“คิดถึงบรรยากาศที่นี่จังเลยค่ะ หยาดไม่ได้มาตั้งหลายปีแล้ว” หยาดทิพย์พูดด้วยรอยยิ้มมีความสุขเมื่อนั่งอยู่ในร้านอาหารหรูของโรงแรมแห่งหนึ่งที่เธอเคยมากับเขมันต์ตอนที่ยังไม่ได้ไปต่างประเทศ
“พี่จะพามาบ่อยๆ” เขมันต์พูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างอบอุ่นอย่างไม่เคยพูดกับใครมาก่อน เพราะผู้หญิงตรงหน้าคือผู้หญิงที่เป็นรักแรกและรักเดียวของเขามานาน แม้ว่าเมื่อหลายปีก่อนเธอจะเคยขอเลิกกับเขาเพื่อไปเรียนและทำความฝันที่ต่างประเทศ แต่เขาก็เข้าใจเหตุผลของเธอและไม่เคยเลิกกับเธอจนกระทั่งเธอกลับมา
“แฟนใครคะ น่ารักที่สุดเลย” ร่างบางพูดด้วยรอยยิ้มหวานอย่างออดอ้อนทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเขมันต์ที่ยังเอาอกเอาใจเก่งเหมือนเดิม
ตอนแรกที่เธอกลับมาเธอย่อมกลัวอยู่แล้วว่าเขมันต์จะเปลี่ยนไปและลืมเธอไปแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าเขายังรอเธอทั้งที่ตอนนั้นเธอบอกเลิกเขา บอกเลิกด้วยเหตุผลที่ว่าจะไปเรียนต่อและทำความฝันตัวเองทั้งที่จริงๆแล้วเธอ อยากไปเรียนต่อกับคนรักใหม่ของเธอ คนรักที่สุดท้ายก็ทิ้งเธอไปหาผู้หญิงคนอื่น แต่หยาดทิพย์ค่อนข้างมั่นใจว่าเขมันต์ไม่รู้เรื่องนี้ เพราะไม่งั้นเขาคงไม่รอเธอมาหลายปีแบบนี้
“แล้วอยากรักตลอดไปไหม” แล้วเขมันต์ก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง
“ก็ต้องอยากรักตลอดไปสิคะ” ผู้ชายที่ดีและเพียบพร้อมอย่างเขมันต์เหมาะสมกับเธอที่สุดแล้ว
“ถ้าอยากงั้น หยาดพร้อมจะแต่งงานกับพี่ไหม”
กึก!
“!!” แผ่นหลังบางนิ่งเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคบางอย่างที่ดังขึ้นด้านหลังของเธอ และเป็นประโยคที่ดังขึ้นจากปากของผู้ชายที่เธอรัก
เขมันต์
“เป็นอะไร อาหารไม่ถูกปากหรอ” จิรันดร์ถามน้ำค้างขึ้นหลังจากเห็นเธอชะงักค้างไปอย่างเห็นได้ชัด และอาการของเธอมันก็ทำให้จิรันดร์มั่นใจแล้วว่าสิ่งที่เขาสงสัยมาตลอดคือเรื่องจริง
“เปล่าค่ะ ฉันขอไปห้องน้ำสักครู่นะคะ” น้ำค้างประคองสติตัวเองอย่างที่สุดก่อนจะพูดด้วยเสียงเบาเพราะกลัวว่าเขมันต์จะได้ยินและลุกเดินออกไปทันที เพราะเธอกลัวว่าเธอจะฝืนตัวเองไม่ไหวจนทำอะไรน่าอายออกมาที่สาธารณะ
“หึ” จิรันดร์ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอย่างอารมณ์ดีหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นดูท่าจะทำให้เข้าทางเขาอีกแล้ว และเรื่องร้านอาหารที่จิรันดร์จองเป็นร้านเดียวกับเขมันต์และเป็นโต๊ะใกล้กับเขมันต์มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญสำหรับคืนนี้ โดยที่จิรันดร์กับน้ำค้างมาถึงร้านก่อน และเขาก็ให้น้ำค้างนั่งหันหลังไปทางประตูเข้าเพื่อไม่ให้เธอและเขมันต์เจอกัน
“ฮึก” ร่างบางที่เข้ามาถึงห้องน้ำก็กลั้นน้ำตาของตัวเองต่อไม่ไหวก่อนมันจะไหลออกมาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับหญิงสาวที่ทำได้เพียงกลั้นเสียงสะอื้นไว้อย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้คนอื่นๆได้ยิน
“ถ้าอยากงั้น หยาดพร้อมจะแต่งงานกับพี่ไหม”
กับเธอแค่คำว่ารักหรือรู้สึกดีเขายังไม่เคยเอ่ยออกมาเลย เขาไม่เคยพูดความรู้สึกอะไรที่มีต่อเธอให้รับรู้บ้างเลย แต่กับผู้หญิงอีกคนเขากลับพูดคำว่าแต่งงานออกมาได้อย่างง่ายดาย เขารักผู้หญิงคนนั้นมากสินะ เขาจริงจังจนหวังสร้างครอบครัวกับผู้หญิงคนนั้นมานานแล้วสินะถึงได้รอมาตลอดแม้ว่าจะมีเธออยู่ข้างๆทุกวัน แต่ก็ไม่มีใครแทนที่ผู้หญิงคนนั้นได้เลย
แต่งงานงั้นหรอ เขากำลังจะแต่งงานจริงๆสินะ กำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่เขารักและรอมาตลอด โดยที่ผู้หญิงอย่างเธอเป็นได้แค่ตัวคั่นเวลาที่เต็มใจเป็นให้เขามาตลอด ผู้หญิงที่สุดท้ายก็ทำได้เพียงมองดูเขามีความสุขกับคนอื่นอย่างทำอะไรไม่ได้
“ต้องถอยแล้วใช่ไหม” เสียงแผ่วเบาเอ่ยออกมาจนแม้แต่ตัวเองก็แทบไม่ได้ยิน พร้อมกับน้ำตาที่เอาแต่ไหลประจานความผิดหวังของเธอไม่หยุดแบบนี้
แต่สุดท้ายน้ำค้างก็ต้องออกไปเผชิญความจริง ออกไปใช้ชีวิตของตัวเองต่อ การที่เธอหายมานานแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด สุดท้ายเธอก็ต้องเช็ดน้ำตาของตัวเองก่อนจะออกไปล้างหน้าล้างตาและแต่งหน้าเพิ่มเพื่อปกปิดใบหน้าที่ผ่านการร้องไห้มา แม้ว่าจะไม่ได้ช่วยอะไรมากก็ตาม
ร่างบางในชุดเดรสสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยเดินออกจากห้องน้ำเพื่อกลับไปที่โต๊ะของเธอคืน โต๊ะที่ตอนนี้มีจิรันดร์รออยู่ แต่เพราะขากลับมันทำให้ทิศทางที่น้ำค้างเดินอยู่มันสามารถมองเห็นโต๊ะของเขมันต์ที่นั่งใกล้ๆกับโต๊ะของเธอ เพราะแบบนั้นมันจึงทำให้น้ำค้างได้เห็นใบหน้าของคนที่นั่งหันมาทางเธอเข้าพร้อมกับเท้าเล็กที่เผลอชะงักอย่างไม่รู้ตัว