06:00 ที่หน้าสตูดิโอ M
“มากันครบแล้วใช่ไหม” พี่ตากล้องเอ่ยถามพร้อมกับมองน้อง ๆ และเพื่อนร่วมทีมงานของตัวเอง
“ครบแล้วจ๊ะ” พี่เอ็มมี่ตอบ
“เราไปกันหมดนี้เลยเหรอคะ ของขวัญนึกว่าไปกันแค่ฝ่ายคอสตูมกับช่างแต่งหน้า” ฉันถามพี่เอ็มมี่
“ใช่คะคุณลูก เขาจ้างทีมงานของเราให้ไปเก็บภาพบรรยากาศตอนเล่นคอนคอนเสิร์ตน่ะ” พี่เอ็มมี่บอก
“นี่มีคอนเสิร์ตด้วยเหรอค่ะ” ฉันถามพี่เอ็มมี่อย่างตื่นเต้น เป็นช่วงวันหยุดที่น่าสนุกที่สุดเลย
“ใช่คะ เขาให้บัตรเราเข้าดูฟรีด้วยนะ” พี่เอ็มมี่บอกอย่างดีใจ
“ปะ ขึ้นรถกันเดี๋ยวไปถึงไม่ทันเวลางานเริ่ม” เสียงพี่ทีมงานคนหนึ่งบอก
ฉันเข้าไปนั่งแถวหน้าติดหน้าต่างแล้วพี่เอ็มมี่ก็ตามมานั่งข้าง ฉันไม่เคยได้ออกมาเที่ยวต่างจังหวัด มันก็เลยทำให้ฉันตื่นเต้นมาก แถมจะได้ดูคอนเสิร์ตฟรีๆอีกด้วย
สามชั่วโมงต่อมา
แล้วเราก็มาถึงสถานที่จัดงานคอนเสิร์ตเวทีใหญ่โตมาก ต้องเป็นศิลปินคนดังแน่ ๆ ชักจะอดใจไม่ไหวแล้ว อยากรู้จังว่าจะได้แต่งหน้าให้กับศิลปินคนไหน
“ปะ ของขวัญไปเตรียมตัวกัน” พี่เอ็มมี่เดินมาคล้องแขนฉันให้เดินไปพร้อมกัน
พี่เอ็มมี่พาฉันเดินมาด้านหลังเวที ซึ่งก็มีเต็นใหญ่กางตั้งอยู่หลายซุ้มแต่ล่ะเต็นก็ปิดมิดชิด สงสัยกลัวแฟนคลับมาแอบมาถ่ายรูปศิลปิน
“พี่เอ็มมี่ แล้วเราจะไปแต่งหน้าตรงไหน” ฉันถามอย่างสงสัย ไม่รู้เลยว่าศิลปินอยู่เต็นไหนบ้าง
“เดี๋ยวพี่ขอโทรถามเขาแป๊บนะ” แล้วพี่เอ็มมี่ก็เดินเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ไม่ไกลจากที่ฉันยืนอยู่
ฉันเดินดูรอบๆรอพี่เอ็มมี่ เป็นศิลปินนี่ดีจังเลยเนอะ มีคนเตรียมไว้ให้ทุกสิ่งอย่างพวกเขาก็แค่เตรียมตัวมาให้พร้อมก็พอ แล้วสายตาเจ้ากรรมก็มองเข้าไปในเต็นหลังหนึ่ง ซึ่งเต็นหลังนี้เปิดหน้าต่างผ้าไว้ก็เลยทำให้มองเห็นด้านใน ฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งคร่อมตัวผู้ชายกำลังซุกไซ้ซอกคอผู้ชายอย่างเอาใจ ซึ่งหล่อนหันหน้ามาทางหน้าต่างทำให้เห็นหน้าหล่อนชัดเจน ส่วนผู้ชายนั่งหันหลังติดหน้าต่างก็เลยไม่เห็นหน้าผู้ชาย
“จูบไม่ได้เหรอ” เสียงผู้หญิงออดอ้อน
“ไม่!” พอได้ฉันเสียงผู้ชายหน้าฉันก็ชาวาบ เสียงนี้...
ด้วยความตกใจฉันเดินถอยหลังไปชนกับใครเข้าก็ไม่รู้
“น้องมาทำอะไรตรงนี้ เป็นแฟนคลับเหรอ”
ผู้ชายคนนี้...หล่อมาก!
