หลังจากที่รินลดาและเมษาเข้ามาพักในห้องที่ทางบริษัทใหญ่จัดให้ก็ถึงกับมองอย่างทึ้งๆ เพราะไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้อยู่ในที่หรูๆแบบนี้อีกหรือเปล่า
“พี่เมขา ทับทิมขออาบน้ำก่อนนะคะ เหนียวตัวจะแย่แล้ว” รินลดาเอ่ยบอก เพราะเธอคิดจะออกไปเดินเล่นชมรอบๆโรงแรมต่อ
“เอาสิ พี่ขอหลับสักแปปละกัน เดี๋ยวค่อยอาบน้ำทีหลัง ตอนนี้พี่อยากจะนอนบนเตียงนุ่มๆนี่สักที” เมษาเอ่ยพูดก็กระโดขึ้นเตียงของตัวเองทันที เพราะห้องนี้มีสองเตียงและยังเป็นห้องใหญ่ที่มีระเบียงชมวิวและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
“งั้นเดี๋ยวทับทิมอาบน้ำเสร็จ ขอไปเที่ยวสักนิดนะคะพี่เม ส่วนมื้อเย็นถ้ามาไม่ทันฝากพี่บอกพี่ศิวะกับยัยไอให้หน่อยนะคะ” รินลดาเอ่ยบอก เพราะเธอกลัวจะเที่ยวจนเพลิน เพราะนี่ก็จะสามโมงเย็นของเวลาที่ดูไบแล้วด้วย
“ระวังตัวด้วยล่ะทับทิม พี่เป็นห่วง” เมษาเอ่ยบอกออกไป เธอก็อยากจะไปเที่ยวนะ แต่สังขารของเธอด้วยวัยสี่สิบห้าปีคงไม่ไหว เพราะร่างกายต้องการพักผ่อนมากกว่า
“รับทราบค่ะพี่เม” รินลดาเอ่ยบอกก็เดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนเมษาก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน
ด้านคาเรนที่เดินทางมาถึง ก็ไม่ยอมไปพักที่คฤหาสน์ของปู่ของเขา เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว จึงมาพักที่โรงแรมของตระกูลซามัสเซลแทน โดยที่เขาก็ใช้โรงแรมนี้ ในการจัดงานของบริษัทของเขาขึ้นมา
“ไงคาเรน ดูท่าฉันจะเดาไม่ผิดที่เห็นนายมาที่นี่นะไอ้พี่ชาย” คามีล ซามัสเซล ซึ่งเป็นเพื่อนและลูกพี่ลูกน้องของคาเรนเอ่ยขึ้นอย่างรู้ใจ ที่คาเรนมาพักที่โรงแรมแทนที่จะเป็นที่บ้าน
“อย่าพูดมากน่าคามีล จัดห้องให้ฉันรึยัง” คาเรนเอ่ยพูดแล้วมองคามีลด้วยสายตาอย่างต้องการคำตอบ
“เรียบร้อยตั้งแต่นายบอกบาคัสให้โทรมาบอกฉัน เมื่อยี่สิบนาที ก่อนที่นายจะลงจากเครื่องมานั่นแหละ” คามีลเอ่ยพูดแกมประชดคาเรนออกไป เพราะบาคัสลูกน้องของคาเรนโทรมาบอกเขา ตอนที่คาเรนเดินทางมาถึงสนามบินเมื่อยี่สิบนาทีก่อน โชคดีที่เขาเตรียมรับมือกับไอ้พี่ชายคนนี้ไว้แล้ว จึงไม่มีปัญหาอะไร
“ดีมาก แบบนี้สิสมกับเป็นนายหน่อย” คาเรนเอ่ยพูดออกไปแล้วเอามือตบบ่าของคามีลอย่างชอบใจ
