ฝนยังคงโปรยปรายลงมาอย่างหนัก ท้องฟ้าในยามค่ำคืนนั้นมืดสนิท อากาศก็เริ่มหนาวเย็นจนเย่วเล่อคิดว่าเธออาจจะป่วยไข้ได้ถ้าหากไปรีบถอดชุดที่เปียกชื้นนี้ออกไปโดยเร็ว
แต่ทว่าหนิงหลง กับกำลังอยู่ระหว่างทางแยกในการตัดสินใจ เพราะเขาไม่อยากที่จะยุ่งเกี่ยวกับสตรีตรงหน้าไปมากกว่านี้ แต่ทว่าหัวใจกับเต้นแรงจนห้ามไม่อยู่ มันคือความตื่นเต้นและเร้าใจอย่างบอกไม่ถูกเลย สายตาของเขามันไม่สามารถมองสิ่งอื่นใดได้เลย นอกจากใบหน้าของเธอ
"เจ้าดูหวาดกลัว..."
"มีเรื่องมากมายให้ข้าต้องหวาดหวั่นเพราะว่าท่านมิใช่มนุษย์.."
และเพราะความสวยงามที่ทำเอาเขาอดประหม่ามิได้
เย่วเล่อหัวเราะก่อนที่เธอจะดึงสายคาดเอวของตัวเองออก ท่ามกลางค่ำคืนที่ได้ยินเพียงเสียงฝนตกและ..เสียงของลมหายใจ
เธอกำลังพยายามอย่างยิ่งในการใช้เสน่ห์ที่มีล่อลวงชายเบื้องหน้า..
เย่วเล่อยกมือขึ้นมากุมใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเอาไว้ ในขณะที่ร่างกายของเธอมีเพียงตู้โตวสีแดงเท่านั้น...
"ข้ามิได้คิดจะทำร้ายเจ้าแม้แต่น้อย...ไม่เคยคิดทำร้ายเลยหนิงหลง มิมีสิ่งใดต้องเป็นกังวลในเมื่อนี่คือความปรารถนาของเจ้าเช่นกัน"
เธอยกมือขึ้นมาดึงสายคาดเอวของเขาออกช้าๆ ผิวกายของเขาเย็นเฉียบนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเขาตากฝนมา
เย่วเล่อบรรจงถอดเสื้อคลุมด้านนอกของเขาออกมา
ราวกับว่าเขากำลังต้องมนต์สะกด เพราะทุกท่วงท่าและสายตาของสตรีเบื้องหน้ามันงดงามและกำลังสะกดเขาเอาไว้ผ่านคำกล่าวที่หวานล้ำ ดวงตาที่แวววาวหรืออาจจะเป็นผิวกายที่ขาวนวลเนียน เขาออกรบมาตั้งแต่อายุยังน้อย แน่นอนว่านี่มิใช่ครั้งแรกของเขา เพราะทหารส่วนใหญ่จะมีคณิกาเดินทางไปที่ค่ายทหารเพื่อปรนเปรอความต้องการของนายทหารระดับสูง
เขาทำมันมานับครั้งไม่ถ้วนเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าในจิตใจ แต่ทว่าในครั้งนี้มันแตกต่างไปหมด
แตกต่างจากทุกครั้งที่เขาเคยทำ เพราะเขามิเคยสนใจใบหน้าของคณิกาเหล่านั้น แต่ทว่าตอนนี้เขากำลังจ้องมองใบหน้าที่งดงามของเธออยู่
เย่วเล่อช้อนสายตามองหนิงหลงเพราะที่มือของเธอกำลังถอดเสื้อคลุมตัวในของเขาออกมา...ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสมชายชาตรีและรอยแผลเป็นมากมายจากการออกรบ
นิ้วมือที่เรียวยาวของเธอกำลังลูบไล้ไปตามกล้ามเนื้อของเขาเบาๆ
"เย่วเล่อ นั่นคือชื่อของข้า"
เขายกมือขึ้นมาไล้ไปตามใบหน้าอันงดงามของเธอ หนิงหลงอุ้มเธอขึ้นมาก่อนจะพาเธอไปที่เตียง...
หากว่านี่คือหลุมพรางหรืออะไรก็ตามที่รอเขาอยู่ เช่นนั้นหนิงหลงผู้นี้ยินยอมที่จะกระโดดลงไปเอง เขาเองก็เป็นบุรุษผู้หนึ่ง ใยจะสามารถทนทานต่อความงามที่ล้ำเลิศเช่นนี้ได้
เนื้อชิ้นงามมาวางเอาไว้ที่ปากเสือแล้ว...สัตว์เดรัจฉานตัวใดจะโง่งมขนาดที่จะไม่กินมันลงท้อง
เขาพรมจูบไปตามซอกคอและไล่ลงมาจนถึงเนินอกอวบอิ่มที่มีตู้โตวปิดเอาไว้ หนิงหลงขบกัดลงไปบนเนินอกอวบอิ่มนั่นเบาๆ เขาบรรจงสร้างรอยแดงขึ้นมาบนผิวเธอได้อย่างไม่รู้จบ..
ในใจพลันเต้นแรงไปกับทุกสัมผัสของเขา เย่วเล่อยกมือขึ้นมาโอบกอดหนิงหลงเอาไว้ เราโอบกอดแนบชิดจนเธอสัมผัสได้ถึงความเป็นชายของเขาที่มันตื่นตัวขึ้นมาภายในกางเกงผ้าแพรนั่น
นี่คือ..การกระทำที่เกิดจากความปรารถนาทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งใดเลยที่มันเป็นความรักและ...มันคือความต้องการของเธอเอง
หนิงหลงทาบทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง และครั้งนี้มันแตกต่างและ..ยาวนานมากกว่าทุกครั้งจุมพิตที่หวานล้ำราวกับว่าเขากำลังดูดกลืนวิญญาณจากเธอไป
"อื้อ!"