ไม่ใช่สิ จำได้แล้วเขาคือคนที่มาเคลียร์สถานการณ์ในวันที่พี่ไลลามีเรื่องที่เอสทีผับ
“เปล่าค่ะ ของขวัญมากับทีมแมคอัพ” ฉันตอบพี่เขาไป คนอะไรก็ไม่รู้ขาวเวอร์
“ออ พี่ชื่อเรย์ หรือจะเรียกเฮียเรย์ก็ได้” เขาแนะนำตัว
“หนูชื่อของขวัญคะ” ฉันก้มหัวให้พี่เขาหนึ่งที
“มีอะไรครับ” เสียงไดมอนด์ดังมาจากด้านหลัง ฉันไม่กล้าหันไปมอง
“ไม่มีอะไร เฮียนึกว่าน้องคนนี้เป็นแฟนคลับเห็นมาเดินแถวเต็นมอนด์”
“ไปก่อนนะคะ” ฉันบอกเฮียเรย์เสียงเบาหวิว แล้วรีบวิ่งแจ้นไปหาพี่เอ็มมี่ทันที
“ไปไหนมา แล้วทำไมวิ่งตาตั้งมาขนาดนั้น” พี่เอ็มมี่ถาม
ฉันยืนหอบหายใจ แฮ่ก ๆ สักพักก็หายใจเป็นปกติ
“ไม่มีอะไรคะ อยากอออกกำลังนิดหน่อย” ฉันแถตอบพี่เอ็มมี่
“ตื่นเต้นล่ะสิ พึ่งเจองานใหญ่ครั้งแรกก็แบบนี้แหละ” พี่เอ็มมี่ตีความหมายเป็นงั้นไป แต่ก็ดีแล้วล่ะ
“แล้วเราจะไปแต่งหน้าให้พวกเขาที่ไหนคะ”
“เต็นนี้แหละ ปะ เข้าไปด้านในกัน”
พี่เอ็มมี่เดินนำหน้าฉันเขาไป พอเข้ามาด้านในฉันรีบมองหาสิ่งที่จะสามารถปิดบังใบหน้าฉันได้ พระเจ้าช่วย! ฉันเจอกล่องแมสปิดปากสีขาว สงสัยเอาไว้ให้ศิลปินใส่รึไม่ก็ให้พวกช่างแต่งหน้า ฉันหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นรีบใส่ทับจมูกและปากทันที มา! พร้อมค่ะ ไม่มีใครจำฉันได้
คิดว่างั้นนะ
แล้วพวกศิลปินก็เดินเข้ามาเจ็ดแปดคน แต่ไม่มีไดมอนด์สงสัยจะเล่นบทเลิฟซีนอยู่ แล้วฉันจะหงุดหงิดทำไม เขาก็เป็นแบบนี้ตั้งนานแล้วนิ เฮ้อ...
ฉันเลือกแต่งหน้าให้กับผู้หญิงเพราะไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายเท่าไร
“อ้าว! ไม่สบายเหรอของขวัญอะ” เฮียเรย์เดินมาถามฉัน
ฉันหันไปมองอย่างอึ้งๆ นี่เฮียเรย์จำฉันได้เหรอ
“จำของขวัญได้เหรอคะ” ฉันถามออกไปเหมือนคนเอ๋อเลย
“ก็จำได้สิ ก็พึ่งเจอกันเอง เฮียไม่ได้สมองเสื่อมสักหน่อย” เฮียเรย์เดินไปพรางขำฉันไปด้วย แล้วไดมอนด์จะจำฉันได้ไหมนะ จำไม่ได้หรอก...ต้องจำไม่ได้ ปลอบใจตัวเองไปพรางๆ
“คนไหนชื่อของขวัญ” จู่ ๆ ก็มีเสียงผู้ชายหน้าตาเหมือนลูกครึ่งพูดขึ้น
“หนูเองค่ะ” ฉันยกมือขึ้นเหมือนเด็กๆ ขานรับเวลาคุณครูเรียกชื่อ
“เฮียชื่อซัมดีนะ พอดีว่าจะวานของขวัญช่วยไปแต่งหน้าไอ้ตัวทองเงินตัวทองของเฮียหน่อย เพราะถ้าของขวัญไม่ไปแต่งหน้าให้ ไดมอนด์มันจะไม่ยอมขึ้นค่อยเสิร์ตให้เฮียนะ” เฮียซัมดีพูดอย่างเหนื่อยหนาย
“ช่วยหน่อยนะ เดี๋ยวเฮียให้ค่าเสียเวลาเพิ่ม” เฮียซัมดีพูดอย่างอ้อนวอน
ฉันจำต้องพยักหน้ารับปากอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำไมเขาต้องทำตัวเรื่องมากแบบนี้ด้วยนะ
ฉันเดินมาหยุดอยู่หน้าเต็นที่พึ่งวิ่งหนีไปเมื่อสามสิบนาทีที่แล้ว ฉันยืนหายใจเข้า หายใจออก ทำสมาธิอยู่สักพัก เอาวะ รีบๆ แต่งจะได้เสร็จๆ ไป เสียเวลาคนอื่นเขา
ฉันเอื้อมมือแหวกผ้าม่านออกให้พ้นตัวแล้วเดินเข้าไป ไดมอนด์กำลังนั่งอยู่จ้องมองฉันผ่านกระจกใบใหญ่ ฉันหันไปมองผ้าม่านที่หน้าต่างตอนนี้ถูกผิดลงแล้ว ฉันเดินไปที่หน้าต่างหวังจะเปิดผ้าม่านออก
“มานี่ เดี๋ยวนี้” เสียงไดมอนด์สั่งเสียงดุ
ฉันสะบัดผมใส่ผ้าม่านอย่างหัวเสีย แล้วก็เดินมาหาเขา
“หลับตา” ฉันบอกไดมอนด์ เมื่อฉันกำลังจะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าเขา
พรึบ!
“ว้าย” ฉันร้องตกใจเมื่อไดมอนด์ลุกขึ้นยืนกอดเอวฉัน เขาใช้ขาเข้าแทรกกลางหว่างขาของฉัน จับให้นั่งลงบนตักกลายเป็นว่าตอนนี้ฉันนั่งคร่อมเอวหนาอยู่ มันล่อแหลมเกินไปแล้ว ที่สำคัญฉันใส่กระโปรงมา...