“นอกจากจะเตรียมห้องให้นายแล้ว ฉันยังเตรียมอย่างอื่นให้นายอีกนะ รับรองว่าคราวนี้นายติดใจจนอยากอยู่ที่นี่ต่อแน่นอน” คามีลเอ่ยบอกไปอย่างมีเล่ห์นัย แต่คาเรนก็รู้ทันคามีลอีกเช่นเคย จึงเอ่ยถามคามีลออกไป
“นายจะส่งผู้หญิงมาให้ฉันงั้นสิ” คาเรนพูดไปแล้วมองหน้าของคามีล ก่อนจะก้าวเข้าไปในลิฟท์ตามๆกัน
“บาคัสเจ้านายของนายนี่มันฉลาดจริงๆเลยนะ ไหนๆมันก็รู้แล้ว นายก็จัดการตามที่ฉันบอกไปละกัน เดี๋ยวเย็นนี้จะส่งมาให้” คามีลเอ่ยบอกลูกน้องคนสนิทของคาเรน ให้เตรียมรอรับผู้หญิงให้คาเรนคืนนี้
“ครับๆ” บาคัสตอบไปก็ฟังทั้งสองหนุ่มพูดคุยกันจนกระทั่งเดินออกมาจากลิฟท์
“ฉันส่งนายแค่นี้แหละ เดี๋ยวฉันจะไปเคลียร์งานต่อ ส่วนมื้อค่ำคงไม่ต้องบอกนะว่านายจะกินมันที่ไหน” คามีลพูดไปพร้อมกับยิ้มมุมปากเล็กน้อยใส่คาเรน เพราะยังไงมื้อแรกก็คงหนีไม่พ้นคฤหาสน์ของตระกูลซามัสเซล
“อืม” คาเรนเอ่ยบอกแล้วเดินไปยังห้องที่เขามักจะมาพักเป็นประจำที่มาที่ดูไบ เพราะมันเป็นห้องสูทสำหรับคนสำคัญที่อยู่สูงสุดของตึกนี้
ส่วนคามีลก็กลับเข้าไปในลิฟท์ เพื่อลงไปยังห้องทำงานของเขาที่อยู่ชั้นล่างทันที
ส่วนรินลดาที่กำลงรอลิฟท์เพื่อลงไปด้านล่างถึงกับมองหนุ่มหล่อที่อยู่ในลิฟท์อย่างอึ้งๆ เพราะตั้งแต่มาถึงที่นี่หนุ่มคนนี้ถือว่าเข้าตาเธอที่สุด
“เชิญครับมิส” คามีลเอ่ยพูดเป็นภาษาอังกฤษออกไป เพราะหญิงสาวตรงหน้าคงจะเป็นนักท่องเที่ยวของโรงแรม เขาก็เชิญให้หญิงสาวตรงหน้าเข้ามา เพราะเธอเอาแต่มองจนเขาต้องเอ่ยบอก
“อ่อค่ะๆ ขอโทษค่ะ” รินลดาพอรู้ตัวเองว่าเสียมารยาทจึงรีบเข้าไปในลิฟท์ ก่อนจะเอ่ยขอโทษเป็นภาษาอังกฤษ
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ทราบว่ามาเที่ยวคนเดียวหรือว่ามากับแฟนครับ ให้ผมพาเที่ยวได้นะครับ” คามีลเอ่ยพูดไป เพราะผู้หญิงคนนี้ก็ดูสวยเป็นธรรมชาติดี มันก็คงไม่แปลกถ้าเขาอยากจะสนุกด้วยสักพัก
“อ่อ ไม่เป็นไรค่ะ พอดีฉันมากับเพื่อนน่ะค่ะ” รินลดาพูดไปเท่านั้นก็เงียบต่อ ในใจก็ภาวนาให้ลิฟท์มันถึงชั้นล่างสุดไวๆ เพราะไม่อยากจะอยู่กับหนุ่มคนนี้นานๆ ถึงแม้จะหน้าตาดีก็เถอะ แต่ถ้ามาแนวอ้อร้อแบบนี้เธอก็ไม่ชอบ
“อย่างนั้นหรือครับ งั้นก็ทำความรู้จักกันหน่อยไหมครับ ผมชื่อคามีลครับไม่ทราบว่าคุณคนสวยชื่ออะไรครับ” คามีลเอ่ยพูดด้วยเสียงหยอกเย้าใส่สาวตรงหน้าอย่างไม่ปิดบังว่าชอบเธอ
