“คุณจันทร์เข้ามาพบผมหน่อย”
คุณเลขาฯ สาวสูดอากาศเข้าปอดก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องของคีรีอย่างมั่นอกมั่นใจตามนิสัยมั่นหน้าที่มีอยู่เป็นทุนเดิม
“สวัสดีค่ะ ดิฉันเพ..”
ยังไม่ทันจบประโยค มือของชายหนุ่มก็ยกขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่า ‘หุบปากไปซะ’ ปากที่กำลังอ้าได้องศาแบบพอดิบพอดีที่จะทำให้ใบหน้าสวยตามที่ได้ไปศึกษากับปรมาจารย์ในยูทูบก็ต้องหุบกลับมาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือสายตาชายหนุ่มเหมือนกำลังบอกให้เธอหาเข็มมาเย็บปากตัวเองไว้ แม้ภายในใจจะอยากข่วนหน้าเขาที่บังอาจมาบอกให้เธอหยุดการพูดแบบกะทันหันแค่ไหนแต่ก็ต้องพยายามส่งยิ้มที่คิดว่าสวยยิ่งกว่านางงามที่กำลังจะประกวดเวทีระดับโลกให้เขาแทน เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะได้ซองขาวแทนเงินเดือนตั้งแต่เดือนแรก ไม่สิ! ตั้งแต่วันแรกเลยก็เป็นได้
“คุณไม่ต้องแนะนำตัว ผมไม่ได้ให้มาพูดหน้าชั้นเรียน ข้อมูลคุณผมอ่านหมดแล้ว”
‘เฮ้อ! พวกไม่มีมารยาท ไม่รู้จักการเข้าสังคม ทีกับดาราสาวๆ สวยๆ ยิ้มแป้นแล้น ทีกับฉันตีหน้ายักษ์ใส่อยู่ได้ แหม! อยากจะเสวนาด้วยตายล่ะ’ ทั้งหมดทั้งมวลได้แต่คิดในใจค่ะท่านผู้ช้ม เพราะความจริงแล้วคนนิสัยแบบเขา คำพูดแค่นั้นมันไม่พอค่ะ มันต้องพูดคำนี้มันถึงจะเหมาะสม
“ค่ะ ท่านประธานมีอะไรให้ดิฉันรับใช้หรือคะ” พูดเพราะๆ ค่ะ แล้วกิริยาต้องอ่อนน้อมถ่อมตน เพราะถ้าพูดไม่เข้าหูขึ้นมาดิฉันอาจจะโดนตะเพิดได้นะคะ
“ตารางงานของผมวันนี้มีอะไรบ้าง”
แทบจะไม่ต้องเปิดสมุดจดตารางงานที่ภาวินเตรียมไว้ให้ เพลงจันทร์ก็สามารถร่ายยาวคิวงานทั้งหมดของเขาที่บันทึกไว้ในสมองของเธอเรียบร้อยแล้ว
“สิบโมงมีประชุมกับคณะกรรมการค่ะ เที่ยงมีนัดรับประทานอาหารกลางวันกับคุณซาโตะที่ร้านอาหารไทยแถวทองหล่อ ส่วนบ่ายว่างค่ะ”
“อืม”
“บอสมีอะไรจะใช้ดิฉันอีกไหมคะ”
“ไม่ล่ะ ขอบใจมาก”
