3
“...”
เสียงแตรรถดังสนั่นลั่นไปสามบ้านแปดบ้านไปเรียกชายหนุ่มที่ไปหลงระเริงอยู่กับสาวน้อยนามน้องอะไรก็ไม่รู้ เพราะเพียงเจอกันแล้วถูกใจก็ชวนกันพาไปขึ้นเตียงตลอดจนรุ่งเช้า แล้วต่อถึงสายจนไปทำงานไม่ไหวก็เลยเกมันสักวัน เลยมานอนหลับอุตุอยู่ในห้องรับแขกของบ้านสะดุ้งเฮือกลืมตา รีบขยับตัวลุกจากโซฟาตัวนุ่มเหมือนกับถูกใครกดสปริงอย่างนั้นแหละ
“เฮ้ย! ฟ้าถล่มดินทลาย หรือสึนามิเข้าหรือไงกันนี่ ผมบนศีรษะทุยชี้โด่เด่ไม่เป็นทรง วงหน้าคร้ามแกร่งหันมองไปทั่วๆ อย่างเลิ่กลั่กมองหาที่มาของเสียงที่จนตอนนี้ยังไม่หยุด
“นี่มันบ้าอะไร ใครมาเล่นพิเรนทร์อะไรกันวะนี่”
คนที่ต้องตื่นมาอย่างงงๆ สบถเสียงเขียว ยื่นมือไปคว้าเสื้อเชิ้ตที่ถอดและโยนไปวางไว้บนโซฟาอีกตัวมาสวมใส่ลวกๆ โดยไม่ยอมติดกระดุมให้เรียบร้อย แม้จะเปิดเครื่องปรับอากาศแต่เพราะเขาเป็นคนร้อนง่ายและตอนที่กลับเข้าบ้านใหม่ๆ นั้นก็ร้อนมาก แต่ก็ง่วงมากจนลืมตาไม่ขึ้น เลยเลือกที่จะถอดเสื้อนอนมันทั้งอย่างนั้นแหละ
ร่างที่ทั้งหนาและใหญ่ด้วยสัดส่วนความสูง 190 เซนติเมตร ทุกส่วนของร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายทั้งบนเตียงและใช้บริการฟิตเนสเดินออกไปเร็วรี่ เพื่อที่จะอาละวาดคนที่ทำเสียงรบกวนคนอื่นอย่างไม่รู้กาลเทศะ เขากำลังต้องการพักผ่อน แต่เพียงแค่ประตูบ้านเปิดออกจนได้เห็นที่มาของเสียง คนที่ยังเมาขี้ตาอยู่ก็เบิกกว้าง พร้อมสบถเสียงลอดไรฟันอีกครั้ง
“พี่ไทนี่ เป็นบ้าอะไรนี่ ทำไมถึงได้กดแตรรถเล่นแบบนี้” มือใหญ่ยกขึ้นเกาผมบนศีรษะแรงๆ อย่างอารมณ์เสียจากการถูกรบกวนการนอนและการจะต้องออกมายืนกลางแดดเปรี้ยงๆ ร้อนจนเหงื่อไหลอาบตามร่องรูขุมขนและขมับ เพราะพี่สาวที่ดูท่าว่าจะมีเรื่องกับภามมาอีกแล้ว
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
“พี่ไทนี่” ชานนท์เคาะกระจกรถเรียกพี่สาวด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายระคนระอิดระอาใจ เตือนไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าให้วางเรื่องภามลงเสียบ้าง รู้ก็รู้ว่าเขาไม่เคยจะสนใจ ก็ไม่เคยที่จะฟังเลย นี่คงจะไปอาละวาดใส่ภามมาแล้ว และคงจะโดนอีกฝ่ายตอกจนหน้าหงายกลับมาอีกล่ะซินี่ เฮ้อ...ลมหายใจร้อนๆ เป่าพ่นจากริมฝีปากสีแดงสด
‘พี่สาวใครไม่รู้ ทั้งหัวดื้อและเอาแต่ใจตัวเองชะมัด’
ดูเหมือนว่านันทิยาจะไม่สนใจเสียงเคาะประตูจากฝั่งคนขับ ยังคงทุ่มตัวแนบไปกับพวงมาลัยรถและร้องไห้สะอื้นจนตัวคลอน ศีรษะทุยสะบัดแรงๆ เคาะกระจกรถและร้องเรียกพี่สาวดังๆ อีกครั้ง
“พี่ไทนี่!! พี่ไทนี่ครับ!!!”
เหมือนมีเสียงดังแว่วมาจากภายนอก นันทิยาผงกศีรษะที่ฟุบอยู่กับพวงมาลัยรถ ร้องไห้จนหน้าตาบวมเป่งและแดงก่ำไปตลอดจนถึงปลายจมูกที่กำลังสูดเอาลมผ่านน้ำใสๆ ที่ไหลออกมาผ่านเข้าไปในปอดขึ้นมองที่มาของเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นใครเธอก็ฟุบกลับไปเหมือนเดิม จนอีกฝ่ายดูท่าจะทนรำคาญไม่ไหวเลยทุบเข้าให้ดังปังๆ อย่างไม่กลัวว่ากระจกรถจะแตก
“อือ...มีอะไรนนท์” นันทิยาเอ่ยถามเสียงเบาหวิวปนสะอื้นเล็กๆ มือเล็กกดสวิตช์ให้กระจกรถเคลื่อนตัวลงช้าๆ ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนวงหน้า จนน้ำใสๆ เปื้อนเหนือริมฝีปากและพวงแก้มเหมือนกับเด็กๆ
สองมือใหญ่เท้าสะเอว ปลายนิ้วยาวใหญ่บางส่วนสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและบางส่วนอยู่ชิดขอบเข็มขัด พร้อมด้วยเรือนกายแข็งแกร่งทรงพลัง กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ จากการออกกำลังกายเป็นประจำทำให้ไม่มีไขมันเกาะพอกไปทุกส่วนของร่างกายที่สาวๆ คนใดได้เห็นชานนท์ในลักษณะแบบนี้ ไม่ให้หัวใจและร่างกายละลายเป็นน้ำก็ให้มันรู้ไป แม้กระทั่งนันทิยาซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆ หัวใจก็ยังอดที่จะเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ มองน้องชายตาปรอยไม่ได้
“ไม่ต้องมาทำตาละห้อยแบบนั้นเลยพี่ไทนี่ ลงมาเลย พี่ลงจากรถมาเลยนะ”
มือใหญ่ยื่นไปปลดล็อกและเปิดประตู พร้อมร่างพี่สาวจนเกือบจะเป็นกระชากลงมาจากรถ ปิดดังปังใหญ่ก่อนจะช้อนร่างโปร่งที่หมดแรงเดินกลับเข้าไปในบ้าน สองแขนใหญ่โอบกอด ฝ่ามือลูบศีรษะทุยไล่ลงมาถึงแผ่นหลังอย่างต้องการปลอบประโลมคนที่กำลังสะอื้นฮักเหมือนกำลังจะขาดใจ เมื่อได้รับความรักและปรารถนาดีจากน้องชาย
ชานนท์ปล่อยให้พี่สาวร้องไห้จนหนำใจอย่างที่ไม่รำคาญเหมือนดังเช่นตอนแรก
เขาและนันทิยาสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ มีอะไรคุยกันได้ในทุกเรื่องจริงๆ ในตอนที่นันทิยามีประจำเดือนครั้งแรกก็เป็นเขาที่อยู่ด้วย มองดูพี่สาวที่กำลังดิ้นทุรนทุรายด้วยความปวดโดยที่ช่วยอะไรไม่ได้ หลายครั้งเป็นเขาที่เคยวิ่งโร่ไปหาซื้อผ้าอนามัยมาให้อย่างไม่อายสายตาของคนที่มอง
เขาเคยแม้กระทั่งไปนอนกับใครมาแล้วบอกเล่าให้พี่สาวฟัง เคยนอนเตียงเดียวกับพี่สาวแล้วนินทาผู้หญิงอย่างที่ผู้ชายดีๆ เขาไม่ทำ เขาก็เคยทำมาแล้ว ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ แต่เผอิญว่ามันเต็มกลืนจริงๆ กับรายนั้นที่เล่นเอาเขาถึงกับหน้าแหกแตกหมอไม่รับเย็บกับความขี้ตู่ของเจ้าหล่อน ที่ทำเอาเขานั้นน่วมไปทั้งตัว เพราะถูกแม่เสือที่ไม่เคยจะมีทีท่าหึงหวงอย่างรสรินปล่อยหมัดน็อกเข้าปลายคางและใช้ร่างกายเขาแทนกระสอบทราย จะโต้ตอบก็ไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายหาใช่เพียงแค่คู่หมั้นแต่ดันเป็นลูกสาวเจ้าของโรงแรมที่เขาทำงานอยู่ เป็นน้องสาวของพี่ภามที่เขารักและเคารพประดุจพี่ชายแท้ๆ และเป็นเจ้าของหัวใจเขามาตลอด
นันทิยาเองก็เช่นกัน รู้สึกกับใครยังไงก็บอกเล่าอย่างไม่มีปิดบัง เปิดเผยจนน่าเกลียดสำหรับคนอื่น แต่เป็นสิ่งน่ารักสำหรับเขา ที่สำคัญที่เขาชอบในตัวพี่สาวคนนี้ก็คือ ความเข้าใจที่มอบให้ ยอมปิดบังรสรินเวลาที่เขาไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น
บางครั้งถ้าเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นเริ่มที่จะก้าวก่ายและคิดจะจับเขา ก็เป็นนันทิยาที่ช่วยกันสาวๆ เหล่านั้นออกห่างไปด้วยวิธีการละมุนละม่อมที่เขาไม่อยากรู้ว่าพี่สาวพูดอะไร ด้วยความกลัวในคำตอบที่จะได้ยิน เพราะเมื่อได้เจอกับพวกเธอเหล่านั้น สายตาที่ทุกคนทอดมองมายังเขาเหมือนว่าจะมีเลศนัยก็ใช่ จะสงสารก็ไม่เชิง จะมีก็เพียงแค่ทุกคนมาตบบ่าเขาแล้วก็พูดว่า
“เสียใจด้วยนะนนท์ จะทำอะไรก็ให้คิดถึงคนที่อยู่ข้างหลังบ้างนะ ทุกคนยังรักและเป็นห่วงนายเสมอ”
นันทิยาทุ่มตัวร้องสะอื้นกับอกน้องชายจนอกกว้างที่ไม่มีเสื้อปกปิดเปียกชื้นจากทั้งน้ำมูกน้ำตาเป็นนานด้วยความอบอุ่นกับความรักที่อีกฝ่ายมอบให้ มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำมูกน้ำตาบนวงหน้าที่แดงปลั่ง ฟันขาวสะอาดขบกัดริมฝีปากสีแดงสดกลั้นสะอื้น
มือเรียวยื่นไปคว้ากระดาษทิชชูมาเพื่อเช็ดอกที่เปียกชื้นให้ แต่ชานนท์กลับปฏิเสธ พร้อมสองมือใหญ่ทาบทับบนพวงแก้มอิ่มแดงระเรื่อ ใช้ปลายนิ้วยาวซับหยดน้ำตาที่ยังมีไหลผ่านแพขนตายาวงอนลงมา
รู้ว่าความรักมันห้ามกันไม่ได้ เพราะตัวเขาเองก็รักผู้หญิงคนหนึ่ง รักมาก อยากได้เธอมาเคียงคู่กาย แต่เพราะความไม่เหมาะสมทางด้านฐานะ เลยทำให้ต้องพยายามตัดใจปลีกตัวออกห่าง แต่อีกฝ่ายกลับยิ่งเอาตัวเข้ามาพัวพัน เสนอตัวให้จนตะบะที่เขาพยายามข่มกลั้นเอาไว้เกือบจะแตกเสียหลายครั้งแล้ว
ชานนท์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขนาดเขาว่าเข้มแข็งแล้วแต่ก็มีหลายคราเหมือนกันที่อ่อนแอ แล้วนันทิยาที่หลงรักภามมาตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อสาว ไม่เคยมีสายตาที่จะมองใครเล่า ทุ่มเทให้หมดทั้งหัวใจ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเฉยชา ภาพบาดตาบาดใจพร้อมกับความเจ็บช้ำระกำใจจะไม่อ่อนแอเชียวหรือ ส่วนเขาที่เป็นน้องทำได้เพียงแค่มองและให้กำลังใจอยู่ห่างๆ ด้วยหัวใจที่ปวดร้าวไม่แพ้กัน
อยากให้มีปาฏิหาริย์ ทำให้ภามรักตอบนันทิยาอย่างที่หญิงสาวรักบ้าง แต่คงจะเป็นไปไม่ได้ ผู้ชายที่เห็นผู้หญิงเป็นเพียงไม้ประดับคอยให้ความสุข ย่อมที่จะเดินทางเสาะแสวงหาหญิงมาสร้างความสำราญใจให้โดยไม่ซ้ำหน้า ต่อให้รักมากมายจนตายแทนก็ไม่มีทางที่จะหยุดอยู่กับผู้หญิงเพียงคนเดียว