-คอนโดนิริน-
“เดี๋ยวหนูขอตัวขึ้นไปเก็บของแป๊บนึงนะคะ” นิรินหันไปบอกแฟนหนุ่มเมื่อรถหรูของเขาเคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าคอนโดของเธอ
อาจจะเป็นเพราะเธอค่อนข้างแคร์ความรู้สึกของหิรัญมาก เลยตกลงยินยอมที่จะไปค้างคืนกับเขาแต่โดยดี
“ให้พี่ขึ้นไปช่วยไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่นั่งรออยู่บนรถดีกว่า เดี๋ยวหนูรีบไปรีบมา”
“ตามใจหนูแล้วกัน”
“งั้นหนูไปก่อนนะ”
“เดี๋ยว!”
คนตัวเล็กเอี้ยวตัวหันหลังกลับไปมองเมื่อถูกหิรัญเรียกไว้ในขณะที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถ
“คะ?”
“ไม่ต้องขนของไปเยอะนะ…เวลาขนกลับจะได้ไม่เหนื่อยมาก”
“อ่อ…ค่ะ” หญิงสาวรู้สึกตะหงิดกับคำพูดของเขาเล็กน้อย แต่ก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจหรือซักไซ้ถามอะไรให้มากความ
แกร้ก~ ทันทีที่เปิดประตูห้องออกมานิรินก็พบกับ ‘ขุนเขา’ ชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนบ้านอาศัยอยู่ข้างๆ ห้อง
“จะไปเที่ยวไหนนิริน หอบอะไรไปเยอะแยะเลย” เขาถามตามมารยาทเมื่อเห็นหญิงสาวหอบกระเป๋าเสื้อผ้าข้าวของพะรุงพะรังเตรียมออกจากห้อง
“จะไปค้างบ้านแฟนน่ะ” ร่างบางพูดเสียงเบาด้วยความเขินอาย เพราะยังรู้สึกไม่ค่อยชินกับสถานะแฟนสักเท่าไร
“มีแฟนแล้วเหรอ ไปแอบมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ขุนเขาพูดขึ้นอย่างเสียดาย เพราะในใจลึกๆ ก็แอบชอบนิรินมานานแล้วเหมือนกัน
“คบกันได้สักพักแล้ว”
“แบบนี้เราก็อกหักแล้วดิ แย่จังเลยนะ”
“พูดเป็นเล่นไป” นิรินไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะคิดว่าขุนเขาแค่หยอกเธอเล่นไม่ได้จริงจังเหมือนที่ผ่านมา
“เรากำลังจะลงไปข้างล่างพอดี เดี๋ยวช่วยถือของ” ขุนเขาบอกพลางหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของหญิงสาวมาถือไว้เอง
“ขอบใจมากนะ รีบไปกัน เดี๋ยวแฟนเราจะรอนาน”
สิ้นประโยคนั้น เธอจึงเดินนำออกมา โดยที่มีขุนเขาคอยถือกระเป๋าเดินตามหลังออกมาแบบเงียบๆ
“รถแฟนเราอยู่ตรงนั้น” คนตัวเล็กชี้นิ้วไปยังรถของแฟนหนุ่มที่จอดอยู่อีกฝั่งของถนน
“รถพอร์ชคันสีขาวน่ะเหรอ?”
“ใช่เลย…คันนั้นแหละ”
“รถแพงน่าดูเลย แฟนรินคงรวยมากเลยใช่ไหม?”
“คงไม่ขนาดนั้นหรอก อย่ามัวแต่ชวนคุยสิ” หญิงสาวเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากพูดโอ้อวด
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยโทรหาเราได้ตลอดเลยนะ” ชายหนุ่มพูดกับหญิงสาวด้วยความหวังดี ก่อนจะเหลือบสายตามองไปยังหิรัญที่นั่งคอยอยู่ในรถ
เป็นจังหวะเดียวที่คนทั้งสองได้หันมาสบตากันพอดี
“ขอบคุณมากนะขุนเขา”
“รีบไปขึ้นรถเถอะ แฟนเธอมองเราตาขวางแล้วเนี่ย”
“งั้นเราไปก่อนนะ เอาไว้เจอกันคราวหน้า”
นิรินกล่าวคำลาพร้อมเปิดประตูรถขึ้นมานั่งข้างๆ แฟนหนุ่ม
“ไอ้นั่นมันเป็นใคร ทำไมต้องให้มันมาส่ง!?”