เย่วเล่อร้องประท้วงออกมาเพราะหนิงหลงกำลังช่วงชิงลมหายใจของเธอไป..
และเมื่อเขาผละออก...
บางอย่างก็เปลี่ยนไป เรายังคงโอบกอดกันไว้อีกทั้งดวงตาของเขาก็จ้องมองที่เธอด้วยแววตาที่ตกใจไม่แพ้กัน..
เสียงฝนด้านนอกยังคงตกกระหน่ำลงมา สิ่งที่มันแตกต่างนั่นคือประสาทสัมผัสของเธอ...ที่หูยังคงได้ยินเสียงฝนตกแต่ทว่ามันไม่มีเสียงอย่างอื่นอีกแล้ว พร้อมกับจมูกที่ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของกำยานที่ถูกจุดเอาไว้แต่เธอไม่ได้กลิ่นของดิน หญ้าหรือว่ากลิ่นของยอดไผ่เลย...
"หนิงหลง.. จิตวิญญาณของข้า อยู่ที่เจ้าอย่างนั้นหรือ?"
คำถามที่เย่วเล่อถามนั้นเขาไม่รู้ว่าจะต้องตอบเช่นไรแต่ร่างกายของเขามันราวกับว่ามีพละกำลังเพิ่มขึ้น แถมเสียงที่ได้ยินยังแตกต่าง..
"เกิดอะไรขึ้น?"
ดวงตาของเย่วเล่อพลันรื้นไปด้วยน้ำตา
"จิตวิญญาณเทพเซียนของข้าอยู่ที่เจ้าจริงๆด้วยสินะ มันเลวร้ายมากทีเดียวเพราะว่าข้าคือจิ้งจอกและถ้าไม่มีสิ่งนั้นหมายถึงข้าจะเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ที่ไร้ซึ่งสัมผัสพิเศษและพลัง..คายมันออกมาเดี๋ยวนี้!!"
เธอบีบคอพร้อมกับเขย่าตัวเขาอย่างแรง ซึ่งนั่นมันทำให้เขารวบแขนทั้งสองข้างของเย่วเล่อเอาไว้
"เรื่องนี้ข้ามิได้ตั้งใจอย่างแน่นอนอีกทั้ง...มันจะต้องมีทางแก้ไข"
ใบหน้าที่งดงามของเย่วเล่อนั้นทำท่าทางราวกับว่าเธอจะร้องไห้ออกมา แสดงว่าสิ่งนั้นจะต้องสำคัญกับนางมากจริงๆ
อาจจะเกี่ยวพันถึงชีวิต
ทำไมเรื่องราววุ่นวายต่างๆมันจะต้องเริ่มที่การจุมพิตทุกครั้งด้วยนะ ที่ผ่านมานางไม่เคยทำเช่นนี้กับบุรุษผู้อื่นเลยหรืออย่างไร
เธอยกมือขึ้นมากุมหน้าเขาเอาไว้...ก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งบนตักเขา เย่วเล่อหลับตาลงก่อนจะทาบทับริมฝีปากกับเขาอีกครั้ง เธอพยายามทำเหมือนคราวที่แล้วทุกอย่างทั้งการดูดดุนลิ้นของเขาเบาๆและ..ขบกัดที่ริมฝีปาก
เราผละออกจากกันและเมื่อเย่วเล่อหลบตาลงก็พบว่าจิตวิญญาณของเธอมันยังไม่กลับมา เธอจึงจุมพิตหนิงหลงไปอีกรอบ...
รอบแล้ว..รอบเล่า
จุมพิตที่หวานล้ำราวกับผลของลูกท้อ หอมหวานและเย้ายวน
เป็นครั้งแรกที่หนิงหลงไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไรกับเหตุการณ์ตรงหน้า ในใจอยากจะ...ทำมากกว่าการจุมพิตแต่ทว่าสีหน้าของเย่วเล่อนั้นมันดูจริงจังจนเขาไม่กล้าขัดขวางการจุมพิตอย่างตั้งอกตั้งใจของนาง
หัวใจพลันเต้นแรงกับทุกสัมผัสที่นางมอบให้ ใบหน้าของเขาพลันเห่อร้อนขึ้นมาอย่างห้ามมิได้..
"หรือว่าจะต้อง..ทำมากกว่านี้"
หนิงหลงตัดสินใจเอ่ยถามออกไป และคำถามของเขามันทำให้เย่วเล่อขมวดคิ้ว
"ไม่มีทาง เพราะตามเดิมการมอบจิตวิญญาณจะกระทำโดยการจุมพิต แต่ทว่าผู้ที่จะมอบให้จะต้องเต็มใจมอบให้เท่านั้น แต่นี่ข้ามิได้เต็มใจอีกอย่างข้ามิได้คิดถึงเรื่องกรมอบจิตวิญญาณเลย...แล้วมันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?"
เธอยังคงพยายามจุมพิตเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนหนิงหลงทำได้เพียงสะกดกลั้นความปรารถนาเอาไว้
นี่คือบทลงโทษหรืออย่างไร เพราะมีเนื้อชิ้นงามวางอยู่ตรงหน้า แต่ทว่าเขามิอาจคว้านางมากัดกินได้ตามใจปรารถนา
ช่างเป็น...บทลงโทษที่โหดร้ายยิ่งนัก