การทำงานครึ่งวันแรกผ่านไปช้าอย่างกับโกหก โปรแกรมการทำงานของคีรีเหมือนจะจัดไว้อยู่แล้วเพราะดูจากตารางงานที่ภาวินเป็นคนดูแลและส่งมาให้เธออีกทอดหนึ่ง ถูกจัดไว้ล่วงหน้าเป็นเดือนๆ แต่หลังจากนั้นเธอต้องเป็นคนดูแลตารางงานของคีรีเองทั้งหมด เพราะภาวินและปรัชญาเป็นเลขาฯ ของคีรีเช่นเดียวกับเธอก็จริง แต่มีหน้าที่คือขับรถและเป็นผู้ติดตามนายออกนอกสถานที่ หน้าที่ของเลขาฯ ทั้งสามคนของคีรีถูกแบ่งไว้อย่างชัดเจน แต่ที่สองคนนั้นต้องมาคอยช่วยดูแลช่วยเธอในเดือนแรกก็เพราะว่าเจ้าหล่อนยังใหม่กับระบบของโรงแรมและการทำงานกับเจ้านายแบบคีรีอยู่
“เอาเส้นหมี่น้ำตก ไม่เอาเนื้อเอาแค่ลูกชิ้นค่ะ”
เพลงจันทร์สั่งก๋วยเตี๋ยวที่จะมาเป็นอาหารเที่ยงให้กับเธอในวันนี้ ขณะที่รอแม่ค้าทำก๋วยเตี๋ยวหญิงสาวก็ได้มีโอกาสมองสำรวจไปรอบๆ ห้องอาหารซึ่งจัดไว้ให้พนักงานโดยเฉพาะ ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องอาหารของพนักงานแต่ก็หรูโคตรๆ
“เว่อร์ตั้งแต่ผู้บริหารยันห้องอาหาร” เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้วหญิงสาวเผลอทำปากยื่นปากยาวออกมาอย่างไม่รู้ตัวเพราะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่เธอเดินถือกาแฟดำและคุกกี้รสช็อกโกแลตที่มีอยู่ในห้องกาแฟไปให้เขา แทนที่ชายหนุ่มจะกล่าวคำขอบคุณอย่างที่ควรจะเป็น แต่เขากลับบอกว่า…
‘คุณภาวินไม่ได้บอกเหรอว่าผมไม่กินขนมราคาถูก’
‘บอกค่ะ แต่ดิฉันเห็นว่าคุกกี้อันนี้น่าจะเข้ากับกาแฟของบอสแล้วอีกอย่างมันก็ไม่ได้ราคาถูกเลยนะคะ หนึ่งโหลตั้งร้อยเก้าสิบเก้าบาท’
‘อย่ามาคิดแทนผม คุณเป็นลูกน้องผมเป็นเจ้านาย’
‘ค่ะ แล้วบอสอยากกินอะไรล่ะคะ’
คีรีเงยหน้ามองเลขาฯ ที่ได้มาจากการบังคับขู่เข็ญจากแพรนวลแม่ของเขา ให้รับเจ้าหล่อนเข้าทำงานในตำแหน่งเลขาส่วนตัว หลังจากที่ไล่นงนุชออกเพราะพยายามจะเปลี่ยนจากเลขาฯ มาเป็นภรรยาเจ้าของโรงแรมโดยการวางยาปลุกเซ็กส์และให้ท่าเขา แต่โชคยังดีที่ชายหนุ่มไหวตัวทัน จึงทำให้แผนของนงนุชไม่สำเร็จ
‘คุณใช้ความคิดบ้างสิ’
‘อ้าว! ก็เมื่อกี้บอสบอกว่าอย่ามาคิดแทนผมนี่คะ ตกลงจะเอายังไงกันแน่’ เมื่อนึกได้ว่าปากไวไป เพลงจันทร์รีบยกมือขึ้นปิดปาก นึกแล้วอยากจะตบปากตัวเองสักหนึ่งร้อยครั้ง โทษฐานที่ไม่รู้จักสงบปากสงบคำ
‘คุณจันทร์!’ น้ำเสียงทุ้มที่ถูกเจ้าตัวกดลงจนต่ำในตอนนั้นยังติดอยู่ในซอกหูของเธออยู่เลย นึกแล้วก็ขนลุกฉิบหาย มิน่าป้าณีถึงบอกให้พกพระเอาไว้ ไม่ใช่กันผีนะ กันบอสที่น่ากลัวยิ่งกว่าผีต่างหาก