“เขาชื่อขุนเขาเป็นเพื่อนข้างห้องของรินเอง”
“สนิทกับมันมากเหรอ?”
“ก็สนิทกันค่ะ เขาชอบซื้อขนมมาฝากหนูบ่อยๆ” เธอพูดอย่างไม่ประสีประสาเพราะไม่ได้คิดอะไรกับขุนเขาตั้งแต่แรก
“ดูเหมือนว่ามันจะชอบหนูด้วยนะ” ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดตะคอกแต่น้ำเสียงมันแฝงไปด้วยความกระแทกแดกดันจนเธอรู้สึกได้เอง
“หนูก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“เหอะ!” ชายหนุ่มสบถในลำคออย่างประชดประชัน เขารู้สึกรำคาญใจเมื่อนึกเห็นสายตาของผู้ชายคนอื่นที่ใช้มองนิริน
“พี่หงุดหงิดอะไรเหรอคะ?”
“หงุดหงิดให้หนูนั่นแหละ ยังจะมาถามอีก”
“เอ่อ…” หญิงสาวก้มหน้านั่งนิ่ง ไม่กล้าพูดอะไรต่อ เพราะกลัวว่าถ้าพูดหรือทำอะไรออกไป เขาอาจจะหงุดหงิดเธอมากกว่าเดิม
“ช่างมันเถอะ…เอาเป็นว่าคราวหน้าหนูห้ามเข้าใกล้ผู้ชายคนไหนนอกจากพี่ รู้เรื่องไหมนิริน”
“ค่ะ”
“พี่ไม่ชอบเด็กดื้อ! ฉะนั้นหนูต้องเป็นเด็กดีนะรู้ไหม?” มือหนาเลื่อนไปจับใบหน้าแสนหวานให้เชิ่ดขึ้นมาเพื่อสบตากับเขา “พูดมาสิ ว่าหนูจะเป็นเด็กดีของพี่คนเดียว”
“นิรินจะเป็นเด็กดีของพี่ค่ะ”
“…..” ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ นอกจากเขาแล้ว จะไม่มีผู้ชายคนไหนได้แตะต้องเธออีก
-คอนโดหิรัญ-
“เข้ามาข้างในสิ”
ร่างบางสะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเรียกของแฟนหนุ่ม หลังจากที่เธอเอาแต่ยืนเหม่ออยู่หน้าห้องของเขา
“…..” ดวงตากลมโตวาดสายตามองไปรอบๆ พร้อมหัวใจดวงน้อยที่เต้นแรงเมื่อเดินเข้ามาในห้องของชายหนุ่ม
ตั้งแต่เกิดมาจำความได้ นอกจากพ่อแล้ว เธอก็ไม่เคยอยู่ในห้องกับผู้ชายแบบสองต่อสองอย่างนี้มาก่อนเลย
“ห้องรกหน่อยนะ พอดีแม่บ้านเพิ่งลากลับต่างจังหวัด พี่ยังหาคนมาทำแทนไม่ได้”
“เดี๋ยวหนูช่วยทำความสะอาดให้ไหมคะ รับรองว่าเหมือนใหม่แน่นอนค่ะ” นิรินพยายามพูดเพื่อทำลายความประหม่าของตัวเอง เธอพยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุดเพราะไม่อยากทำให้เขารู้สึกอึดอัดไปด้วย
“พี่ว่าไม่ดีมั้ง หนูอยู่เฉยๆ ก็ดีแล้ว พี่ไม่อยากใช้แรงงานเด็ก”
“หนูอายุสิบเก้าแล้วนะ ไม่เด็กแล้วค่ะ”
“ในสายตาพี่ ยังไงก็เด็กอยู่ดี” ชายหนุ่มเลื่อนมือไปลูบศรีษะของคนตัวเล็กด้วยความอ่อนโยน ในแววตาของเธอมันเต็มไปด้วยความใสซื่อไม่มีพิษมีภัยกับใคร
“…..”
