่งเล่นเมื่อครู่ ก็ลอยออกมากองอยู่นอกรั้วบ้านด้วย
ตุบ!
“เจ็บนะ!” คนตัวสูงกว่าโยนฉันลงพื้นอย่างไม่กลัวว่าฉันจะเจ็บก่อนจะหายวับไป ทิ้งให้ฉันยืนอยู่นอกรั้วบ้านกับข้าวของในกระเป๋าอีกสี่ห้าใบ
“นี่นายไล่คนที่จ่ายค่าเช่าบ้านออกจากบ้านเหรอ! ไอ้ผีเจ้าที่เฮงซวย! เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ!” ฉันโวยวายต่อเมื่อประตูรั้วไม่สามารถเปิดได้ ทั้งข้างนอกฟ้าก็มืดเพราะค่ำแล้ว แถมบ้านที่อยู่หลังตรงข้ามก็ไม่มีคนอยู่ ส่วนจุดของบ้านที่ฉันเช่าอยู่ก็เป็นซอยตันอีกด้วย เรียกได้ว่าอยู่หลังสุดท้ายของหมู่บ้านเลยก็ได้ ถ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกยัยนาวที่อยู่บ้านข้าง ๆ นางต้องตกใจมากแน่ ๆ
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
หลังจากยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งพอตั้งสติได้ก็โยนกระเป๋าข้าวของของตัวเองข้ามรั้วไป ก่อนจะพยายามปีนเข้าบ้านตัวเองด้วยท่าทางทุลักทุเล ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าเกิดมาในชีวิตนี้จะถูกผีเจ้าที่ไล่ออกจากบ้านแถมยังต้องปีนรั้วเข้าบ้านตัวเองราวกับเป็นผู้บุกรุก
“อึ้บ!”
ตุบ!
ฉันกระโดดลงพื้นเมื่อปีนรั้วเข้ามาได้สำเร็จ ก่อนจะเดินทยอยหอบกระเป๋าเข้าไปในบ้านทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งเอาไว้ โดยไม่ได้สนใจว่าไอ้ผีเจ้าที่บ้านั่นจะมองฉันอยู่ไหม รู้แค่ว่าฉันจะทำทุกอย่างเหมือนปกติแล้วก็เลิกสนใจผีเจ้าที่ซะ
“ยังไงฉันก็จะอยู่ที่นี่ต่อไป นายมีสิทธิ์อะไรมาไล่คนจ่ายค่าเช่าบ้านออก!”