“ไดมอนด์ เล่นอะไรของนาย ปล่อย!” ฉันดิ้นไปมาอยู่บนตักของเขา มือเล็กก็ยันอกแกร่งไว้
“อย่าดิ้น” ไดมอนด์สั่ง แต่ทำไมเขาต้องหน้าแดงด้วย นี่โกรธฉันขนาดนั้นเลยเหรอ
“ก็ปล่อยฉันสิ” แขนหนายิ่งกระชับกอดแน่นขึ้นกว่าเดิมอีก
“ถ้าเธอไม่หยุดดิ้นนะ เธอไม่รอดแน่”
ฉันหยุดดิ้นทันทีที่ได้ยินคำขู่จากเขา ขืนไม่หยุดดูสิ ฉันรู้ว่าเขาทำอย่างที่พูดแน่
“ไม่ดิ้นต่อล่ะ” ไดมอนด์ถามยี่ยวน ทำหน้ากวนสุดๆ
“นิ มัวแต่แกล้งฉันอยู่ได้ คนอื่นเขาแต่งหน้ากันเสร็จหมดแล้วนะ” ฉันตั้งสมาธิแล้วพูดกับเขาอย่างใจเย็น ไม่อยากกระทบกระทั้งกันตอนนี้ เพราะฉันเสียเปรียบอยู่
“แล้วใส่แมสทำไม คิดว่าฉันจะจำไม่ได้เหรอ” ไดมอนด์ยื่นหน้าเขามาใกล้ห่างกันไม่ถึงเซ็น
“ใส่กันฝุ่นไง” แถซะเลย
“เห็นแค่ด้านหลังฉันก็รู้แล้วว่าเป็นเธอ ของขวัญ” ไดมอนด์สบตาฉันนิ่ง
นี่เขาจำฉันได้ดีขนาดนั้นเชี่ยว
ใบหน้าขาวเนียนเหมือนผู้หญิงเคลือนเข้ามาเฉียดแก้มด้านซ้าย ปากหนางับเข้ากับสายแมสดึงออกจากหูซ้าย ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดหลังหูทำให้ขนในกายรุกชันไปทั้งตัว แล้วก็เปลี่ยนมางับสายแมสข้างขวาออก ใจฉันเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ ฉันแอบจ้องมองลำคอขาวเนียนอย่างเผลอไผล ทำไมผิวเขาเนียนขนาดนี้ อย่างกับผิวผู้หญิง
“จ้องขนาดนั้น จะดูดเลือดฉันเหรอ”
พอได้ยินไดมอนด์แซว ใบหน้าก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างนึกอายที่เผลอจ้องมองจนจับได้
“เปล่าซะหน่อย” ฉันเบือนหน้าหนีหลบสายตาเจ้าเล่ห์
“ถ้าเป็นเธอ ฉันยอม” ไดมอนด์พูดชิดแก้มเนียนของฉัน
“พูดบ้าอยู่ได้ แล้วเมื่อไรจะได้แต่งหน้า” ฉันแกล้งพูดเปลี่ยนเรื่องซะเลย
“ก็แต่งสิ” ไดมอนด์พูดยิ้มๆ แขนหนาก็โอบรัดเอวฉันไว้แน่น
“แบบนี้ ฉันแต่งไม่ถนัด” ฉันเริ่มดิ้นอีกครั้ง
“อยู่นิ่งๆ แล้วก็แต่งไป ไม่งั้นจะได้ทำอย่างอื่นแทน” ไดมอนด์พูดเสียงดุ
เขาหลับตาลงแพรขนตายาวงอนธรรมชาติโดยที่ไม่ต้องดัด ฉันจ้องมองอย่างหลงไหล ไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมผู้หญิงถึงชอบเข้าหาเขานัก
“ถ้ายังจ้องฉันอยู่ ฉันจะ...” ไดมอนด์ลืมตาขึ้น
“รู้แล้วๆ หลับตาสิ” ฉันชิ่งพูดก่อน ชอบขู่จัง เดี๋ยวก็ยอมซะเลยนี่...
ไม่ได้ๆ อย่าคิดอะไรบ้าๆนะ ของขวัญ
แล้วฉันก็แต่งหน้าให้ไดมอนด์จนเสร็จ การแต่งหน้าครั้งนี้ ฉันไม่ค่อยมีสมาธิเลย แต่ก็ออกมาได้ดีทีเดียว ถึงเขาจะนั่งกอดเอวฉันนิ่งก็จริง แต่ใจฉันนี่สิ เต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่ง และฉันก็เริ่มเมื่อยขาแล้วด้วย
“เสร็จแล้ว” ฉันบอกไดมอนด์ เมื่อแต่งหน้าให้เขาเสร็จ
ไดมอนด์หันไปส่องดูหน้าตัวเองที่กระจกบานใหญ่ แต่ว่าไดมอนด์กลับนั่งจ้องกระจกนิ่ง ทำให้ฉันต้องหันไปมองที่กระจกอย่างสงสัย แล้วฉันก็นิ่งอึ้งเหมือนกัน เมื่อกระจกบานใหญ่ฉายภาพหญิงสาวซึ่งก็คือฉัน กำลังนั่งคร่อมชายหนุ่มซึ่งก็คือไดมอนด์ ภาพมันดูติดเรทมากอ่ะ เห็นชัดยิ่งกว่าระบบ HD ซะอีก
ไดมอนด์ปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากเอวฉัน มือหนาเลื่อนเข้ามาใต้กระโปรงตัวสั้น ซึ่งฉันไม่มีทางต่อต้านได้เลยเพราะยังนั่งคร่อมตักเขาอยู่
“หยุ...”
