ครืด ครืด ครืด เช้าวันเสาร์ที่แสนสดใสของฉัน วันนี้ฉันคิดว่าตัวเองจะได้ตื่นสาย ๆ หรือบ่ายของวันแต่ตอนนี้กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะเวลาแปดโมงเช้าในวันหยุดใครบังอาจโทรมาหาฉันเนี้ย มือเล็กยี่หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดก่อนจะขวานหามือถือที่ดังขึ้นมารับสาย
“ใครโทรมาเวลานี้วะ แม่จะด่าให้ลืมบ้านเลขที่เลยค่อยดู” สีหน้างัวเงียของปุณหยิบมือถือขึ้นมาทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมามองว่าใครเป็นคนโทรมาได้แต่บ่นอยู่คนเดียว แต่เมื่อเธอเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาแค่เท่านั้นดวงตาที่งัวเงียกลับเบิกตาโตด้วยความตกใจก่อนจะกดรับสายที่โทรเข้ามาทันที
“ค่ะ คุณติณณ์”
“ผมมีธุระที่ต้องไปทำ คุณต้องไปด้วยไม่ต้องแต่งตัวเป็นทางการ”
“แต่วันนี้คุณติณณ์ไม่มีนัดนะคะ”
“ธุระด่วน อีกสามสิบนาทีผมจะไปรับคุณที่คอนโด”
“เดี๋ยวค่ะ คุณติณณ์ เดะ” ยังไม่ทันที่เธอจะถามต่อปลายสายก็ตัดสายไปทันที ใบหน้าหวานหงุดหงิดขึ้นมาทันที เธอขยี้ผมของตัวเองพร้อมกับทุบที่เตียงนอนด้วยอารมณ์หงุดหงิด สายตาที่แค้นฝังหุ่นเมื่อนึกถึงคำสั่งที่ได้รับ
ปุณกระชากตัวลุกจากเตียง เธอคว้าผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยความเร็วสูง เพราะเจ้านายของเธอเป็นคนตรงเวลามาก เพราะตั้งแต่เธอทำงานกับเขามาก็มักจะทำอะไรรวดเร็วเสมอจนเป็นนิสัยติดตัว เธอจัดการธุระในห้องน้ำด้วยความเร็วสูงก่อนที่จะคว้าชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้ากับกางเกงขาสั้นสีครีมมาสวมใส่ ผมที่ไม่ทันได้สระเกล้ามวยผมขึ้นแบบเซอร์ ๆ เผยให้เห็นลำคอระหงและใบหน้าที่ดูเด็กลง
ใบหน้าที่ถูกแต่งเต็มบาง ๆ ให้ดูธรรมชาติยิ่งทำให้เธอดูสวยฉบับสาวมั่นขึ้นมาทันตา ก่อนที่เธอจะคว้ากระเป๋าถือใบใหญ่ของแบรนด์ดังพร้อมกับเตรียมรองเท้าผ้าใบสีขาวมารอเอาไว้ เผื่อว่าเจ้านายมาถึงจะได้สวมใส่และรีบออกไปได้ทันที
ครืด ครืด ครืด
“ผมถึงแล้ว” ปลายสายดังลอดเข้ามาและกดวางทันที โดยที่ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไรก่อนที่จะหอบร่างตัวเองเดินลงมาข้างล่างคอนโดและเป็นอย่างที่ฉันคิดเอาไว้จริง ๆ ว่าวันนี้เจ้านายไม่ได้มีนัดกับคู่ค้าที่ไหน เพราะเจ้าตัวเล่นใส่เสื้อเซิ้ตสีฟ้ากับกางเกงขาสั้นที่ขึ้นเหนือเขาเล็กน้อยและรองเท้าผ้าใบสีขาวพร้อมกับแว่นดำในลุคสบาย ๆ ยังสามารถทำให้เขาดูหล่อมากจริง ๆ