“ในตู้เย็นมีน้ำผลไม้ หนูอยากกินไหม เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ ตอนนี้รู้สึกคอแห้งยังไงไม่รู้”
“งั้นรอแป๊บนึงนะ”
“…..” นิรินได้แต่มองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินหายเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะเดินไปรอบๆ ห้องเพื่อสำรวจบริเวณ
คอนโดของเขาถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์นำเข้าราคาแพง ส่วนมากจะเป็นสีเทาและสีเงินที่ตัดสลับกันให้ความรู้สึกลึกลับน่าค้นหาเหมือนเจ้าของห้อง
“น้ำผลไม้เย็นได้แล้วครับ”
คนตัวเล็กยิ้มกว้างแทนคำขอบคุณแล้วหยิบแก้วน้ำผลไม้ที่เขายื่นให้มายกดื่มจนหมดรวดเดียวด้วยความกระหาย
“ทำอะไรอยู่?”
“หนูกำลังเดินสำรวจห้องพี่อยู่ค่ะ อยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง”
“ห้องพี่มันไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก”
“ใครบอกกัน พี่จัดห้องได้สวยสุดๆ ไปเลยค่ะ”
“ถ้าหนูชอบจะมาค้างกับพี่บ่อยๆ ก็ได้นะ”
“ไม่ดีมั้งคะ หนูเกรงใจ”
“เราเป็นแฟนกันแล้วนะ จะเกรงใจทำไม”
“ไม่ต้องขยับเข้ามาใกล้ขนาดนั้นก็ได้ค่ะ” คนตัวเล็กใช้มือดันแผงอกแกร่งให้ถอยห่างเมื่อใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาคลอเคลียที่ลำคอจนรู้สึกขนลุก!
“กลัวพี่จูบเหรอ” หิรัญแค่นหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ถึงแม้จะตกลงคบกันเป็นแฟน แต่นิรินก็ยังค่อนข้างระมัดระวังตัวเองอยู่พอสมควร
อะไรที่ได้มายากๆ สำหรับเขามักจะเร้าใจเสมอ มันยิ่งทำให้อยากเอาชนะเธอ…
“แล้วพี่จะ…จูบหนูหรือเปล่าคะ?”
“อยากให้จูบหรือเปล่า?”
“หนูไม่เคยจูบมาก่อนเลยค่ะ มะ…มันเลยรู้สึกกลัวนิดหน่อย”
“ถ้ากลัวก็หลับตา”
“หลับตาลงสิครับเด็กดี” มือหนาเลื่อนไปประคองใบหน้าแสนหวานไว้มั่น แล้วใช้ริมฝีปากจุมพิตลงที่เปลือกตาของเธอเบาๆ เพื่อให้ผ่อนคลาย “แค่หนูยอมเปิดปากนิดหน่อย เดี๋ยวที่เหลือพี่จัดการเอง”
เล็บสวยกำชายกระโปรงนักศึกษาไว้แน่น พร้อมหลับตาลงอย่างช้าๆ ตามคำสั่ง
“หนูให้แค่จูบนะ”
“ไม่รู้หรือไงว่าถ้าเขามาในห้องพี่แล้วจะเจอกับอะไร?”
“รู้ค่ะ แต่หนูคิดว่าพี่คงไม่ทำ”
“หนูอย่าไว้ใจพี่ขนาดนั้นสิ สัญชาตญาณดิบของผู้ชาย ถ้าเกิดอยากขึ้นมา มันก็เอาได้หมดแหละ” หิรัญยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขามองหญิงสาวตรงหน้าเปรียบเธอเสมือนเหยื่อที่พร้อมจะโดนขย้ำตลอดเวลา
ร่างกายของเธอสั่นเกร็งเมื่อชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาประกบแนบชิดจูบริมฝีปากอย่างเร่าร้อน
“อื้อออ” เสียงหวานร้องครางในลำคอ เมื่อเรียวลิ้นอุ่นสอดแทรกเข้าใสในโพรงปากพร้อมดูดกลืนกินน้ำลายของเธออย่างไม่คิดรังเกียจ
ตึกตัก! หัวใจแกร่งเต้นแรงจนรู้สึกได้ ไม่ใช่แค่เขาที่เป็นจูบแรกของเธอ แต่เธอก็ยังเป็นจูบแรกของเขาด้วยเช่นกัน