ริมฝีปากหนาประกบปิดปากบางของฉันทันที มือหนาล้วงล่ำเข้ามาทักทายสิ่งสงวนอย่างง่ายดาย นิ้วเรียวยาววนเล่นอยู่ตรงกลางกายสาว ฉันจิกเล็บลงที่ลำคอหวังให้เขาเจ็บจะได้หยุดการกระทำที่แสนน่าอายนี้ แต่ว่ายิ่งฉันทำเขาเจ็บเขาก็ยิ่งจูบฉันหนักขึ้น แขนที่รัดเอวอยู่ ยิ่งรัดแน่นเข้าไปอีก
“อื้อ...” ฉันประท้วงเสียงอยู่ในลำคอ
เมื่อเขาไม่ยอมหยุดฉันก็เพิ่มแรงจิกเล็บลงไปอีก ทำให้นิ้วเรียวยาวที่อยู่ใต้กระโปรงรั้งกางเกงแพนตี้ตัวจิ๋วไปด้านข้างแทรกอีกนิ้วเข้ามากลางกายสาว
“อื้อ...” ฉันร้องครางอยู่ในลำคอ เมื่อนิ้วเรียวเริ่มขยับเข้าออกอย่างช้าๆ นิ้วหัวแม่มือขยี้กับจุดเสียวกลางกาย สร้างความเสียวซ่านอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“อ๊ะ...” ฉันร้องครางออกมา เมื่อเขาถอนริมฝีปากออกเปลี่ยนมาซุกไซ้ซอกคอแทน
“อ๊อย...” รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ลำคอ เมื่อริมฝีปากหนาเม้มดูดแรงทำให้ระบบหายใจติดขัด ไดมอนด์เริ่มเร่งจังหวะนิ้วเร็วขึ้น ร่างกายผวาเป็นระยะๆ แขนเล็กกอดรอบคอหนาไว้แน่น ฉันซบหน้าลงกับอกแกร่ง กัดฝังเขี้ยวลงที่ลำคอหนา หวังระบายความอึดอัดจากช่วงล่างที่โดนเขาล่วงล่ำอย่างจาบจ้วง
“อืออ” ฉันกลั้นเสียงตัวเองไม่ได้แล้ว มันรู้สึกอึดอัดไปหมด
ช่วงล่างก็เผลอโยกตามจังหวะนิ้วของเขาอย่างลืมอาย ร่างกายบิดเร่ากระตุกถี่สติเริ่มพร่าเลือนจางหายเหมือนก้อนเมฆที่กำลังกระจายตัวออกจากกลุ่ม
“ตอดแรงดีจัง” คำชมจากปากหนา ทำให้ใบหน้าฉันเห่อแดงเนื้อตัวร้อนรุ่มเหมือนนั่งอยู่ใกล้แสงแดดจ้า
เขาถอนนิ้วเรียวยาวออกแล้วยกขึ้นมาเลียชิมนิ้วที่เปื้อนไปด้วยหยาดน้ำใส เขาทำเหมือนกับว่ามันเป็นของหวานเลิศรสแสนหายาก พอได้เจอเป็นต้องชิมอย่างอดใจไม่ได้
“หวานจัง” ใบหน้าฉันร้อนผ่าวลามถึงใบหู สายตาเร่าร้อนของเขาจ้องมองอย่างมีเลศนัยน์ ความรู้สึกตอนนี้มันทั้งอาย ทั้งตกใจ แล้วก็กลัวคนตรงหน้า สิ่งที่เขาทำมันสร้างความรู้สึกบางอย่างทิ้งไว้ ตัวฉันเริ่มสั่นเทิ้มหนาวๆ ร้อนๆ ยังไงก็ไม่รู้
“ไดมอนด์...” ฉันดันอกเขาไว้เมื่อเขาจูบลงหนักๆ ที่ลำคอ
“ฮื้อ...” ไดมอนด์ครางเสียงหวาน
ฉันเริ่มจะคล้อยตามแล้วนะ ทำไมต้องทำเสียงหวานด้วย
“ฉันกลัว...” ฉันบอกตามความจริง
“ไม่ต้องกลัว ฉันจะไม่รุนแรงจะทำเบาๆ” ไดมอนด์กระซิบบอก
“ไม่ได้นะ อย่าทำ” ฉันต้องห้ามเขาไว้ ก่อนที่จะไม่มีสติห้าม
“ทำไม” ปากถาม แต่หน้ากับจมูกซุกไซ้ซอกคอไม่หยุด
“เดี๋ยวคนอื่นเห็น แล้วนายต้องไปเล่นคอนเสิร์ตด้วย” ฉันพยายามควบคุมตัวเองสุดๆ
“อีกตั้งสองชั่วโมงกว่าคอนเสิร์ตจะเริ่ม ยังพอมีเวลา” เขาไม่ฟังฉันเลย
“แต่...”