“ฉันชื่อรินลดาค่ะ แต่เรียกว่าทับทิมก็ได้นะคะ” รินลดาเอ่ยบอกออกไป แต่คามีลที่ฟังถึงกับงง เพราะชื่อของเธอคนนี้เรียกยากจนเขาที่พึ่งฟังรู้ว่า เธอคนนี้น่าจะมาจากประเทศไทยแน่ๆ ดูจากชื่อของเธอก็พอจะเดาออก
“ครับทับทิม คุณคงเป็นคนไทยสินะครับ ชื่อถึงเรียกยากแบบนี้” คามีลถามย้ำ เพราะเขาก็จะได้คลายความสงสัยนี้ด้วย
“อ่อ ใช่ค่ะ ใครๆก็บอกแบบนั้น ฉันคงต้องขอตัวก่อนนะคะ พอดีจะไปเที่ยวก่อนน่ะค่ะ” รินลดาเอ่ยบอก เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก
“อ่อครับ งั้นให้ผมพาคุณเที่ยวไหมครับ รับรองว่าคุณไม่ผิดหวังแน่นนอน” คามีลเอ่ยพูดด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร เขารู้สึกชอบผู้หญิงคนนี้ เธอดูมีเสน่ห์และดูน่าค้นหาเป็นพิเศษ
“อ่อคือ” รินลดาอึกอัก เพราะไม่รู้จะไว้ใจชายคนนี้ได้หรือไม่ แต่ถ้ามีคนพาเที่ยวก็น่าจะดีกว่าเที่ยวคนเดียว
“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกครับ ผมก็เป็นพนักงานของที่นี่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นคุณก็คือแขกของโรงแรม ไว้ใจผมได้เลยครับ เพราะผมดูแลแขกของโรงแรมได้อย่างดีแน่นอน” คามีลที่เห็นหญิงสาวทำท่าครุ่นคิด เขาจึงเอ่ยบอกออกไป เพื่อให้เธอคลายความกังวล
“อืม งั้นก็ได้ค่ะ ทับทิมคงต้องขอรบกวนคุณคามีลหน่อยนะคะ” รินลดาเอ่ยพูดออกไป แล้วยิ้มเขินๆ เมื่อถูกชายตรงหน้ารุกหนัก เธอก็ไม่ได้มองไม่ออกว่าผู้ชายคนนี้กำลังจีบเธออยู่ แต่ก็ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองเท่าใดนัก
“งั้นไปกันเถอะครับ เดี๋ยวผมจะพาไป” คามีลเอ่ยบอกก็เดินนำพารินลดาเดินออกไปด้านหน้าโรงแรม พอลูกน้องที่เห็นเขาก็น้อมหัวให้ ก่อนจะเดินมาหาคามีล
“ฉันจะขับเอง” คามีลเอ่ยบอกลูกน้องก็รับกุญแจรถมา ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถให้กับสาวสวยที่เดินตามเขามา
“เราจะไปรถคันนี้เหรอคะ” รินลดาเอ่ยถามออกไปอย่างไม่เชื่อสายตา เพราะคามีลกำลังเปิดประตูรถสปอร์ตสีทองให้เธอเข้าไปนั่ง ซึ่งเธอไม่คิดว่าชาตินี้คนแบบเธอจะได้มีโอกาสนั่งรถหรูๆแบบนี้
“ครับ ทำไมเหรอครับ คุณไม่ชอบรถคันนี้เหรอ งั้นเดี๋ยวผมจะเปลี่ยนคันใหม่ให้” คามีลเอ่ยถามออกไปก็ทำท่าจะปิดประตูรถ แต่รินลดาก็รีบเอ่ยบอกทันที
“เดี๋ยวค่ะ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คือ ฉันแค่เกรงใจน่ะค่ะ” รินลดาเอ่ยบอกออกไป เพราะเธอก็พึ่งเจอกับเขาวันแรก อยู่ๆก็ยอมไปเที่ยวกับเขาโดยให้เธอนั่งรถหรูแบบนี้ มันก็ยังไงอยู่
