หลายสัปดาห์ต่อมา…
“ถึงไหนแล้วคะ?” นิรินถามคนปลายสายเมื่อคุยโทรศัพท์ เพราะหิรัญเป็นคนบอกเองว่าจะมารับเธอที่มหาลัยหลังเลิกเรียน แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นวี่แวว
(พี่เลี้ยวรถเข้ามาในมหาลัยแล้วครับ อีกห้านาทีคงถึง หนูออกมายืนพี่รอที่หน้าตึกเลย)
“โอเคค่ะ”
“วันนี้พี่หิรัญมารับเหรอ?” วดีเอ่ยถามเพื่อนสนิทเมื่อเธอวางสายจากแฟนหนุ่มไปแล้ว
ตั้งแต่ได้นัดเจอกันครั้งนั้น ความสัมพันธ์ของเธอและหิรัญก็ดูเหมือนว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ เขายังคงนัดเธอให้ออกมาเจอกันอยู่บ่อยๆ ตามสถานที่ต่างๆ เช่นห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ หรือไม่ก็ร้านอาหาร
“ใช่…เห็นบอกว่าจะพาไปทำงานด้วย” นิรินพยักหน้ารับแล้วรีบเก็บข้าวของส่วนตัวใส่กระเป๋าผ้ารักษ์โลกที่ซื้อจากตามตลาดนัด
ถึงแม้ว่าครอบครัวจะค่อนข้างมีฐานะแต่นิรินก็ไม่ได้ติดหรูหรือฟุ่มเฟือยจนเกินไป นี่ก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้หิรัญเอ็นดูเธอ
“อิจฉาคนมีความรัก” วดีหันไปกระแหนะกระแหนใส่เพื่อนสาวอย่างไม่จริงจังมากนัก ตั้งแต่ที่นิรินตัดสินใจคบกับหิรัญดูเหมือนว่าเธอจะมีความสุขมาก พอเห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดีด้วย
“แกก็ลองมีดูบ้างสิ ฉันว่ามันก็ดีนะ”
“เรื่องหัวใจขอพักก่อน ตอนนี้ฉันอยากอยู่เป็นโสดให้ผู้ชายมันเสียดายเล่น”
“จ้าาาา แม่คนสวย” หญิงสาวพูดไปยิ้มไป นอกจากนินลาแล้วก็ยังมีวดีอีกคนที่เธอรักและกล้าเปิดใจเล่าให้ฟังทุกเรื่อง
“แกรีบไปเถอะ ให้ผู้ชายรอนานมันเสียมารยาทนะ”
“งั้นฉันไปก่อนนะ เอาไว้จะโทรหา”
“โอเค แล้วเจอกัน”
คนตัวเล็กโบกมือลาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แล้วรีบเดินออกจากห้องเรียนด้วยท่าทางเร่งรีบเพราะกลัวว่าหิรัญจะรอนาน
พลั่ก! แต่ด้วยความรีบร้อนทำให้ไม่ทันมอง จนเดินไปชนกับใครคนนึงแบบไม่ได้ตั้งใจ
“อ๊ะ! พี่หิรัญ” คนตัวเล็กแสดงสีหน้าตกใจออกมาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าคนที่เดินมาชนเธอคือหิรัญ
“ตกใจอะไร? พี่แค่มาดูว่ามีผู้ชายคนไหนมายุ่งกับแฟนพี่หรือเปล่า”
“ไหนบอกว่าอยู่บนรถไงคะ” เธอเลือกที่จะเปลี่ยนประเด็นพูดคุยแล้วถามด้วยความสงสัย
“อยากแกล้งเฉยๆ”
“ตลกมากมั้ง”
“พี่ซื้อน้ำแตงโมปั่นที่หนูชอบกินมาฝาก”
“แต่ไม่เห็นจะต้องลำบากเลย” ถึงแม้จะกลัวว่าเขาอาจจะลำบาก แต่ก็รู้สึกดีใจที่หิรัญคอยเอาใจใส่เสมอมา
“ไม่ลำบากหรอก อากาศร้อนๆ แบบนี้ พี่ว่าถ้าหนูได้กินอะไรเย็นๆ มันคงจะสดชื่นดี”
“ขอบคุณมากนะคะ”
“รถพี่จอดอยู่ทางนั้น ตามมาสิ”
“…..” หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วรีบเดินตามชายหนุ่มออกมาอย่างว่าง่าย
“พี่ขอจับมือหน่อย”
“…..” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มกว้าง แต่ก็ยอมยื่นมือให้เขาจับแต่โดยดี
บนรถ…
“วันนี้จะพาหนูไปไหนเหรอคะ?”