ไดมอนด์หยุดไซ้ซอกคอจ้องหน้าฉันอย่างหงุดหงิด เขาหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วกดโทรออก
“ห้ามใครมารบกวนผม จนกว่าจะถึงเวลาขึ้นเวที ผมจะนอน” พูดจบเขาก็วางสายทันที แบบนี้ก็ได้เหรอ
“คงจะทำบ่อยล่ะสิ” ฉันอดแขวะเขาไม่ได้ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ตรงนี้บนตักเขาที่ไม่ใช่ฉัน
“เปล่าสักหน่อย” เขาปฏิเสธหน้าตาเฉย
“ขาดไม่ได้เลยนะ” เจอกันทีไรก็อยู่กับผู้หญิงตลอดไม่เคยขาดมือเลย
“ของมันต้องได้” ตอบได้น่าโมโหมาก
“เมื่อไรจะเลิกสักที” ฉันเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ ไม่เคยเถียงเขาได้เลย
“อยากให้เลิก ก็เอาตัวเธอมาแลกสิ” ไดมอนด์พูด
หน้าฉันชาวาบเนื้อตัวร้อนรุ่มคลายคนเป็นไข้หนัก
“ต้องได้ใช่ไหม” ฉันถามอย่างหวาดระแวง
“ใช่” แล้วเขาก็ตอบแบบไม่ต้องคิด
ไดมอนด์ส่งสายตาออดอ้อนมาให้ มือหนาเลือนเข้ามาในเสื้อตัวบาง ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังวนมาหยุดที่ตะขอบราแล้วเขาก็ปลดมันออกออกเพียงมือเดียว
“แล้วแต่นาย...” ฉันเผลอตอบรับดังคลายคนละเมอ หวั่นไหวไปกับสัมผัสจากมือหนา
เขาอ่อนโยนเสียจนฉันไม่กล้าขัดใจ กลัวว่าถ้าขัดใจขึ้นมาเดี๋ยวจะอารมณ์ร้ายใส่อีก
“พูดเองนะ”
ไดมอนด์อุ้มฉันลุกออกจากเก้าอี้เดินเข้ามาด้านหลังกระจกบานใหญ่ซึ่งมีที่นอนปิกนิกปูไว้อยู่แล้ว
“ไม่เอา” ฉันพูดเสียงแข็ง
ไดมอนด์ทำหน้างงอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันเคลียร์แล้วไง กลัวอะไรอีก” ไดมอนด์เริ่มอารมณ์เสียซะแล้ว
“ฉันไม่ได้ห้ามเพราะเรื่องนั้น” ฉันเผลอหงุดหงิดใส่เขาเหมือนกัน
“แล้ว...” ไดมอนด์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ฉันไม่อยากทับที่ใคร” พูดจบก็เบือนหน้าหนีทันที
“หมายความว่าไง”
“ก่อนหน้าฉัน นายทำอะไรกับใครในเต็นนี้ล่ะ” พูดแล้วก็นึกฉุนขึ้นอย่างน่าโมโห คนอย่างเขาไม่เคยพอเลยจริง ๆ
“ฉันกับยัยนั่นไม่ได้ทำอะไรอย่างที่เธอคิดหรอกนะ” เขาพูดจริงใช่ไหม เชื่อได้รึเปล่า
“ไม่เชื่อ”
“ของขวัญ” น้ำเสียงของเขาดูอ่อนลง ฉันหันหน้ากลับมามอง
“ฉันอยากทำกับเธอนะ”
เหมือนต้องมนต์สะกด เมื่อได้สบตากับเขาดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองอย่างออดอ้อน เหมือนเด็กน้อยอ้อนผู้ใหญ่เพราะอยากได้ของเล่นที่โปรดปาน แล้วฉันจะกล้าขัดใจเขาไหมล่ะ
ริมฝีปากหนาทาบทับริมฝีปากบาง ลิ้นชื้นแทรกกรีบปากบางเข้ามาตวัดดึงดูดลิ้นเล็กอย่างเชี่ยวชาญ มือหนาค่อยๆดึงเสื้อตัวบางของฉันขึ้นมากองอยู่เนินอก บราที่ไม่ได้เกาะเกี่ยวกันไว้ก็หลุดออกเผยให้เห็นก้อนเนื้อนิ่มขนาดพอดีมือ ริมฝีปากหนาเลือนลงมาครอบครองยอดอกที่แข็งเป็นไต มืออีกข้างก็บีบเคล้นคลึงอย่างเอาใจ สองมือเล็กทึ้งเรือนผมสีดำต้องการระบายความสยิวจากลิ้นชื้นที่กำลังเขี่ยยอดอกสลับกับดูดดื่ม ร่างบางกระตุกเป็นระยะ ความรู้สึกเจ็บปนเสียวชวนให้อารมณ์ในตอนนี้ เริ่มมีความต้องการบางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