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ คิดว่าผมเป็นเพื่อนของคุณก็แล้วกันนะครับทับทิม” คามีลเอ่ยบอกออกไป ผู้หญิงคนนี้ต่างจากผู้หญิงคนอื่นจริงๆ เขาชอบก็ตรงนี้แหละ เพราะเธอคงจะไม่รู้ว่าเขาคือใคร เธอถึงเอ่ยออกมาแบบนั้น แต่ก็ดีอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เข้ามาหาเขาเพราะเงิน
“ค่ะ งั้นรบกวนคุณแล้วนะคะคุณคามีล” รินลดาเอ่ยบอกออกไปอย่างเขินๆ เพราะไม่มีใครใส่ใจเธอและเทคแคร์เธอดีแบบเขา เธอชักจะชอบผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ซะแล้ว รินลดาคิดในใจก็เดินเข้าไปนั่งในรถของคามีล จากนั้นเขาก็พาเธอขับรถไปเที่ยวชมดูนครดูไบในยามเย็นจนมาถึงที่ทะเลทรายซาฟารี ซึ่งห่างจากตัวเมืองไม่ไกลเท่าใดหนัก แต่ด้วยความที่คามีลขับรถมาเร็วมากจึงใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
“ฉันพึ่งเคยเห็นทะเลทรายเป็นครั้งแรกแรกเลยนะคะ เมื่อกี้ตอนลงจากเครื่องก็ว่าสวยแล้ว พอได้มาอยู่ใกล้ๆแบบนี้แล้วก็ยิ่งสวยค่ะ” รินลดาเอ่ยบอกไปก็มองไปยังทะเลทรายอันกว้างขวาง เธอคิดไม่ผิดจริงๆที่ออกมากับคามีล
“ไปถ่ายรูปเก็บไว้สิครับ เดี๋ยวผมจะถ่ายให้” คามีลเอ่ยบอกก็ขับรถเลี้ยวเข้าไปที่ทะเลทราย ก่อนจะขับเข้าไปอีกนิด เพื่อหามุมถ่ายรูปสวยๆให้กับหญิงสาว จนกระทั่งเขามาจอดรถก่อนจะเป็นเนินทะเลทราย
“เอาจริงเหรอคะ” รินลดาเอ่ยถาม ทั้งที่ในใจกลับดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อคามีลใจดีที่จะจอดรถให้เธอได้ถ่ายรูป
“จริงสิครับ ผมบอกแล้วไงครับว่าผมพาเที่ยว ก็ต้องมีรูปติดไม่ติดมือกลับไปบ้างสิ ไปกันเถอะครับเดี๋ยวแสงจะหมดซะก่อนนี่ก็จะค่ำแล้วด้วย” คามีลเอ่ยบอกก็เปิดประตูลงจากรถไป ส่วนรินลดาก็รีบถือกล้องถ่ายรูปตามลงไปทันที จากนั้นคามีลก็เอากล้องถ่ายรูปของรินลดามาถ่ายให้เธออย่างเต็มใจ ยิ่งเห็นรอยยิ้มใสๆ เขาก็ยิ่งชอบเธอ จะมีผู้หญิงคนไหนที่ยิ้มจริงใจให้เขาแบบนี้ไหมนะ พอถ่ายรูปกันเสร็จคามีลก็ขับรถพารินลดากลับเข้าไปในเมืองดังเดิม
“โชคดีนะคะที่ใส่ชุดนี้มา ไม่งั้นคงไม่ได้รูปสวยๆ” รินลดาเอ่ยบอกขณะดูรูปที่คามีลถ่ายให้เธอ โชคดีที่เธอใส่ชุดเดรสสีแดงขายาวเว้าไหล่มา ไม่งั้นก็คงไม่ได้ภาพแสงสีสวยๆแน่ๆ
“ก็คนในรูปสวยนิครับ” คามีลเอ่ยหยอกกับรินลดาอย่างไม่ปิดบังว่าเขาชอบเธอ
