ตอนที่7 ยินดีต้อนรับสู่วงจร
ชาร์ลยอมผละออกและส่วนที่เชื่อมเขากับเธอไว้ก็หลุดจากกัน ธาริกาที่ได้รับความเจ็บปวดจากเขาดึงผ้าห่มขึ้นปิดกายด้วยมือที่สั่นระริก ทุกอิริยาบถของเธอล้วนอยู่ในสายตาของเขาหมดทั้งสิ้น
“ที่ให้ช่วย จะจัดการให้” คนพูดเดินไปคว้าชุดคลุมที่ห้องเสื้อผ้าทั้งที่ร่างกายไม่มีผ้าติดกายสักชิ้น และเขาก็ใจดีหยิบมันมาเผื่อหญิงสาวบนเตียงด้วย
“ขอบคุณค่ะ”
“คืนนี้ทรายกลับได้เลยมั้ยคะ” เธอถามขึ้นหลังจากสวมชุดคลุมที่ได้มาจากเขาเรียบร้อย
“ตามใจ”
“ขอเวลานิดนึงนะคะ ทรายจะรีบจัดการตัวเองให้เสร็จ” ธาริกาฝืนความเจ็บแสบหยัดตัวลุกขึ้นยืนแล้วเก็บเสื้อผ้าที่ร่วงหล่นอยู่ข้างเตียงหอบมันเข้าไปในห้องน้ำด้วย
ชาร์ลเดินไปนั่งลงที่โซฟาปลายเตียงพร้อมกับข่มอารมณ์ไม่ให้ต้องการร่างกายของเธออีก เขายังรู้สึกไม่พอแต่ก็ไม่อยากร้องขอให้เธอย่ามใจ
หญิงสาวที่เพิ่งเสียความบริสุทธิ์ให้กับเขาออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่เหมือนกับตอนมา มีเพียงสีหน้าที่ดูเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“มานั่งนี่” ชาร์ลตบลงบนที่นั่งข้าง ๆ เขา ธาริกาก้าวเท้าอย่างถนอมความเจ็บของตัวเองก่อนจะนั่งลงตามที่เขาต้องการ และถูกปลายจมูกโด่งคุกคามทันที
“อื้ออ”
“ยินดีต้อนรับสู่วงจร” น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ แต่ที่เย็นชากว่าน้ำเสียงนั้นคือแววตาของเจ้าของนัยน์ตาสีเทา เขากัดริมฝีปากล่างสายตาสาดมองธาริกาเหมือนเหยื่อที่เดินเข้ามาในกรงของเสือด้วยตัวเอง และอดไม่ได้ที่จะจูบซับทั่วเนินอกอวบของเธออีก
“คืนนี้พอก่อนนะคะ”
“จะกลับ?”
“ค่ะ” ธาริกายืนกรานว่าจะไม่อยู่ต่อแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเกือบตีหนึ่งเข้าไปแล้ว
“ขออนุญาตให้ผู้จัดการมารับที่นี่ได้มั้ยคะ”
“...”
“ทรายโทรหาเขาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าคุณชาร์ลจะอนุญาตให้เขาเข้ามาที่นี่ได้หรือเปล่า”
“หวังว่าพวกเธอจะเก็บความลับเก่ง”
“เขาไม่พูดแน่นอนค่ะ”
ธาริกาที่รู้สึกว่ากำลังถูกเขาจ้องเริ่มหน้าก้มหน้าตอบคำถาม แต่ชาร์ลก็ยังมองเธออย่างละสายตาไปไม่ได้
ชายหนุ่มจับประคองใบหน้าเรียวให้รับจูบ เขาชอบรสลิ้นที่ซุกซน ชอบอาการตัวสั่นแต่ทำใจกล้าของเธอ มันต่างจากค่ำคืนที่เขาต้องห่มเหงถึงจะได้ชิมมัน
ก๊อก ๆ
ชาร์ลผละออกจากร่างหอมกรุ่นอย่างแสนเสียดายก่อนจะลุกไปเปิดประตูเพื่อรับสิ่งที่สั่งให้ลูกน้องเอามา
“เธอคงไม่ทำตัวเองให้ลำบาก” แผงยาเล็ก ๆ ถูกยื่นมาตรงหน้าของธาริกา แต่สีหน้าของเธอยังแสดงออกถึงความไม่เข้าใจแต่เมื่อนึกบางอย่างได้ก็รีบรับมาแกะกินโดยที่สายตาของเขาจับจ้องอยู่ตลอด ‘เขาคงกลัวเธอจะจับล่ะมั้ง’
เมื่อเม็ดยานั่นถูกกินต่อหน้าต่างฝ่ายต่างก็นั่งนิ่ง ธาริกาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้ตัวว่าเจ้าของนัยน์ตาสีเทานั่นจ้องเธออยู่
ตืดด ตืดด
พี่ฉัตร
“พี่ฉัตรมาถึงแล้วค่ะ ทรายกลับก่อนนะคะ” หญิงสาวไปไม่เป็นเมื่อคนตัวโตเอาแต่นิ่งทั้งที่เธอมั่นใจว่าเขาได้ยินแน่ ๆ เธอจึงขยับไปพูดใกล้ ๆ หูของเขา
“ทรายกลับแล้วนะคะ”
“อืม”
.....
ปึง
“พี่ฉัตรง่วงหรือเปล่าคะ”
“ไม่ นอนมาบ้างแล้ว” ฉัตรทองลอบมองคนที่ขึ้นรถมาก็ปรับเบาะนอนทันที เธอจึงทำหน้าที่พาหล่อนกลับไปนอนเสียก่อน แล้วเรื่องที่อยากรู้ไว้คุยกันเมื่อเธอหายเหนื่อย ‘เป็นเด็กในสังกัดอีฉัตรก็เหนื่อยหน่อย’ คนอื่น ๆ ต่างพากันไม่ต่อสัญญากับเขาเพราะอยากไปอยู่กับผู้จัดการที่คอนเนคชั่นเยอะ ไม่ใช่หัวเดียวกระเทียมลีบอย่างเขา นี่ก็ไม่รู้ว่าธาริกาจะทิ้งเขาไปอีกคนหรือเปล่า
ตืดด ตืดด
“ใครมันโทรมาตีสองตีสามวะ” ฉัตรทองบ่นมุบมิบเมื่อมือถือที่ควรสงบในเวลานี้กลับมีคนโทรเข้า
ทีมงานคุณเปิ้ล
“ยกเลิกไปแล้วจะโทรมาทำไมอีก!” คนที่กำลังขับรถบ่นให้คนโทรเข้ามาเสียงสูงแต่ก็ไมม่ได้ปลุกคนข้าง ๆ ให้หลุดจากภวังค์ได้
“สวัสดีค่า ฉัตรทองพูดสายค่า”
“งานพรุ่งนี้ให้น้องทรายแก้วมาเหมือนเดิมนะคะ”
“อะไรนะ!” ฉัตรทองถึงกับเหยียบเบรกในทันที
“คิวพรุ่งนี้ตอนบ่ายให้น้องทรายแก้วมาเหมือนเดิมค่ะ”
“ดะ..ได้ค่ะ ก่อนเที่ยงจะพาน้องทรายไปรอนะคะ” ฉัตรทองยกมือขึ้นทาบอกอย่างไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นผลที่มาจากการที่ธาริกามาหาชาร์ลเพียงไม่กี่ชั่วโมง ‘อาจจะบังเอิญก็ได้’
ติ๊ง ๆ
“วันที่ 11 ให้ทราบแก้มมาร้องเพลงเปิดงานเหมือนเดิมนะครับ”
“ได้ไม่ได้ยังไงตอบกลับทีครับ” ผู้จัดการสาวสองแทบจะเปิดประตูรถออกมากรี๊ดให้สาแก่ใจ ธาริกาดับได้ไม่ถึงวันไฟก็เริ่มส่องมาที่เธออีกครั้ง ตื้นตันให้กับความไม่ยอมพ่ายแพ้ง่าย ๆ ของเด็กผู้หญิงที่โลกช่างใจร้ายกับเธอ...