มือหนาดึงเสื้อตัวบางออกทางศีรษะ ร่างกายฉันก็ให้ความร่วมมือด้วยการขยับตัวให้เขาถอดได้ง่ายขึ้น ความรู้สึกอายตอนนี้คงไม่มีแล้ว เหลือเพียงความเสียวซ่านอยู่ภายใน ไดมอนด์ถอดเสื้อตัวเองออกเผยให้เห็นรอยสักบนตัวอย่างชัดเจน
“ไม่ต้องจ้องขนาดนั้น ได้กินฉันแน่” ไดมอนด์พูด
ฉันพลิกตัวนอนตะแคงหนีไปอีกทาง เมื่อเขาถอดกางเกงยีนออกพร้อมกับบล็อกเซอร์
“อายฉันบ้างก็ได้นะ” ฉันเลยแอบแขวะเล็กน้อย
“จะอายทำไม เพราะมันกำลังจะเป็นของเธอ ของขวัญ” ยิ่งเขาพูดแบบนี้
ฉันยิ่งไม่กล้าหันไปมองใหญ่ รู้สึกถึงแรงหยุบของที่นอนด้านหลังมือหนาเอื้อมมือมาจากด้านหลัง กอบกุมก้อนเนื้อนิ่มเคล้นคลึงปลุกอารมณ์บางอย่างที่กำลังก่อตัวอยู่ภายใน ริมฝีปากหนาพรมจูบไปทั่วกลางหลังสร้างความสยิวให้ฉันไม่หยุด มือหนาเลือนลงมาลูบไล้หน้าท้องแบนราบลงมายังเนินเนื้อสาว นิ้วเรียวกรีดแทรกเข้ามาทักทายส่วนสงวนกลางกายอีกครั้ง
“อ๊ะ อุ๊บ...” ฉันยกมือปิดปากตัวเองไว้ เมื่อเผลอร้องเสียงน่าเกลียดออกมา และเหมือนเขาจงใจแกล้งฉันด้วยการเร่งจังหวะนิ้วเร็วขึ้น
“อืออ” ฉันกลั้นเสียงไม่อยู่ รู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว
ไดมอนด์จับไหล่มนให้พลิกมากลับมามองสบตากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ในใจไหวสั่นร่างกายอ่อนแรงไร้การต่อต้านใดใด นี่ฉันใจง่ายไปรึเปล่านะ
“เธอเป็นของฉันคนเดียว ของขวัญ”
ริมฝีปากหนาโฉบลงมาประกบริมฝีปากบางบดจูบอย่างเร่าร้อน ลิ้นร้ายกวาดทั่วโพรงปากควานหาความหวานปานน้ำผึ้ง ฉันไม่อาจต้านทานเขาได้เลย เขาทำให้ฉันลุ่มหลงยากที่จะถอนตัว
“อ๊ะ โอ๊ย...” ฉันนิ่วหน้าทันที เมื่อมีบางอย่างกำลังดุนดันเข้ามาสร้างความเจ็บปวดกลางกาย เหมือนส่วนนั้นกำลังจะฉีกขาดเสียให้ได้ น้ำตาไหลซึมออกมาตามหางตา
“อย่า...เกร็ง อ่า...” เขาดุฉันเสียงสั่นเหมือนทรมาน
“ขวัญเจ็บ...” ฉันพยายามขยับถอยหนี แต่ยิ่งขยับส่วนนั้นก็ยิ่งดันเข้ามาลึกกว่าเดิม
“อยู่นิ่งๆ” ไดมอนด์จับไหล่ฉันไว้แน่นไม่ยอมให้ฉันขยับตัวถอยหนีอีก
“ขวัญเจ็บจริงๆ นะ หยุดเถอะ...” ฉันไม่รู้จะบอกเขายังไงดี รู้สึกเจ็บระบมที่ช่วงล่างมันชาไปทั้งหน้าขา
“เดี๋ยวก็หายแล้ว แป๊บเดียว”
ริมฝีปากหนาจูบซับน้ำตาไล่ลงมาที่แก้มเนียนไต่มาที่ซอกคอ ฉันคล้อยตามกับการทำที่แสนอ่อนโยนจนลืมความเจ็บกลางกายไปชั่วขณะ จังหวะนั้นเขาก็ดันแก่นกายเขามาจนเกือบสุด
“อืออ”
ไดมอนด์ประกบจูบปิดปากฉันทันที ลิ้นร้ายตวัดเกี่ยวหยอกล้อลิ้นเล็กเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ให้ฉันกลับมาลุ่มหลงรสจูบจากเขาอีกครั้ง มือหนาลูบไล้ไปตามเรียวขาอย่างแสนหวาบหวามจนร่างกายสั่นไหวเป็นระยะ ปากหนาลากไล้ลงมาจูบเม้มที่คอขาวเนียนสร้างรอยแดงแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้ทุกที่ที่สัมผัส
“หายเจ็บรึยัง”
ไดมอนด์จ้องมองดวงตาโตอย่างเร่าร้อน บ่งบอกว่าเขาต้องการร่างกายของฉันแค่ไหน ฉันพยักหน้าแทนคำตอบไม่กล้าสบตาเขา แค่นี้ก็อายจะแย่แล้ว
“มองตาฉัน ของขวัญ”
ฉันหันไปมองตามคำสั่งเขา
“ฉันชอบเธอ”
คำสารภาพจากไดมอนด์ ฉันถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ใบหน้าร้อนผ่าว ใจเริ่มเต้นแรงอีกครั้งพร้อมกับที่เขาเริ่มขยับสะโพกเข้าออกอย่างช้าๆ เน้นหนักๆ เหมือนต้องการจะตอกย้ำให้รู้ว่าฉันเป็นของเขาเพียงคนเดียว