“เห็นหนูอยากรู้ว่าพี่ทำงานอะไร วันนี้เลยจะพาไปดูให้เห็นกับตา”
“ดีจังเลยค่ะ หนูอยากรู้ตั้งนานแล้วแต่พี่ไม่ยอมบอกสักที” ร่างบางพูดอย่างตื่นเต้น ที่ผ่านมาเขาเคยพูดให้ฟังว่าทางบ้านมีโรงงานขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร เพราะชายหนุ่มไม่ยอมบอก
“ก็กำลังจะพาไปดูอยู่นี่ไง”
“…..”
“รัดเข็มขัดด้วยครับเด็กน้อย”
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงไปใกล้หญิงสาวจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนของกันและกัน ทำเอาคนตัวเล็กถึงกลับนั่งเกร็งยอมให้เขารัดเข็มขัดให้แต่โดยดี
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน พลางหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาเพราะมีเรื่องอยากถาม “ว่าแต่พี่หิรัญเปลี่ยนน้ำหอมแล้วเหรอคะ หนูได้กลิ่นแปลกๆ”
“แปลกยังไงครับ?”
“เหมือนกลิ่นน้ำหอมผู้หญิง”
“พูดไปเรื่อยเปื่อย” หิรัญใช้มือบีบไปที่ปลายจมูกของเธอเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว เขาไม่ได้รู้สึกรำคาญหรือเบื่อหน่ายเธอเลยสักนิด
“กลิ่นมันหวานๆ เหมือนน้ำหอมที่หนูเคยใช่เลยค่ะ เอ่อ…แต่จำชื่อยี่ห้อไม่ได้แล้วค่ะ กลิ่นนี้ผู้หญิงใช้กันเยอะมาก ไม่รู้ว่าพี่หิรัญชอบกลิ่นแบบนี้เหมือนกัน”
“กลิ่นนี้เป็นคอลเลคชั่นใหม่ พี่ว่าหนูคงจำผิดแล้ว”
“คงงั้นมั้งคะ สงสัยหนูเรียนเยอะไป สติเลยฟั่นเฟือน” นิรินยกมือขึ้นเกาหัวเพื่อแก้เก้อ บางทีเธออาจจะคิดมากไปเหมือนที่เขาพูดจริงๆ
“…..”
ติ๊ง~ ติ๊ง~ คนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์ของชายหนุ่มขึ้นมาอย่างถือวิสาสะเมื่อได้ยินเสียงข้อความดังขึ้นติดต่อกัน
แต่ยังไม่ทันได้เห็นอะไรก็ถูกคนตัวโตแย่งโทรศัพท์กลับคืนไปเสียก่อน…
“จะทำอะไร!?” ชายหนุ่มหันไปตวาดใส่หญิงสาวด้วยน้ำเสียงดังลั่นอย่างลืมตัว
“นะ…หนูเห็นมีคนส่งข้อความมาถี่ๆ แล้วพี่ก็กำลังขับรถอยู่ เลยจะปลดล็อกหน้าจอให้ค่ะ” นิรินตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อเห็นท่าทางโมโหของแฟนหนุ่ม เธอไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะโมโหขนาดนี้
“ไม่ต้อง! ห้ามมายุ่งกับโทรศัพท์พี่เด็ดขาด เข้าใจหรือเปล่า!”
“หนูแค่หวังดี ทำไมต้องตะคอกด้วยล่ะคะ?” เธอก้มหน้างุดแล้วพูดด้วยความน้อยอกน้อยใจ แค่เขาเสียงดังใส่น้ำตาก็พาลจะไหลออกมา
“พี่ขอโทษนะ…โทรศัพท์ของพี่มันมีแต่งานสำคัญ พี่กลัวว่าหนูจะทำงานหายเลยเผลอเสียงดังใส่” เขาดึงมือเธอมาจับไว้แน่นเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางที่ดูเปลี่ยนไปจนสังเกตได้
“หนูไม่ยุ่งก็ได้ค่ะ”
“พี่ไม่ได้ตั้งใจจะดุหนูนะ อย่างอนพี่เลยนะ”
“คราวหลังบอกดีๆ ก็ได้ค่ะ พี่เสียงดังใส่แบบนี้ หนูกลัวนะ”
“เอาเป็นว่าพี่จะไม่ทำแบบนี้อีก โอเคไหมคะเด็กดี” ใบหน้าคมคายโน้มลงจุมพิตที่หลังมือของแฟนสาวเบาๆ หลายครั้งเพื่อแทนคำขอโทษ
“โอเคก็ได้ค่ะ” พอได้ยินน้ำเสียงออดอ้อนของเขา เธอกลับรู้สึกใจอ่อนขึ้นมาอย่างง่ายดาย
“แล้วเงินที่พี่เคยให้ พอใช้หรือเปล่า?”
“ยังเหลืออยู่ค่ะ หนูยังไม่ได้เอาไปใช้อะไรเลย”
“ทำไมไม่ใช้ พี่บอกแล้วไงไม่ต้องเกรงใจ” มือสากเลื่อนไปลูบศรีษะของนิรินด้วยความอ่อนโยนรักใคร่ ยิ่งเห็นว่าเธอเกรงใจ เขายิ่งรู้สึกดีกับเธอมากขึ้น
“หนูแค่ไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้อะไร”
“…..”
“ขอพี่หอมแก้มหน่อยนะ” หิรัญพูดอย่างเอ็นดู บ่อยครั้งที่เธอทำตัวน่ารักจนเขาอดใจแทบไม่ไหว
คนตัวเล็กถึงกลับไปต่อไม่เป็น เมื่อถูกชายหนุ่มขอหอมแก้มแบบซึ่งๆ หน้า
“แค่หอมนะคะ” ดวงตากลมโตสอดส่องมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวงเพราะกลัวว่าจะมีคนผ่านมาเห็น แต่ก็ยอมเอียงแก้มไปให้ชายหนุ่มหอมแต่โดยดี
“แก้มหนูทั้งนุ่มทั้งหอม ถ้าเป็นปากมันคงจะนิ่มกว่านี้ใช่ไหม?” คนตัวโตกดจูบเบาๆ ลงที่แก้มนวลทั้งสองข้าง ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วมาลูบไล้ที่ริมฝีปากบางแล้วค่อยๆ ดันนิ้วกลางเข้าออกในโพรงปากเล็ก จนน้ำลายใสเปรอะเปื้อนไปทั่วฝ่ามือ
“เอ่อ….” ใบหน้าแสนหวานเห่อร้อนขึ้นมาด้วยความเขินอายเมื่อเห็นหิรัญถอนนิ้วออกจากปากแล้วดูดกลืนน้ำลายของเธอแบบไม่รังเกียจ
“หนูคงไม่คิดว่าพี่จะหอมแค่แก้มตลอดไปหรอกใช่ไหม?” ดวงตาเฉี่ยวคมจ้องมองคนแฟนสาวอย่างเปิดเผย เขาพยายามควบคุมอารมณ์แต่ดูเหมือนว่าความอดทนมันจะค่อยๆ ลดน้อยลงไปทุกวัน “พี่อยากทำมากกว่านั้น”
“หนูรู้ค่ะ แต่ขอเวลาหน่อยได้ไหม ตอนนี้หนูยังไม่ได้คิดไปไกลถึงเรื่องนั้น” นิรินพูดอย่างหวั่นๆ เธอรู้อยู่แก่ใจว่าคนที่เป็นแฟนกันคงต้องทำเรื่องแบบนั้น แต่ตอนนี้เธอแค่ยังไม่พร้อมแล้วเขาก็ไม่ได้บังคับหรือใช้กำลังข่มเหงเธอ
“แต่พี่คิดจะเอาหนูทุกวันเลยนะ ทำตัวน่ารักขนาดนี้ จะให้พี่อดใจยังไงไหว”
“ไม่ต้องส่งสายตามาอ้อนแบบนั่นเลยค่ะ”
“จะอ้อนจนกว่าหนูจะใจอ่อนยอมเป็นเมียพี่”
“…..”
โกดัง…
“โรงงานของพี่กว้างมากเลยค่ะ พนักงานก็เยอะมากๆ แบบนี้คงบริหารงานเหนื่อยเลยใช่ไหม”
หญิงสาวพูดด้วยความตื่นเต้น เมื่อหิรัญพาเธอมายังโรงงานที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ มันคือโรงงานผลไม้ส่งออกและผลไม้ขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่เกือบร้อยไร่
“เหนื่อยแต่ไหว โรงของป๊าพี่ใหญ่กว่านี้อีก”
“แค่นี้พี่ก็เก่งมากแล้วค่ะ หนูภูมิใจในตัวพี่นะ”
“ตรงนี้มันร้อน เดี๋ยวพี่กางร่มให้นะ” หิรัญเดินเข้าไปโอบเอวหญิงสาว ก่อนจะหยิบร่มที่ถือมากางออกเพื่อบังแดดให้เธอ
“ขอบคุณนะคะ”
“เฮียรัญคะ เอาน้ำมาเสริฟ์ค่ะ” คนทั้งสองละสายตาออกจากกันเมื่อได้ยินเสียงของพนักงานสาวที่ดังขึ้นอยู่ทางด้านหลัง
“มองไม่เห็นหรือไงว่ายืนอยู่สองคน ทำไมถึงเอามาขวดเดียว?” ถึงเขาจะเป็นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ทำเอาคนที่ได้ฟังถึงกลับขนลุกและไม่กล้าสบตา
“แพรไม่ทราบค่ะว่าวันนี้เฮียมีแขกมาด้วย เลยเอามาให้แค่ขวดเดียว”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่ค่อยหิว พี่ดื่มเลยค่ะ” นิรินรีบพูดแทรกขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัด เมื่อเห็นพนักงานสาวสวยคนนั้นกำลังยืนหน้าถอดสี
“หนูนั่นแหละดื่ม เดี๋ยวพี่สั่งพนักงานให้ไปเอาขวดใหม่เอง”
“…..”
“จะมัวยืนนิ่งอยู่ทำไม รีบไปเอาน้ำมาสิ”
“ค่ะเฮีย” พนักงานสาวเงยหน้าขึ้นมามองเจ้านายด้วยแววตาสั่นเครือแล้วรีบวิ่งออกไปด้วยท่าทางลนลาน
“ดุจังเลยนะ ไม่เห็นเหมือนตอนที่อยู่กับหนูเลย”
“เพราะหนูน่ารักไง พี่เลยดุไม่ลง” เขาเลื่อนมือไปลูบศรีษะคนตัวเล็กด้วยท่าทางอ่อนโยน ซึ่งต่างจากเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง “พรุ่งนี้วันหยุดใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ”
“หนูอยากไปค้างที่คอนโดกับพี่ไหม เดี๋ยววันจันทร์ตอนเช้าพี่ไปส่งที่มหาลัย”
“…..” ร่างบางถึงกลับลังเลใจ เพราะที่ผ่านมาเธอได้บอกปฏิเสธเขาไปทุกครั้ง
“มาถึงขนาดนี้แล้ว หนูยังไม่ไว้ใจพี่อีกเหรอ?”
“ปะ…เปล่านะคะ หนูไม่ได้คิดแบบนั้น”
“แล้วทำไมถึงปฏิเสธพี่ทุกครั้ง?”
“เอ่อ…”
“พี่ไม่ได้บังคับนะ แล้วแต่หนูเลย” ถึงจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่เธอก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังหงุดหงิดและไม่พอใจเธออยู่
“…..”