แต่เดี๋ยวนะ!! เมื่อเห็นการแต่งตัวของท่านรองทำให้ฉันต้องก้มมองการแต่งตัวของตัวเอง ที่เหมือนกันเดะ
“คุณติณณ์รีบรึเปล่าคะ”
“มีอะไรคุณปุณ”
“คือฉันของไปเปลี่ยนเสื้อสักครู่นะคะ” ฉันบอกพร้อมกับก้มมองการแต่งตัวของตัวเองสลับกับเจ้านาย ตอนนี้ฉันอยากวิ่งร้อยเมตรขึ้นไปเปลี่ยนชุดใจจะขาด กลัวคนอื่นจะเข้าใจผิดว่าเรานัดกันใส่ชุดคู่กันหรือเป็นคู่รักกันยังไงก็ไม่รู้
“ผมรีบ ขึ้นรถ” ตอนนี้ฉันอยากจะกรี๊ดให้กับตัวเองเบา ๆ แต่ทำอะไรไม่ได้ต้องจำยอมขึ้นรถไปกับเจ้านายและความสงสัยยังไม่หมดเท่านี้ เมื่อวันนี้คุณติณณ์ขับรถมาเองโดยไม่มีคนขับรถขับมาให้เหมือนทุกครั้ง ความสงสัยทำให้ฉันต้องถามออกไปทันที
“ตอนนี้เราจะไปไหนกันคะ”
“ไปซื้อต้นไม้”
“ห๊ะ!!ไปซื้อต้นไม้” ฉันอยากจะบ้าตาย วันนี้คือวันหยุดของฉันที่คิดว่าตัวเองจะได้ตื่นสาย ๆ กลับต้องมาฝันสลาย เมื่อต้องตื่นขึ้นมาซื้อต้นไม้ ซึ่งฉันไม่ได้อินกับเรื่องต้นไม้ขนาดนั้นแต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อฉันเป็นลูกน้องที่ต้องทำตามคำสั่งเจ้านายที่ให้เงินเดือนที่สูงลิบกับฉันนี่สิ!!
“ปุณขอถามหน่อยนะคะ”
“ว่า”
“คุณติณณ์ไม่มีเพื่อนเหรอคะ ทำไมถึงไม่ชวนมา” ใบหน้าหล่อของคุณติณณ์หันมามองฉันเล็กน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปขับรถต่อท่าทางสบาย ส่วนฉันหาวไม่รู้กี่รอบแล้ว
“มีแต่พวกมันไม่อินกับเรื่องต้นไม้”
“ปุณก็ไม่ได้อินเรื่องต้นไม้นะคะคุณติณณ์ เผื่อคุณลืม”
“คุณมีปัญหา?”
“เปล่าค่ะ” อยากจะกรี๊ดให้หูแตกไปข้าง ใบหน้าของเจ้านายไม่มีอาการทุกข์ร้อนแต่อย่างใดที่รบกวนเวลาพักผ่อนของลูกน้องแต่จะให้ฉันทำยังไงในเมื่อฉันเป็นลูกน้อง อย่าให้ฉันได้เอาคืนบ้างนะ!! เรื่องนี้คือความคิดเท่านั้นแหละ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างฉันจะไปสู้อำนาจของคุณติณณ์ได้ยังไง
“ไปซื้อต้นไม้ที่ไหนคะ”
“อยุธยา” ตอนนี้ฉันอยากจะเขียนใบลาออกให้เรียบร้อยและยื่นให้กับเจ้านายเองกับมือ ไปซื้อต้นไม้ที่อยุธยาฉันอยากจะบ้าตายกรุงเทพมีร้านต้นไม้เป็นพันร้านไม่ซื้อไปซื้ออยุธยา โอ๊ย!! เสียงร้องที่ได้แต่โอดโอยในใจไม่รู้จะพูดอะไรต่อได้แต่หันหน้าไปมองกระจกข้างทางเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เห็นแสงแดดก็รู้สึกร้อนขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ข้างในรถที่อุณหภูมิเย็นก็ตาม
##ไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะท่านรอง ก็แค่ไปซื้อต้นไม้ที่อยุธยาเลยอะเนอะ##