“แรงไป...” ฉันประท้วง
ถึงเขายังไม่เร่งจังหวะแต่ทุกครั้งที่ดันเข้ามามันหนักและเน้นจนฉันเริ่มจุกที่ท้องน้อย ฉันมองตามริมฝีปากหนากำลังครอบครองยอดอกที่แข็งเป็นไตสลับดูดดึงไปมา ข้างหนึ่งก็ถูกมือหนาบีบเคล้นหนักเบานิ้วโป้งกับนิ้วชี้บดขยี้จนฉันต้องแอ่นอกรับอย่างเสียวซ่าน ช่วงล่างเริ่มขยับเร็วขึ้น ถี่ขึ้น เรียวแขนเล็กโอบกอดร่างหนาไว้แน่นเพราะร่างกายเริ่มสั่นแรงไปตามจังหวะจากสะโพกหนา
“อือ...ไดมอนด์” ฉันเผลอครางเรียกชื่อเขาออกมา
“เธอกำลังทำให้ฉันคลั่ง รู้ตัวรึเปล่า ของขวัญ”
ไดมอนด์พูดลอดไรฟัน เหมือนกับข่มอารมณ์ตัวเองสุดฤทธิ์ จมูกโด่งและปากหนาซุกไซ้ซอกคอฉันอย่างบ้าคลั่ง ทั้งจูบทั้งเม้นอย่างหนักหน่วง ร่างกายฉันเริ่มเกร็งไปทั้งตัวเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างในร่างกายกำลังจะถูกปลดปล่อยออกมา
“อ๊ะ/อ่า” ฉันรู้สึกโล่งตัวเบาหวิวไร้น้ำหนัก
ไดมอนด์ซบหน้าลงที่ลำคอของฉันเสียงหอบหายใจยกใหญ่ เหงื่อซึมตามร่างหนาเหมือนพึ่งไปวิ่งมาหมาดๆ
“ดะ ไดมอนด์” ฉันเรียกเสียงเขาเสียงสั่น
มือเล็กสะกิดไหล่หนาเบาๆ เมื่อเขาไม่ยอมออกไปจากตัวฉันสักที
“ครับ” เขาขานรับริมฝีปากชิดที่ลำคอฉันอยู่
ฉันเอียงคอหนีเล็กน้อย แต่ปากหนาก็ยังตามมากดจูบ
“ขวัญหนัก” ฉันบอกเขาเสียงเบาหวิว
“หนักอะไรเหรอ หนักตัวหรือหนักข้างล่าง”
ใบหน้าร้อนผ่าวลามมาถึงแก้มที่กำลังแดงเหมือนลูกตำลึงสุก
“อย่าแกล้งขวัญสิ”
ฉันเอียงอายไม่กล้ามองสบตาเขา เพราะรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดอยู่ที่ต้นคอไม่ยอมห่าง
“อีกสักรอบดีไหม ฮื้อ... น่ารักขนาดนี้เนี่ย” ไดมอนด์เริ่มจูบเม้นหนักๆ ที่เนินอก
“พะ พอแล้ว ขวัญไม่ไหวแล้วนะ” ฉันตีที่แผ่นหลังเขาเบาๆ เมื่อเขาเริ่มซุกไซ้ซอกคอและเนินอกอีกครั้ง
“ก็ได้ แต่มีข้อแม้นิดหน่อย” ไดมอนด์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“อะไร” ฉันถามอย่างหวาดระแวง
“ฉันไม่ได้ใส่ถุง” ไดมอนด์พูดยิ้มๆ
“ห๊ะ! ทำไมล่ะ แล้วฉันจะ...” ฉันกำลังสติแตก ไดมอนด์ก็พูดขัดขึ้นมาก่อน
“ฉันยอมให้เธอกินยาคุ้มได้ แต่เธอต้องทำรอยคิสมาร์กให้ฉันก่อน ถ้าไม่ทำก็ปล่อยท้องไปเลย” ไดมอนด์เอียงคอพูด เลียริมฝีปากตัวเองอย่างยั่วยวน
“นายก็ทำเองสิ” ฉันเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย
“ใครเขาทำให้ตัวเองได้ล่ะ ขนาดเธอฉันยังทำให้เลย”
ฉันหันขวับมองหน้าเขาทันที
“นี่นายทำรอยไว้เหรอ คนบ้า...” ฉันใช่กำปั้นเล็กทุบลงที่กลางหลังเขาหนักๆ เพื่อระบายความเขิน
“อ๊ะ!” ฉันเผลอหลุดเสียงลั่นเมื่อไดมอนด์แกล้งกดสะโพกขยับหนึ่งที
“ต่อดีไหม หื้ม...” ไดมอนด์พูดอย่างยี่ยวน
คนเจ้าเล่ห์ ไม่ว่าจะยังไงฉันก็เสียเปรียบเขาอยู่ดี
“ฉันยอมแล้ว เลิกแกล้งฉันซะที”
ฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนแล้ว เขามันเจ้าเล่ห์ที่สุด
ร่างหนาขยับออกจากตัวของฉัน รู้สึกเหมือนมีอะไรอุ่นๆ ไหลออกมาด้วย ฉันลุกนั่งพร้อมกับดึงผ้าห่มเข้ามากอดไว้ คราบเลือดที่เปื้อนติดอยู่บนที่นอนตอกย้ำว่าฉันไม่ใช่สาวบริสุทธิ์อีกต่อไป