วันต่อมา
“ละครมันนานรวย ช่างมันเถอะเนอะ”
“ถ้าคุณเอิงติดต่อมาอีกพี่ฉัตรตกลงกับเขาไปเลยนะคะว่าทรายพร้อม”
“นี่ ไม่ใช่พอถึงเวลานั้นคุณชาร์ลเขาไม่ช่วยนะ”
“ทรายยังยืนอยู่ที่เดิมได้ก็พอแล้ว ส่วนค่าปรับนั่นก็คงเอาเงินเก็บทั้งหมด ขายห้องของเรารวมไปจ่ายเขาก่อน”
“มันพอที่ไหนล่ะ เกิดเขาเรียกเต็มสิบห้าล้าน ยังขาดอีกเกือบครึ่ง...”
“คงไม่รบกวนเขาหลายเรื่องขนาดนั้นหรอกมั้งคะ ที่เขาได้จากทรายก็ไม่ได้มีค่ามาก”
“ทรายแก้ว...” ฉัตรทองเรียกหญิงสาวเสียงอ่อน ธาริกาไม่เคยคิดว่าตัวเองมีค่า เพราะสิ่งที่เคยทำมันในอดีต นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชีวิตของเธอจนตรอก แต่ธาริกามีชีวิตที่โชคชะตาไม่มีเส้นทางให้เธอได้เลือกเดินเท่าไรนัก
“ก็แค่เคยเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์ แกไม่ได้ขายตัวอย่างที่ใคร ๆ เขาปั่นกระแสสักหน่อย”
“แต่คนก็เชื่อมันแบบนั้นมาตลอด และตอนนี้ทรายก็ทำแบบนั้นไปแล้วด้วย” คนที่นั่งเอนบนโซฟาอย่างหมดอะไรตายอยากพูดขึ้น ทั้งที่เธอได้อาชีพในวงการกลับคืนแต่มันก็อดเวทนาตัวเองไม่ได้ ‘อย่าพูดเลยว่าเราเลือกชะตาชีวิตเองได้’
.....
ซินดี้มองไลฟ์สดของธาริกาที่ออกงานตามปกติด้วยเรียวคิ้วสวยที่ขมวดชนกัน ไหนเพื่อนเธอบอกว่าธาริกากำลังโดนคว่ำบาตรจากแบรนด์ต่าง ๆ นี่ยังไปยืนเสนอหน้าในงานอีเว้นท์เครื่องดื่มที่เธอชวดอยู่เลย
“ว่าไงซินดี้”
“เรื่องอีทรายแก้ว ไหนแกว่ามันจะโดนเละไง หรืองานนี้ป้าแกไม่ได้บอกเขา” นางเอกหน้าหวานขัดกับน้ำเสียงแข็งขืนที่โทรไปคาดคั้นเพื่อนสนิทในตอนนี้
“แกฟังนะซินดี้ คนของคุณชาร์ลเขาโทรไล่ทุกคนที่ป้าฉันโทร”
“เกี่ยวอะไรกับคุณชาร์ล”
“ไม่รู้ แกก็กลับไปถามเขาสิ ถ้าเขาบอกอะนะ” หญิงสาวถูกพิมมาดาวางสายใส่อย่างไม่สบอารมณ์เหมือนกัน แต่อีกคนที่ถูกพูดถึงเมื่อครู่ก็กวนใจจนเธอลืมแหวใส่เพื่อนที่กล้ากระฟัดกระเฟียดใส่เธอ
“คุณชาร์ล... ไม่นะ” ซินดี้ปลดล็อกมือถือของเธออีกครั้งเพื่อโทรหาเลขาของเขา แต่เธอก็โทรเก้อเพราะไร้วี่แววว่าคุณเลขาคนเฉิ่มนั้นจะรับสาย
“คุณซินดี้ผู้กำกับให้มาตาม”
“จิ๊” คนที่มาตามหญิงสาวหน้าเหรอเมื่ออยู่ดี ๆ เธอก็ถูกชักสีหน้าใส่ซะอย่างนั้น ‘แค่มาตามเพราะทุกคนรออยู่เท่านั้นเอง’