“คุณคามีลนี่ปากหวานจังเลยนะคะ สาวๆคงจะพากันหลงคุณแย่” รินลดาเอ่ยตอบออกไป ก็เปิดช่องสืบว่าเขายังโสดอยู่รึเปล่า เพราะเธอคงจะไม่ไปโดนผู้หญิงของเขาตบเอาหรอกนะ
“มีที่ไหนกันล่ะครับ ผมยังโสดอยู่เลยจะเอาสาวๆที่ไหนมาล่ะครับ” คามีลเอ่ยบอกอย่างขี้เล่น ทั้งที่ความจริงในแต่ละวันเขานอนกับผู้หญิงแทบจะไม่ซ้ำหน้า
“ขอบคุณที่พาทับทิมมาเที่ยวนะคะ งั้นให้ทับทิมเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อจะได้ไหมคะ ถือว่าเป็นการตอบแทน” รินลดาเอ่ยบอกออกไป เพราะต้องการตอบแทนคามีลที่เสียสละเวลาพาเธอมาเที่ยวไกลขนาดนี้
“ไม่ต้องหรอกครับ ให้ผมเลี้ยงคุณจะดีกว่า ถือว่าเป็นการเลี้ยงต้อนรับความเป็นเพื่อนของเรา” คามีลเอ่ยบอกไป เขาเป็นผู้ชายอยู่ๆจะให้ผู้หญิงมาเลี้ยงข้าวคงไม่ใช่ทาง เพราะเขาชินกับการให้เงินและเลี้ยงข้าวสาวๆมากกว่า
“ก็ได้ค่ะ แต่ครั้งหน้าถ้าเราเจอกันล่ะก็คุณต้องให้ทับทิมเลี้ยงคุณบ้างนะคะ” รินลดาเอ่ยบอกไปก็ยิ้มให้อย่างสดใส
“ได้เลยครับคนสวย” คามีลเอ่ยบอกก็ขับรถอย่างอารมณ์ดี เมื่อเขาเข้ากับรินลดาได้ดี สงสัยเขาต้องหาต่อสานสัมพันธ์กับเธอซะแล้ว ไม่งั้นเขาอาจจะพลาดโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอก็ได้
“คุณคามีลก็อย่าแซวทับทิมแบบนี้สิคะ” รินลดาเอ่ยบอกไปอย่างเขินอาย
จากนั้นคามีลก็พารินลดาขับรถเที่ยวแถวชายหาดจูไมราห์บีช ก่อนจะข้ามไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารหนึ่งในตึกสูงระฟ้าของนครดูไบ เพราะเป็นโรงแรมรูปเรือใบซึ่งมีชื่อเสียงมากเลยทีเดียวสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งสองก็พูดคุยทำความรู้จักกันจนกระทั่งทานอาหารเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบจะสี่ทุ่ม คามีลก็พารินลดามาส่งที่โรงแรมของตัวเอง โดยที่เธอยังไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้บริหารของที่นี่
“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ คุณเป็นเพื่อนใหม่ที่น่ารักมากค่ะ” รินลดาเอ่ยบอกออกไปด้วยรอยยิ้มก็มองเข้าไปในรถคันหรู
“ไว้คุณว่างเมื่อไหร่ เราไปเที่ยวกันอีกนะครับ ”คามีลเอ่ยบอกรินลดาเมื่อเธอลงจากรถ ด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“ค่ะคุณคามีล ขับรถดีๆนะคะ” รินลดาเอ่ยบอกก็ยิ้มให้คามีล จากนั้นเธอก็หันหลังกลับแล้วเดินเข้าไปในโรงแรมทันที