“มานี่”
ไดมอนด์สวมกอดจากด้านหลังแล้วยกตัวฉันให้ไปนั่งตักเขา ฉันหนีบขาไว้แน่นกลัวจะโดนส่วนนั้นเข้า
“ทำไมตัวเกร็ง กลัวเหรอ” ไดมอนด์ยิ้มอย่างล้อเลียน
ฉันหันไปทำหน้าง้อใส่เขาแทน
“เหลือเวลาอีกชั่วโมงหนึ่ง อีกสักรอบไหม” เขาพูดพร้อมกับหอมแก้มฉันหนักๆ
“ไดมอนด์” ฉันขึงตาใส่ ทำไมชอบแกล้งฉันอยู่เรื่อยเลย
“งั้นก็เริ่มสิ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”
คนเจ้าเล่ห์เอียงคอมาให้ ฉันหลับตาจุ๊บไปที่ลำคอหนาหนึ่งที
“ไม่ใช่แบบนี้ ถ้ายังเล่นอยู่ อย่าหาว่าไม่เตือนนะ” ไดมอนด์พูดเสียงดุ
ฉันรอบกลืนน้ำลายดัง เอื้อก... เขาทำอย่างที่พูดแน่
“หลับตาก่อนสิ จ้องอยู่ได้”
ไดมอนด์กลับตาลงอย่างว่าง่าย พร้อมกับเอียงคอมาให้ ฉันยกมือเล็กขึ้นไปจับคอหนาไว้ เหมือนในหนังแวมไพร์ที่กำลังจะดูดเลือดมนุษย์ ฉันค่อยๆ เม้นที่ต้นคอเบาๆ ดูดดึงผิวเนื้อให้เกิดรอยแดง
“อื้อ...” เสียงไดมอนด์พึมพำอยู่ในลำคอ ทำให้ฉันได้ใจจับคอหนาพลิกมาอีกด้าน ใช้ริมฝีปากบางดูดดึงผิวเนื้อหนักๆ จนเกิดรอยแดงขึ้นมาและก็ทำแบบนั้นสร้างรอยอีกสามสี่จุด มือหนาเริ่มขยับมาวนหน้าท้องฉันเล่น
“นี่! อยากแกล้งสิ” ฉันพูดเสียงดุ พร้อมกับคว้ามือหนาไว้
“ไหน ๆ ก็จะกินยาอยู่แล้ว ขออีกรอบนะ” ไดมอนด์ดันร่างฉันให้นอนลง มือเล็กรีบยันอกแกร่งไว้
“ตกลงกันแล้วนี่” ฉันท้วงเขา
“ใช่...ฉันตกลงยอมให้เธอกินยาคุ้มได้ แต่ไม่ได้ตกลงว่าจะไม่ทำอีกนิ”
ฉันอ้าปากหวอทันที เขามันเจ้าเล่ห์ที่สุด ไดมอนด์
กว่าจะออกมาจากเต็นคนเจ้าเล่ห์ได้ก็เล่นซะหมดแรงกันไปข้างทำยังกะหิวโหยมาจากไหนก็ไม่รู้
หลังจากที่แยกตัวออกมาฉันก็มาหาพี่เอ็มมี่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่จัดงานเท่าไร พี่เอ็มมี่ยื่นคีการ์ดห้องพักให้ ฉันนอนกับแนนฝ่ายคอสตูม ซึ่งเราอายุเท่ากัน ตอนที่เดินเข้าห้องมาแนนก็กำลังจะออกจากห้องพอดี
“มาแล้วเหรอ ของขวัญ” แนนทักทาย
“อื้อ จะไปแล้วเหรอ” ฉันถามแนน เมื่อเห็นเธอแต่งตัวเรียบร้อย เซ็กซี่ไม่เบาเลย
“ใช่ จะช้าได้ไง ฉันจะรีบไปดูสามีในอนาคตของฉัน” เธอยื่นพูดอย่างเพ้อฝัน
“เธอปลื้มใครเหรอ” ฉันอดถามไม่ได้ หวังว่าจะไม่ใช่....
“ไดมอนด์น่ะสิ สเป็กฉันเลย” เธอตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด
ฉันยื่นยิ้มแห้งๆ ไปให้เธอแทน ฮอตน่าดูเลยนะ อีมอนด์
“งั้น ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ” ฉันบอกแนน
“อื้อ แล้วเจอกันที่งานนะ” แนนบอกพร้อมกับเดินเข้าลิฟต์ไป
อยู่ ๆ ก็รู้สึกไม่อยากไปซะงั้น ยิ่งรู้ว่าเขาเป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงหลายๆ คน ใจมันก็ห่อเหี่ยวยังไงก็ไม่รู้
ดูแต่ล่ะคนสิ สวยๆ ทั้งนั้น เฮ้อ...
ฉันเดินเข้ามาให้ห้องนั่งลงบนเตียงนอนที่ว่างอยู่ หยิบกล่องสีขาวขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง
ยาคุมฉุกเฉิน
เขาให้ฉันรออยู่ในเต็นสักพัก ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับถุงกระดาษใบเล็กซึ่งมีกล่องยาอยู่ข้างใน
นี่เขาไปซื้อให้เองเลยเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย